รวม 4 คำถาม-ตอบ ที่สำคัญ เกี่ยวกับอิมามมะฮ์ดี (อ.) ผู้มาโปรดที่ถูกสัญญา | จากสุนทรพจน์อิมามคอเมเนอี

21

🔴 คำถามที่ 1: การอ้างอิงถึงพระผู้ช่วยให้รอด/ ผู้มาโปรดที่ถูกสัญญา เป็นเรื่องเฉพาะเจาะจงของศาสนาใดศาสนาหนึ่ง หรือเป็นสิ่งที่มีอยู่เดิมโดยเนื้อแท้ของมวลมนุษยชาติ?

❇️ คำตอบ:

💡ส่วนมากจากศาสนาและสำนักคิดต่างๆ ได้บอกกล่าวล่วงหน้าถึงการปรากฏของพระผู้ช่วยให้รอด/ ผู้มาโปรด

วันที่ 15 เดือนชะอฺบาน [วันคล้ายวันประสูติอิมามมะฮ์ดี (.) ผู้มาโปรดที่ถูกสัญญา] เป็นวันที่เปี่ยมไปด้วยความหวัง ซึ่งความหวังนี้ไม่ได้จำกัดเฉพาะแก่ชาวมุสลิมนิกายชีอะห์ หรือแม้แต่ประชาชาติอิสลามทั้งหมดเพียงเท่านั้นตามที่ข้าพเจ้าทราบ คำสัญญาเกี่ยวกับอนาคตอันสดใสสำหรับมนุษยชาติ และการมาถึงของผู้ช่วยให้รอด/ผู้มาโปรด ที่ถูกสัญญา ซึ่งจะมาเพื่อเสริมสร้างความยุติธรรมนั้น เป็นความเชื่อสากล ที่มีร่วมกันในเกือบทุกศาสนาศักดิ์สิทธิ์ทั่วโลก

นอกจากศาสนาอิสลาม ศาสนาคริสต์ และศาสนายูดายแล้ว แม้แต่ความเชื่อในศาสนาพราหมณ์ ฮินดู ต่างๆ อาทิศาสนาพุทธ รวมถึงศาสนาอื่นๆ ที่คนส่วนใหญ่อาจไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับมันด้วยซ้ำก็ได้แจ้งให้บรรดาสาวกทราบถึงกาลอนาคตในลักษณะเช่นนั้นในคำสอนของพวกเขา ในความเป็นจริง สิ่งนี้ได้มอบความหวังแก่มนุษยชาติ ตลอดหน้าประวัติศาสตร์ นี่เป็นการตอบสนองไปยังความต้องการของมนุษย์ สำหรับความหวังนี้

ศาสนาศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายซึ่งมักมีรากเหง้าจากฟากฟ้า และจากพระผู้เป็นเจ้าไม่ประสงค์จะสร้างความหวังที่เป็นเท็จแก่ผู้คน ศาสนาเหล่านั้นทั้งหมด สำแดงถึงสัจธรรม มันมีสัจธรรมในการสร้างมนุษย์ และในประวัติศาสตร์อันยาวนานของมนุษยชาติ และสัจธรรมที่ว่า คือ วันหนึ่งการต่อสู้ระหว่างความดี และความชั่ว จะบังเกิดผล อันนำไปสู่ความพ่ายแพ้ของความชั่วร้าย และชัยชนะของความดี หลังจากขั้นตอนนี้ ชีวิตที่แท้จริง และน่ารื่นรมย์ของมนุษย์จะเริ่มต้นขึ้น ที่ซึ่งการดิ้นรนต่อสู้ จะไม่ใช่การรบราฆ่าฟันกันอีกต่อไป แต่ทว่าผู้คนจะดิ้นรนต่อสู้ เพื่อความเท่าเทียมในการทำความดี นี่คือสัจธรรมหนึ่ง ที่ทุกศาสนามีร่วมกัน

💡เรื่องราวในพันธสัญญาเดิม และพันธสัญญาใหม่เกี่ยวกับการปรากฏของพระผู้ช่วยให้รอด/ ผู้มาโปรดสอดคล้องกับเรื่องราวที่มีอยู่ในอิสลาม

ว่าด้วยประเด็นเรื่องมะห์ดาวิยะฮ์” [ความเชื่อเกี่ยวกับอิมามมะฮ์ดี .] — มุสลิมสุหนี่ และแม้แต่นักวิชาการที่ไม่ใช่มุสลิม ซึ่งได้ศึกษาความเชื่อของชีอะฮ์ในประเด็นมะห์ดาวิยะฮ์ทั้งหมดล้วนยืนยันข้อเท็จจริงที่ว่า สาส์นที่ถูกประทานในคัมภีร์เตารอต คัมภีร์ไบเบิล และคัมภีร์ของศาสนาอื่น ต่างก็มีพื้นฐานมาจากแนวคิดมะห์ดาวิยะฮ์เดียวกัน ที่เป็นที่ยึดถือในชีอะฮ์อิสลาม

~ จากสุนทรพจน์อิมามคอเมเนอี วันที่ 17 สิงหาคม 2008

💡ความเชื่อในพระผู้ช่วยให้รอด/ ผู้มาโปรด เหมือนกับความเชื่อในการฟื้นคืนชีพ

ความเชื่อในอิมามแห่งยุคสมัย (.) เป็นองค์ประกอบจากโลกทัศน์ของศาสนาต่างๆ กล่าวคือ เฉกเช่นเดียวกับที่ศาสนาศักดิ์สิทธิ์ต่างๆเหล่านั้น มีมุมมองตามโลกทัศน์ทั่วไปของพวกเขา เกี่ยวกับจักรวาล, มนุษยชาติ, จุดเริ่มต้น และจุดจบของชีวิตมนุษย์เกี่ยวกับการกำเนิด และการฟื้นคืนชีพศาสนาเหล่านั้น ยังมีมุมมองในโลกทัศน์ของพวกเขาเกี่ยวกับปลายทางสุดท้ายของกองคาราวานมนุษย์ด้วย โลกทัศน์เป็นระบบอันยิ่งใหญ่ ซึ่งวางรากฐานสำหรับแนวความคิด ภาระผูกพัน และกฎเกณฑ์ทั้งหมดของศาสนา

มันกล่าวถึงประเด็นว่าด้วยชีวิตหลังความตาย และปรโลก อีกประเด็นคือ สถานที่ที่มนุษย์กำลังมุ่งหน้าไปสู่ หากเราเปรียบประชาคมมนุษย์ ตลอดหน้าประวัติศาสตร์เป็นเสมือนกองคาราวาน ซึ่งกำลังเดินไปตามทางที่เจาะจง เราจะพบกับคำถามนี้: กองคาราวานนี้ กำลังจะมุ่งไปที่ไหน? ปลายทางของกองคาราวานนี้คืออะไร? จุดจบของเส้นทางนี้คืออะไร?

นี่เป็นคำถามที่จริงจัง และทุกๆโลกทัศน์ควรต้องตอบคำถามนี้ ศาสนาต่างๆ ได้ตอบคำถามนี้แล้วทั้งหมดต่างก็เชื่อว่า กองคาราวานนี้จะไปถึงยังจุดหมายปลายทางอันเป็นที่โปรดปราน หอมหวาน และรื่นรมย์ในบั้นปลายท้ายที่สุดลักษณะสำคัญของปลายทางนี้ คือความยุติธรรม ความยุติธรรม เป็นคำร้องขอโดยทั่วไปของมนุษยชาติ นับตั้งแต่วันแรก จวบจนถึงวันนี้ และจะยังคงเป็นคำร้องขอหลักของมนุษยชาติไปจนถึงที่สุด

ผู้คนที่พยายามเชื่อในความแตกต่าง ความหลากหลาย และการเปลี่ยนแปลงในหลักการ และปรัชญาหลักของพวกเขา ต่างก็ไม่สามารถปฏิเสธข้อเท็จจริงที่ว่า มนุษยชาติได้มีการร้องขอบางสิ่งบางอย่าง นับตั้งแต่วันแรก จนถึงวันนี้ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือความยุติธรรม มนุษยชาติแสวงหาความยุติธรรม ไม่เคยเปลี่ยนใจไปจากความปรารถนานี้ และในที่สุดความปรารถนานี้ ก็จะได้รับการตอบสนอง

~ จากสุนทรพจน์อิมามคอเมเนอี วันที่ 11 มิถุนายน 2014

____________

🔴คำถามที่ 2: อะไร คือคุณลักษณะของผู้ช่วยให้รอด/ ผู้มาโปรดโลก ในยุคสุดท้าย?

❇️ คำตอบ:

💡สำนักคิดชีอะฮ์ได้ชี้ให้เห็นถึงคุณลักษณะเหล่านี้

ความเชื่อในการกลับมาปรากฏอีกครั้งของท่านอิมามมะห์ดี (.) จุดหนึ่งในประวัติศาสตร์นั้น ไม่ได้เป็นเรื่องเจาะจงเฉพาะในหมู่ชาวมุสลิมนิกายชีอะฮ์ แต่มุสลิมทุกคนรวมทั้งชีอะห์และสุนหนี่ต่างก็เชื่อในแนวคิดนี้

อย่างไรก็ตาม มุสลิมชีอะฮ์มีเอกสิทธิ์เหนือกว่า อันเนื่องจากการที่พวกเขารู้จักผู้มาโปรดผู้นี้ ด้วยชื่อและคุณลักษณะต่างๆ และเชื่อว่า ท่านมีความพร้อม และมีการเตรียมตัวที่จะน้อมรับคำบัญชาจากฟากฟ้าอยู่เสมอ เมื่อใดก็ตามที่พระผู้เป็นเจ้า ผู้ทรงฤทธานุภาพ ทรงรับสั่งให้ท่านปรากฏตัวอีกครั้ง ท่านก็พร้อมที่จะเริ่มการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ในทันที อันเป็นการเคลื่อนไหว เพื่อปฏิวัติมนุษยชาติและประวัติศาสตร์ บทเรียนและคำสอนเชิงปฏิบัติและความรู้ความเข้าใจ ที่เราจำเป็นต้องเรียนรู้จากแนวคิดนี้มีความสำคัญยิ่ง

~ สุนทรพจน์อิมามคอเมเนอี วันที่ 22 ตุลาคม 2002

••• ทุกศาสนาอิบรอฮีม [อับราฮัม] เชื่อในพระผู้ช่วยให้รอด/ ผู้มาโปรดโลกในยุคสุดท้าย ทุกศาสนาอิบราฮิมเชื่อว่าจะมีใครบางคนปรากฏขึ้นมา เพื่อช่วยกอบกู้โลกจากการกดขี่ และความโหดร้ายป่าเถื่อน ในศาสนาอิสลาม ได้มีการกล่าวถึงชื่อของผู้กอบกู้โลกผู้นี้

นิกายในอิสลามทั้งหมด อ้างถึงบุคคลากรแห่งพระผู้เป็นเจ้า และบุคคลที่ยิ่งใหญ่และพิเศษผู้นี้ว่ามะฮ์ดีเป็นไปได้ว่าไม่มีนิกายใดในอิสลาม ที่ไม่เชื่อว่า มะห์ดี (.) จะปรากฏขึ้น ท่านเป็นผู้สืบเชื้อสายมาจากท่านศาสดา(ศ็อลฯ) ยิ่งไปกว่านั้น นิกายต่างๆในอิสลาม ก็ยังได้ระบุชื่อและฉายานามของท่านด้วย

สำหรับลักษณะเฉพาะของแนวคิดชีอะห์ คือ การที่แนวคิดนี้ ได้แนะนำถึงบุคลากรผู้นี้อย่างสมบูรณ์ และอย่างชัดเจน แนวคิดชีอะฮ์ พิจารณาว่า ท่านเป็นบุตรชายของอิมามลำดับที่ 11 [แห่งวงศ์วานอะฮ์ลุลบัยตฺ] – นั่นคือ อิมามฮาซันอัลอัสการี (. )

จากมุมมองของนักประวัติศาสตร์ และนักรายงานของชีอะห์ วันประสูติของท่านเป็นที่ชัดเจนมาก [ขณะที่] ส่วนใหญ่จากนิกายอื่นๆ ในอิสลาม ไม่ได้ระบุถึงวันประสูติของท่าน หรือ พวกเขาไม่ยอมรับมัน แต่ชีอะฮ์ได้พิสูจน์การมีอยู่ และวันเดือนปีเกิดของบุคลากรผู้ยิ่งใหญ่นี้นั้น ด้วยตรรกเหตุผลที่หนักแน่น และตรงประเด็น บางคนปฏิเสธความเป็นไปได้ของการดำรงอยู่ และการอยู่รอดของบุคคลในช่วงเวลาอันยาวนาน [นับพันปี] นี่เป็นคำถามเดียว ที่ฝ่ายตรงข้ามหยิบยกขึ้นมาในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับท่านอิมามมะฮ์ดี (.)

อย่างไรก็ตาม พระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน ได้ขจัดสิ้นซึ่งข้อสงสัยดังกล่าว ด้วยถ้อยคำที่ชัดเจน ท่านศาสดามูฮำหมัด(ศ็อลฯ) กล่าวรายงานเกี่ยวกับท่านศาสดานูฮ์ (.) ว่า

وَلَقَدْ أَرْسَلْنَا نُوحًا إِلَىٰ قَوْمِهِ فَلَبِثَ فِيهِمْ أَلْفَ سَنَةٍ إِلَّا خَمْسِينَ عَامًا فَأَخَذَهُمُ الطُّوفَانُ وَهُمْ ظَالِمُونَ

และโดยแน่นอนเราได้ส่งนูห์ไปยังหมู่ชนของเขา และเขาได้อยู่ร่วมกับพวกเขาหนึ่งพันปีเว้นห้าสิบปี (950 ปี)” — [อัลกุรอาน 29:14]

นี่ไม่ได้หมายความว่าท่านศาสดานูฮ์ (.) มีอายุถึง 950 ปี ทว่ามันให้นัยยะอย่างชัดเจนว่า ภารกิจของท่านศาสดานูฮ์(.) – ในการเชิญชวนผู้คนมาสู่พระผู้เป็นเจ้านั้นดำเนินไปเป็นระยะเวลา 950 ปี

~ สุนทรพจน์อิมามคอเมเนอี วันที่ 4 มิถุนายน 2015

____________

🔴คำถามที่ 3: จะมีเหตุการณ์ใดเกิดขึ้น ด้วยกับการปรากฏอีกครั้งของอิมามมะฮ์ดี (.) ผู้มาโปรดโลก?

❇️ คำตอบ:

💡โลกในอุดมคติของมวลมนุษยชาติ

ท่านผู้มาโปรดโลก ผู้ซึ่งจะมาปรากฏ ในวาระสุดท้าย ในโลกยุคสุดท้าย เป็นสัญลักษณ์ และการสำแดงซึ่งความยุติธรรมแห่งพระผู้เป็นเจ้า

ท่านอิมามมะห์ดี (.) เป็นกุญแจสู่ความยุติธรรม และเป็นสัญลักษณ์ของความยุติธรรมแห่งพระผู้เป็นเจ้าบนหน้าแผ่นดิน ด้วยเหตุนี้ มวลมนุษยชาติทั้งมวล จึงตั้งตารอการปรากฎตัวอีกครั้งของท่าน ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง บรรดามุสลิมได้ระบุถึงการรอคอยอันยิ่งใหญ่นี้ไว้อย่างชัดเจน และสำหรับชีอะห์อิสลาม ก็มีข้อมูลที่กระจ่างชัด และละเอียดเกี่ยวกับท่านผู้เปลื้องบาป ผู้ไถ่ถอนผู้นี้

ดังนั้น เรื่องการรอคอยอิมามมะห์ดี (.) จากมุมมองนี้ จึงไม่จำกัดเฉพาะเพียงชีอะฮ์เท่านั้น และยิ่งไปกว่านั้น คือ ไม่ใช่เฉพาะในอิสลาม แต่ทว่า มันหมายถึง การรอคอยของผู้คนจากทุกๆ วิถีชีวิต และจากทุกประชาชาติทั่วโลก การรอคอยนี้ แสดงถึงความหวังในหัวใจของมนุษยชาติ: ประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติก้าวไปสู่การพัฒนา ความหวังนี้ให้พลังแก่เรือนร่าง มอบแสงสว่างแก่หัวใจ และกำหนดว่า ทุกย่างก้าวที่จะนำไปสู่การแสวงหาความยุติธรรมนั้น สอดคล้องกับทิศทางตามธรรมชาติ และระเบียบของโลก รวมถึงประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ ด้วยเหตุฉะนี้ ก่อนการปฏิวัติอิสลามเมื่อคราที่ประเทศของเรากำลังต่อสู้ พวกเขาจึงมีความรู้สึกราวกับว่า พวกเขากำลังก้าวไปสู่อุดมคติของความเป็นมนุษย์

~ สุนทรพจน์อิมามคอเมเนอี วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 1993

____________

🔴คำถามที่ 4: หน้าที่ความรับผิดชอบของเรา ที่มีต่อผู้มาโปรดโลกยุคสุดท้าย คือ อะไร?

❇️ คำตอบ

~ ประเด็นที่จะต้องทำความเข้าใจ เพื่อตระหนักถึงหน้าที่รับผิดชอบต่างๆ ~

💡 .) ความหมายของการรอคอยการปรากฏอีกครั้งของพระผู้ช่วยให้รอด / ผู้มาโปรดที่ถูกสัญญา

••• เรามักจะโหยหาความรอดพ้นเมื่อใด? — เราจะกระทำเช่นนั้น ก็ต่อเมื่อเราอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก และเมื่อเผชิญปัญหา เมื่อเราประสบปัญหา เราปรารถนาความรอดพ้นกล่าวคือ ใครสักคน ที่จะสามารถแก้ไขปัญหาของเรา และช่วยเราได้ นี่คือจุดสำคัญ

ความหมายที่แท้จริงของการรอคอยผู้มาโปรด คือ การที่บรรดาผู้ศรัทธาในอิสลาม และในสายธารแห่งอะฮ์ลุลบัยตฺ[ครัวเรือนของท่านศาสดา(.)] รู้จักที่จะจำแนกปัญหาของมนุษยชาติในโลกสมัยใหม่ นี่คือสิ่งที่พวกเขาควรจะต้องกระทำ พวกเขากำลังเฝ้ารอให้ปัญหาของมนุษยชาติได้รับการแก้ไข ปัญหาที่ว่านี้ ไม่ได้จำกัดเฉพาะปัญหาของข้าพเจ้า หรือปัญหาของคุณเพียงเท่านั้นอิมามแห่งยุคสมัย (ขอให้วิญญาณของเราได้พลีเพื่อท่าน) จะมาแก้ไขปัญหาของมนุษยชาติ ท่านจะมาช่วยกอบกู้มนุษยชาติตลอดไป

ฉะนี้ หมายความว่า ผู้ที่รอคอยการปรากฏของอิมามมะห์ดี (.)นั้น ไม่พอใจกับสภาวการณ์ปัจจุบันของโลกใบนี้สภาวการณ์ที่ปราศจากความยุติธรรมในโลก ที่ซึ่งผู้บริสุทธิ์จำนวนมากถูกกดขี่ ผู้คนหลายคนถูกชักนำไปในทางที่ผิดและอีกหลายคนไม่พบโอกาสที่จะนมัสการพระผู้เป็นเจ้า

การรอคอยการปรากฏของอิมามมะฮ์ดี (.) หมายถึงการต่อต้านไปยังสภาวการณ์ปัจจุบัน ที่แพร่ขยายในชีวิตมนุษย์ซึ่งมีสาเหตุมาจากความโง่เขลา [อวิชชา] ตัณหา และความใคร่ทางกามารมณ์ ที่แพร่หลายในชีวิตมนุษย์ นี่คือความหมายที่แท้จริงของการรอคอยการมาถึงของอิมามมะห์ดี (.)

ลองพิจารณาไปยังสถานการณ์โลกในปัจจุบัน มันเป็นสถานการณ์เดียวกัน ตามที่มีการกล่าวถึงในรายงานต่างๆ เกี่ยวกับการปรากฏของอิมามมะฮ์ดี (.) ที่มีอยู่ในโลกในปัจจุบัน: กล่าวคือ โลกนั้นจะเต็มไปด้วยการกดขี่ ข่มเหง สิ่งนี้ถูกกล่าวถึงในรายงาน และบทวิงวอนต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการมาปรากฏของอิมามมะฮ์ดี (.) — เช่นพระผู้เป็นเจ้า(..)จะทรงทำให้โลกนี้ เต็มไปด้วยความยุติธรรม ด้วยกับเขา [อิมามมะห์ดี (.)] เช่นเดียวกับที่ครั้งหนึ่ง มันเคยถูกทำให้เต็มไปด้วยการกดขี่ข่มเหง และความอยุติธรรม

การกดขี่ข่มเหง และความอยุติธรรมได้แพร่ขยายในชีวิตมนุษย์มาอย่างต่อเนื่อง [ทุกยุค ทุกสมัย] สภาวการณ์เดียวกันนี้ ดำรงอยู่ในโลกปัจจุบัน การกดขี่และความอยุติธรรมแพร่ขยายไปทั่วโลก ทุกวันนี้ ชีวิตของมนุษย์ถูกครอบงำโดยมหาอำนาจ อหังการโลก ที่กดขี่และจองหอง

นี่คือสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในทุกส่วนของโลก ทุกวันนี้ มนุษย์กำลังประสบปัญหามากมาย เนื่องมาจากการแพร่ขยายของการปกครองที่กดขี่ ตัณหา และความใคร่ทางกามารมณ์ในชีวิตของพวกเขา การดำรงอยู่ของผู้คนสองพันล้านคนที่ทุกข์ทรมานจากความอดอยาก การดำรงอยู่ของผู้คนหลายล้านคนที่อยู่ภายใต้อิทธิพลของความใคร่ และตัณหาภายใต้รัฐปกครอง ที่มิได้มีที่มาจากพระผู้เป็นเจ้าไปจนถึงแรงกดดัน ที่กำลังทับถมไปยังผู้ศรัทธา และผู้ที่ต่อสู้เพื่อความยุติธรรมบนเส้นทางของพระผู้เป็นเจ้าเช่น แรงกดดันที่มีไปยังประชาชาติอิหร่าน ซึ่งสามารถเชิดชูธงแห่งความยุติธรรม ในบางส่วนของโลกได้เหล่านี้ ล้วนเป็นข้อบ่งชี้ ที่บอกถึงความแพร่หลายของการปกครองที่กดขี่ และข่มเหงในโลกใบนี้

วันนี้ เรากำลังรอคอยผู้มาโปรด ซึ่งหมายความว่า เรากำลังรอผู้กอบกู้ ที่แข็งแกร่ง และมีอำนาจ เพื่อนำความยุติธรรมมาสู่โลก พร้อมกันนั้น คือ มาหยุดยั้งการกดขี่ และความอยุติธรรมทั้งหมด ซึ่งกำลังแพร่ขยายในชีวิตของมนุษย์ เรากำลังรอให้ผู้กอบกู้ผู้นั้น มายุติการกดขี่ และความอยุติธรรม อีกทั้งนำความยุติธรรมมาสู่ชีวิตมนุษย์

สิ่งนี้ คือ ความปรารถนาถาวร สำหรับผู้ที่มีชีวิต และมีสติสัมปชัญญะ เป็นความต้องการสำหรับผู้ที่ไม่ได้จำกัดตนเองอยู่แต่ในชีวิตส่วนตัวเท่านั้น มนุษย์ทุกคนที่มีมุมมองที่กว้างไกล เกี่ยวกับชีวิตทั่วไปในความเป็นมนุษย์ ย่อมรอคอยวันนั้นโดยวิถีธรรมชาติ นี่คือความหมายที่แท้จริงของการรอคอย

การรอคอยอิมามมะฮ์ดี(.)” หมายความว่า เราไม่ควรยอมรับ หรือพึงพอใจกับสภาวการณ์ปัจจุบันในชีวิตของเราและเราควรพยายามดำเนินชีวิตตามอุดมคติ และเป็นที่ชัดเจนว่า อิมามมะฮ์ดี (ขอให้วิญญาณของเราได้พลีเพื่อท่าน) เท่านั้น ที่จะสามารถสร้างสภาวการณ์ในอุดมคติเช่นนี้ได้•••

~ สุนทรพจน์อิมามคอเมเนอี วันที่ 17 สิงหาคม 2008

💡.) ผู้ที่เชื่อในการปรากฏอีกครั้งของผู้มาโปรดโลก จะไม่มีทางสิ้นหวัง

••• เมื่อคำนึงถึงท่านอิมามแห่งยุคสมัย (ขอพระผู้เป็นเจ้าทรงเร่งการปรากฏ และขอความสันติพึงมีแด่ท่าน) ประเด็นแรก กล่าวได้ว่า บุคลากรผู้ประเสริฐท่านนี้นั้น คือ ผู้ที่เชื้อเชิญไปสู่พระผู้เป็นเจ้า(..) การพินิจไปยังอิมาม(.) ผู้ยิ่งใหญ่ เป็นการแสดงออกซึ่งความรัก และการเชื่อฟังต่ออัลลอฮ์ (..) ผู้ทรงสูงส่ง: “ขอความสันติ พึงมีแด่ท่าน ผู้เชื้อเชิญสู่พระผู้เป็นเจ้าและผู้ที่คุ้นเคยกับสัญญาณต่างๆ ของพระองค์” [Ihtijaj, Vol.2, page 493]

ทุกสรรพสิ่ง ศาสดาทุกองค์ เหล่าผู้บำเพ็ญตนทุกคน ความเชื่ออันศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมด และดวงจิตอันบริสุทธิ์ทั้งมวล ผู้ซึ่งทอแสงสว่างสู่ชีวิตทั้งหลายของเรา บนโลกของเรา และในจักรวาลทั้งหมด คือ สัญญาณและการสะท้อนของพระผู้เป็นเจ้า นี่คือประเด็นที่ควรได้รับความสนใจ เราให้ความสำคัญกับอิมามแห่งยุคสมัย (.) และเราวิงวอน อีกทั้งแสดงความอ่อนน้อมถ่อมตนต่อหน้าอิมามผู้ยิ่งใหญ่ (.) เพื่อให้ความอัปยศอดสูนี้ไปถึงยังแก่นแท้ขององค์ผู้ทรงเอกะ และเพื่อให้เราแสดงการเชื่อฟังต่ออัลลอฮ์(..) ผู้ทรงสูงส่ง

ประเด็นที่สอง คือ นามและการระลึกถึงบุคลากรผู้ยิ่งใหญ่นี้นั้น จะย้ำเตือนเราอยู่เสมอ ถึงความจริงที่ว่า การปรากฏขึ้นของดวงประทีปแห่งสัจธรรม และความยุติธรรมนั้นเป็นที่แน่นอน ท้ายที่สุดของค่ำคืนอันมืดมิดนี้

บางครั้ง เมื่อมนุษย์เห็นคลื่นลูกใหญ่แห่งความมืดมิด และการกดขี่ พวกเขารู้สึกสิ้นหวัง [ทว่า] การรำลึกถึงท่านอิมามแห่งยุคสมัย (.) แสดงให้เห็นว่า ดวงประทีปจะปรากฏขึ้น และวันนั้นจะมาถึง แน่นอนว่า ความมืดมิดดำรงอยู่ มีบุคคลที่กดขี่ และมีผู้สร้างความมืดมิดในโลกนี้ พวกเขามีอยู่มาหลายศตวรรษแล้ว แต่ถึงกระนั้น ในท้ายที่สุดของค่ำคืนที่มืดมัวไร้แสง ค่ำคืนอันมืดมิดนี้ ย่อมมีดวงอาทิตย์ปรากฏขึ้นอย่างแน่นอน

~ สุนทรพจน์อิมามคอเมเนอี วันที่ 10 พฤษภาคม 2017

💡.) การรอคอยการปรากฎอีกครั้งของอิมามมะห์ดี (.) ไม่ควรเป็นเพียงการร้องไห้คร่ำครวญ

••• อีกบทเรียนหนึ่งสำหรับข้าพเจ้า และสำหรับคุณ ในการเรียนรู้ความเชื่อในมะห์ดาวิยะฮ์ [ความเชื่อที่เกี่ยวข้องกับอิมามมะฮ์ดี (.) และการปรากฏของท่าน] รวมถึงบทเรียนจากพิธีต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับนิสฟูชะอฺบาน [วันครบรอบวันประสูติของท่านอิมามมะห์ดี (.)] ก็คือ แม้ว่าการศรัทธาต่อท่านอิมามมะห์ดี (.) จะถือเป็นปณิธานอันสูงส่ง และไม่มีข้อสงสัยในมัน; อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้ไม่ควรถือเป็นเพียงปณิธานอย่างเดียวเท่านั้นนั่นคือ การเป็นเพียงความใฝ่ฝันในหัวใจ หรือ เพียงก้าวหนึ่งที่ไกลออกไป และเป็นเพียงคำพูดหรือ เพียงการเฉลิมฉลอง แต่ทว่า มันควรเป็น ความปรารถนาที่ต้องติดตามมาด้วยการกระทำ

การรอคอย [ในรูปแบบ] ที่ได้รับการสนับสนุนให้กระทำ ตามรายงานต่างๆ ไม่ใช่แค่การนั่งเฉย และร้องไห้คร่ำครวญเท่านั้น การรอคอย หมายถึงการที่เราควรจะเตรียมตัวเป็นทหารของท่านอิมามมะห์ดี (.) การเป็นทหารของท่านนั้นไม่ง่ายเลย การเป็นทหารของผู้ไถ่ถอนที่ยิ่งใหญ่ ผู้ที่ต้องการต่อสู้กับมหาอำนาจระหว่างประเทศ และศูนย์กลางแห่งการทุจริตนั้น จำเป็นต้องมีการตระเตรียมตนเอง การตระหนักรู้ และความสามารถในการแยกแยะ บางคนใช้การรอคอยเป็นข้ออ้างของความเฉื่อยชา ด้วยความเข้าใจผิด เราไม่ควรคิดเช่นนั้น ที่ว่า ในเมื่ออิมามมะห์ดี (.) จะมาปรากฏ และจะเติมเต็มโลกด้วยความยุติธรรมในสักวันหนึ่ง เราจึงไม่มีหน้าที่ใดๆ ต้องรับผิดชอบในวันนี้ ทว่าตรงกันข้าม เรามีหน้าที่ต้องมุ่งไปในทิศทางนั้นในวันนี้ เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการปรากฏอีกครั้งของท่าน [ในวันหน้า]•••

~ สุนทรพจน์อิมามคอเมเนอี วันที่ 22 ตุลาคม 2002

💡.) การเชื่อในผู้มาโปรด อิมามแห่งยุคสมัย(.) ไม่ได้หมายถึงการอยู่อย่างสันโดษ ปลีกวิเวก

••• การศรัทธาต่อท่านอิมามมะฮ์ดี (.) ไม่ได้หมายถึงการอยู่อย่างสันโดษ การเคลื่อนไหวที่บิดเบือน ก่อนการปฏิวัติฯได้สนับสนุนอีกทั้งบางบุคคล ในบางพื้นที่ในปัจจุบัน ก็ยังคงส่งเสริม [ซึ่งแนวคิดที่] ว่าอิมามมะห์ดี (.) จะมาและแก้ไขปัญหา ด้วยเหตุนี้ เราจึงไม่จำเป็นต้องทำอะไรทั้งสิ้น!’

นี่เสมือนกับการหลีกเลี่ยงที่จะเปิดไฟ ในค่ำคืนที่มืดมิด เพราะ[เชื่อว่า] ในวันพรุ่งนี้ ดวงอาทิตย์จะสาดแสงส่องลงมายังทุกที่ดวงอาทิตย์ในวันรุ่งขึ้น ไม่เกี่ยวอะไรกับสถานภาพในปัจจุบันของคุณและของข้าพเจ้า วันนี้ เรามองเห็นว่ามีการกดขี่ ความอยุติธรรม การเลือกปฏิบัติ การครอบงำ ไม่ว่าที่ใดในโลกและสิ่งเหล่านี้ ก็คือสถานการณ์เดียวกันกับสถานการณ์ที่ท่านอิมามมะฮ์ดี (.) จะมาต่อสู้ด้วย

หากเราอ้างว่าเป็นทหารของท่านอิมามมะฮ์ดี (.) เราก็ควรเตรียมตัวต่อสู้กับสิ่งเหล่านี้ หน้าที่ที่สำคัญที่สุดของผู้ที่รอคอยท่านอิมามมะฮ์ดี (.) คือการเตรียมตนเองให้มีความพร้อมในด้านจิตวิญญาณ, ด้านจริยธรรม, ด้านศาสนา รวมถึงการพัฒนาสายสัมพันธ์ทางศาสนา และที่เป็นมิตรกับผู้ศรัทธาคนอื่นๆ เช่นเดียวกับการเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการเผชิญหน้ากับมหาอำนาจที่ครอบงำผู้ใดก็ตาม ที่รอคอยผู้มากอบกู้โลก/ พระผู้ช่วยให้รอด ที่ยิ่งใหญ่ผู้นี้ ควรเตรียมพื้นฐานสำหรับการกอบกู้โลกนี้ จากภายในตนเอง เพื่อที่พวกเขาจะสามารถยืนหยัดในการสถาปนาซึ่งความรอดพ้นบนโลกใบนี้ได้

~ สุนทรพจน์อิมามคอเมเนอี วันที่ 22 ตุลาคม 2002

💡.) การพัฒนาขัดเกลาตนเองเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับการรอคอย

•••การรอคอย [ผู้มาโปรดโลก] เรียกร้องให้เราตระเตรียมตนเอง เราควรตระหนักว่า จะมีเหตุการณ์สำคัญอุบัติขึ้นและเราควรคาดหวังให้เหตุการณ์ดังกล่าวนั้นบังเกิดขึ้นอยู่เสมอ ไม่ว่าอย่างไร เราไม่สามารถกล่าวว่า เหตุการณ์จะไม่เกิดขึ้นในอีกไม่กี่ปี เช่นกันนั้น เราไม่สามารถพูดได้ว่า เหตุการณ์ดังกล่าวจะปรากฏขึ้นในอนาคตอันใกล้เราควรตั้งตารอคอยมันอยู่ตลอดเวลา

ผู้รอคอยควรพัฒนาขัดเกลาคุณลักษณะ และจรรยามารยาท ตามที่ถูกคาดหวังในยุคแห่งการรอคอย นี่คือสิ่งจำเป็นสำหรับการรอคอย หากว่ามันควรจะมีความยุติธรรม มีสัจธรรม มีหลักเตาฮีด(เอกเทวนิยม) มีความบริสุทธิ์ และการยอมจำนนต่อพระผู้เป็นเจ้า (.) ในยุคแห่งการรอคอย ดังนั้นในฐานะผู้ที่รอคอย เราก็ควรจะเข้าใกล้คุณสมบัติเหล่านี้ให้มากยิ่งขึ้น [โดยการพัฒนาขัดเกลาตนเอง] เราควรทำความรู้จักมักคุ้นกับความยุติธรรม เราควรเตรียมตนให้พร้อมน้อมรับความยุติธรรม เราควรเตรียมตนให้พร้อมยอมรับสัจธรรม เหล่านี่คือผลที่ตามมาจากการรอคอย•••

~ สุนทรพจน์อิมามคอเมเนอี วันที่ 9 กรกฎาคม 2011

💡(.) ก่อนการมาปรากฏของท่านอิมามมะฮ์ดี(.) ผู้มาโปรดที่ถูกสัญญา เราไม่ควรหมกมุ่นแต่กับเรื่องส่วนตน

••• พวกคุณ บรรดาคนหนุ่มสาวที่รักทั้งหลาย ผู้ซึ่งกำลังเริ่มต้นชีวิต และการทำงาน ควรพยายามเตรียมพื้นฐานสำหรับยุคสมัยที่ถูกสัญญาไว้ ยุคที่ไร้ร่องรอยแห่งการกดขี่ ยุคที่จิตใจและสติปัญญาของมนุษย์ตื่นตัว และเฟื่องฟูกว่าที่เคยเป็นมา; เมื่อประเทศต่างๆ ไม่รบราฆ่าฟัน เมื่อเหล่าตัวแทน ผู้ที่กระหายสงครามของโลกซึ่งก่อให้เกิด และยังคงเป็นต้นตอบ่อเกิดของการสู้รบในระดับภูมิภาค และระดับโลกไม่สามารถทำสงครามใดๆ ได้อีกต่อไป ยุคที่ทั่วโลกจะมีสันติภาพและความปลอดภัย เราควรพยายามมุ่งไปสู่ยุคนั้นด้วยความอุตสาหะ

ก่อนยุคของท่านอิมามมะฮ์ดี (.) ผู้ถูกสัญญานั้น [โลกนี้] ปราศจากความสะดวกสบาย และความสงบสุข จากในรายงานต่างๆ เราพบคำกล่าว อาทิผู้คนจะถูกทดสอบด้วยกับบททดสอบที่ยากที่สุดหรือผู้คนจะได้รับแรงกดดันที่รุนแรงที่สุด

การทดสอบจะเกิดขึ้นเมื่อใด และ ที่ใด ? — เมื่อมีสมรภูมิแห่งการต่อสู้ ก่อนที่ท่านอิมามมะห์ดี (.) จะมาปรากฏอีกครั้ง บุคคลผู้สะอาดบริสุทธิ์ [ด้วยการขัดเกลาตน] จะถูกทดสอบในสมรภูมิ พวกเขาถูกทดสอบและข้ามผ่านการทดสอบด้วยความสำเร็จ; และวันแล้ววันเล่า โลกก็เข้าใกล้ยุคในอุดมคติ ยุคในความปรารถนา ยุคแห่งท่านอิมามมะห์ดี (.) ผู้ถูกสัญญา นี่คือความหวังอันยิ่งใหญ่ !

~ สุนทรพจน์อิมามคอเมเนอี วันที่ 19 .. 1992

💡(.) สังคมแบบใด ที่มีศักยภาพเพียงพอจะรองรับการปรากฏของท่านอิมามมะฮ์ดี (.)?

••• เป็นเรื่องไร้แก่นสาร ที่จะกล่าวว่า ท่านอิมามมะฮ์ดี (.) จะมาปรากฏ และจัดการภารกิจต่างๆ จนลุล่วง [โดยปราศจากความพร้อมของสังคม] — วันนี้ พวกคุณมีหน้าที่อะไร? วันนี้ พวกคุณควรทำอะไร? — พวกคุณควรเตรียมฐานที่มั่น เพื่อที่ท่านอิมาม (.) ผู้สูงส่ง จะมาปรากฏ และดำเนินภารกิจต่างๆ จากฐานที่มั่น ที่ถูกเตรียมพร้อมไว้ดังกล่าว

มันเป็นไปไม่ได้ที่จะเริ่มต้นจากศูนย์ สังคมที่สามารถรองรับ [การมาปฏิวัติโลกของ] ท่านอิมามมะฮ์ดี (.) ผู้ถูกสัญญา(ขอให้วิญญาณของเราได้พลีเพื่อท่าน) คือ สังคมที่มีการเตรียมความพร้อม และมีศักยภาพ

หากมิใช่เช่นนั้น ย่อมมีจุดจบในลักษณะเดียวกับความพยายามของบรรดาศาสดา และอิมามอื่นๆ ตลอดหน้าประวัติศาสตร์ทำไม เหล่าศาสนทูตของพระผู้เป็นเจ้าหลายท่าน จึงลงมา แต่ไม่สามารถกำจัดความชั่วร้ายออกจากโลกนี้ได้? — เหตุเป็นเพราะ พวกเขาไม่มีฐานที่มั่น ที่ถูกตระเตรียมไว้ด้วยประการฉะนี้ หากท่านอิมามมะห์ดี (.) ปรากฏตัวอีกครั้ง ในสังคมที่ไม่ได้มีการเตรียมตัว ผลลัพธ์ก็จะเป็นเหมือนเดิม [เหมือนกับยุคสมัยก่อนหน้า] จึงจำเป็นที่จะต้องมีการเตรียมการ การเตรียมการจะเกิดขึ้นได้อย่างไร? มันสามารถเกิดขึ้นได้ในรูปแบบที่คุณเห็นเป็นประจักษ์อยู่แล้ว ในสังคมของคุณเองทุกวันนี้ ในรัฐอิสลามอิหร่าน มีกรณีตัวอย่างของความสำเร็จทางจิตวิญญาณ ซึ่ง[เป็นความสำเร็จที่] ไม่อาจเทียบเคียงกับที่อื่นใดในโลกได้ เท่าที่เรารู้และรับทราบและหาใช่ว่า เราจะไม่มีความรู้เท่าทันโลกใบนี้•••

~ สุนทรพจน์อิมามคอเมเนอี วันที่ 16 .. 1997

💡.) “การรอคอยพระผู้มาโปรดหมายความว่าอย่างไร?

••• การรอคอยพระผู้มาโปรด หมายความว่า เราไม่ควรยอมรับ หรือพอใจกับสภาพเงื่อนไขในปัจจุบัน [ซึ่งเต็มไปด้วยความอยุติธรรมและการกดขี่] ในชีวิตของเรา อีกทั้งเราควรพยายามดำเนินชีวิตตามอุดมคติ และเป็นที่ประจักษ์ชัดว่าท่านอิมามมะฮ์ดี (ขอให้จิตวิญญาณของเราได้พลีเพื่อท่าน) เท่านั้น ที่สามารถสร้างสภาพเงื่อนไขในอุดมคติเช่นนั้นได้เราควรเตรียมตนให้พร้อม ที่จะต่อสู้เยี่ยงทหาร เพื่อบรรลุสู่สภาพเงื่อนไข[ในอุดมคติ]นั้น

การรอคอยการมาปรากฏของท่านอิมามมะฮ์ดี(.) ไม่ได้หมายความว่า เราควรอยู่อย่างเปล่าประโยชน์ และไม่พยายามพัฒนาปรับปรุงใดๆ การรอคอยการมาปรากฏของท่านอิมามมะฮ์ดี (.) เพียงอย่างเดียว ไม่ใช่สิ่งที่เราควรทำ การรอคอยผู้ช่วยให้รอด หมายความว่าอย่างไร? มันหมายถึง การรอคอย หัตถาที่แข็งแกร่ง ทรงพลัง และศักดิ์สิทธิ์ของท่านอิมามมะฮ์ดี (.) ที่จะมาเพื่อยุติการครอบงำของมหาอำนาจที่กดขี่ ด้วยความช่วยเหลือจากมนุษย์; เพื่อนำความยุติธรรมมาสู่โลก เพื่อชูธงแห่งหลักเตาฮีด (เอกเทวนิยม) และนำมนุษย์ให้ยอมจำนนต่อพระผู้เป็นเจ้า(..) อย่างแท้จริง

เราควรเตรียมพร้อมสำหรับสิ่งนี้ การก่อตัวของสาธารณรัฐอิสลามฯ ได้เตรียมรากฐานสำหรับการเคลื่อนไหวอันยิ่งใหญ่ และที่เป็นประวัติศาสตร์นี้ ทุกสิ่งที่กระทำเพื่อลุล่วงสู่ความยุติธรรมในโลก ทำให้เราก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าวในการบรรลุเป้าหมายอันสูงส่งนี้ นี่คือความหมายของการรอคอยท่านอิมามมะฮ์ดี (.)

การรอคอยพระผู้ช่วยให้รอด หมายความว่า เราควรเคลื่อนไหว และไม่อยู่อย่างเฉื่อยชา การรอคอยพระผู้มาโปรด ไม่ได้หมายความว่า เราควรละทิ้งสิ่งต่างๆ ไว้กับผู้อื่น และเฝ้ารอให้บางสิ่งบางอย่างอุบัติขึ้น การรอคอยพระผู้มากอบกู้หมายความว่า เราควรเคลื่อนไหวและเตรียมพร้อม สำหรับการมาปรากฏของท่านอิมามมะฮ์ดี(.)

เราควรเตรียมความพร้อม ทั้งในแง่ปัจเจก และในแง่ของสังคม การดำเนินย่างก้าวที่ยิ่งใหญ่นี้ และศักยภาพในการเตรียมบรรยากาศที่เหมาะสม สำหรับการมาถึงของท่านอิมามมะฮ์ดี(.) ถือเป็นความโปรดปรานจากพระผู้เป็นเจ้า (.) ผู้ทรงอำนาจ ที่ทรงประทานแก่ประชาชาติของเรา นี่คือความหมายของการรอคอยท่านอิมามมะฮ์ดี (.) การเตรียมพร้อมในทุกด้าน เพื่อบรรลุจุดประสงค์ที่ท่านอิมามแห่งยุคสมัย (ขอให้จิตวิญญาณของเราได้พลีเพื่อท่าน) จะลุกขึ้นต่อสู้ คือความหมายที่แท้จริงของการรอคอยท่านอิมาม(.) การปฏิวัติครั้งใหญ่นั้นจะเกิดขึ้น เพื่อบรรลุเป้าหมายทั้งหลายเหล่านั้น อาทิ การส่งเสริมความยุติธรรม การดำเนินชีวิตอย่างมีมนุษยธรรม และมีศีลธรรม และการยอมจำนนต่อพระผู้เป็นเจ้า (.) นี่คือความหมายของการรอคอยพระผู้ช่วยให้รอด/ ผู้มาโปรดโลก [อย่างแท้จริง] •••

~ สุนทรพจน์อิมามคอเมเนอี วันที่ 17 สิงหาคม 2008

💡.) ด้วยการปฏิบัติตามบทบัญญัติอิสลาม เราควรเตรียมพื้นฐานสำหรับการปรากฏอีกครั้งของท่านอิมามมะฮ์ดี(.)

••• เราจะถูกพิจารณาว่ารอคอยการปรากฏของพระผู้มาโปรดอย่างแท้จริง ก็ต่อเมื่อ เราได้เตรียมความพร้อมให้แก่พื้นฐานของการปรากฏนั้นสำหรับการปรากฏอีกครั้งของท่านอิมามมะฮ์ดี(.) ผู้ถูกสัญญา (ขอให้จิตวิญญาณของเราได้พลีเพื่อท่าน) จำเป็นต้องมีการเตรียมพื้นฐาน และนั่นสามารถกระทำได้ โดยการปฏิบัติตามบทบัญญัติอิสลามและกฏเกณฑ์แห่งอัลกุรอานและอิสลาม ดังที่ข้าพเจ้าได้กล่าวไว้ มีการรายงานว่า: “ขอสาบานต่อพระผู้เป็นเจ้า สูเจ้าจะถูกทดสอบ และขอสาบานต่อพระผู้เป็นเจ้า สูเจ้าจะถูกคัดกรองโดยละเอียด

การทดสอบอันยิ่งใหญ่นี้ ซึ่งบรรดาสาวก และชีอะห์ของท่านอิมามมะฮ์ดี (ขอให้จิตวิญญาณของเราได้พลีเพื่อท่าน) ต่างกำลังเผชิญอยู่นั้น เป็นการทดสอบความมุมานะในการที่จะปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ของอิสลาม คุณต้องพยายาม เพื่อบรรลุซึ่งการปฏิบัติตามกฏเกณฑ์ของอิสลาม

อนึ่ง ประชาชาติที่ยิ่งใหญ่ของเรา ได้ดำเนินการในขั้นตอนนี้ ข้าพเจ้าต้องขอกล่าวว่า ในเมืองกุมแห่งนี้ ซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดแห่งการยืนหยัดต้านทาน และการปฏิวัติฯ และในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ ซึ่งได้เป็นพยานถึงความพยายามและความอุตสาหะอันยาวนาน ที่อุทิศแด่พระผู้เป็นเจ้า(.) —ในระหว่างการเคลื่อนไหวทั้งก่อนและหลังการปฏิวัติฯ นั้นประชาชาติอิหร่าน เป็นผู้ดำเนินก้าวแรก ซึ่งเป็นไปเพื่อ [นำมาซึ่ง] การปกครองด้วยกฏเกณฑ์อิสลาม และเพื่อที่ประชาชาติมุสลิมจะเข้าใกล้เวลาแห่งการปรากฏอีกครั้งของท่านอิมามมะห์ดี (ขอให้จิตวิญญาณของเราได้พลีเพื่อท่านและขอพระผู้เป็นเจ้า ทรงเร่งการปรากฏอีกครั้งของท่าน) และนั่นคือ การสถาปนากฏเกณฑ์แห่งอัลกุรอาน

นี่คือสิ่งที่โลกวัตถุนิยมไม่ปรารถนาจะเชื่อ หลังจากพยายามเอาชนะศีลธรรมศาสนามาหลายศตวรรษ โดยเฉพาะอย่างยิ่งศาสนาอิสลามอันศักดิ์สิทธิ์ พวกเขาไม่ต้องการเห็นศาสนานี้ สำแดงตนอยู่ในเหตุการณ์ของโลก โดยที่[ศาสนาอิสลามนี้] ได้ปกครองประเทศหนึ่ง รวมถึงได้ดึงดูดความสนใจ และดึงประเทศชาติต่างๆ เข้าหาตัวมันเองนั่นคือเหตุผลที่ความเกลียดชังของลัทธิจักรวรรดินิยม, บรรดาศัตรูของศาสนา และแนวหน้าของความหยิ่งยโส อหังการ และนอกรีต ได้ริเริ่มการต่อต้านสาธารณรัฐอิสลามฯ •••

~ สุนทรพจน์อิมามคอเมเนอี วันที่ 19 กุมภาพันธ์ 1992

💡.) ผู้ที่รอคอย อิมามมะฮ์ดี (.) ผู้มาโปรดที่ถูกสัญญา อย่างแท้จริง คือ ผู้ที่มีความพร้อมอยู่ตลอดเวลา

••• การรอคอย หมายถึง การเตรียมพร้อมในศัพท์แสงทางการทหาร เรามีคำสั่งที่เรียกว่าการเตรียมพร้อม” [*ทหารจะต้อง “being on standby” หรือ อยู่ในสถานะเตรียมพร้อม / เตรียมตนสำรองตลอดเวลา]

การรอคอย หมายถึง การเตรียมพร้อม เราควรเตรียมตนให้พร้อมอยู่เสมอ ผู้รอคอยที่มีความยำเกรงต่อพระผู้เป็นเจ้าคือ ผู้ที่อยู่ในสถานะเตรียมพร้อมหากอิมามของคุณ อิมามผู้ซึ่งมีภารกิจหน้าที่ ในการบริหารจัดการความยุติธรรมทั่วโลก ปรากฏอีกครั้งในวันนี้ ดังนั้น เราจะต้องเตรียมตัวให้พร้อม [เพื่อรองรับภารกิจของท่าน]

สถานะเตรียมพร้อมอยู่เสมอนี้ มีความสำคัญเป็นอย่างมาก การรอคอย หมายถึงสิ่งนี้การรอคอย ไม่ได้หมายถึงการแสดงออกซึ่งความไม่อดทน และการกระทืบเท้า ที่เป็นสัญญาณของการหมดความอดทน พลางกล่าวว่ามันสายไปแล้ว ทำไมมันจึงไม่สำเร็จเสียทีการรอคอย หมายความว่า คุณควรอยู่ในวิถีทางที่เตรียมพร้อมอยู่ตลอดเวลา

ประเด็นที่สี่และข้อสุดท้าย คือการรอคอยนั้น จะต้องมีการเสริมสร้างพัฒนาตนเอง และจำเป็นต้องมีการปฏิบัติเราควรกระตุ้น ขัดเกลาตนเอง เราควรใส่ใจที่จะปฏิบัติสิ่งต่างๆเหล่านั้น ที่จะทำให้หัวใจของบุคลากรผู้ยิ่งใหญ่ (หมายถึง ท่านอิมามมะฮ์ดี .) ผู้นั้น มีความเบิกบาน หากเราตั้งใจที่จะกระทำสิ่งดังกล่าว และใจจดใจจ่อในการที่จะพัฒนาขัดเกลาตนเอง โดยธรรมชาติแล้ว เราจะไม่รู้สึกพึงพอใจกับการกระทำแต่ละอย่าง [และจะแสวงหาการปรับปรุงพัฒนาอยู่เสมอ] มันมีภาระหน้าที่รับผิดชอบบางประการ เมื่อคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมของสังคม ของประเทศ และของโลกซึ่งควรต้องมีการจัดการด้วยเช่นเดียวกันความรับผิดชอบเหล่านี้ มีอะไรบ้าง? นี่เป็นประเด็นที่ต้องอาศัยความเข้าใจอย่างรู้แจ้งเห็นจริง, วิสัยทัศน์ในระดับสากล และโลกทัศน์ที่กว้างไกลนี่คือสิ่งที่พวกคุณ คนหนุ่มสาว ซึ่งมีความกระตือรือร้น และเป็นที่รัก ในยุคปัจจุบัน มีหน้าที่จะต้องรับผิดชอบ•••

~ สุนทรพจน์อิมามคอเมเนอี วันที่ 10 พฤษภาคม 2017

📝 แปลและเรียบเรียงจาก english. khamenei. ir

____________

Website : syedsulaiman. com

Facebook : @syedsulaiman. th

Instagram : @syedsulaiman. th

YouTube : Syedsulaiman. com