ความสิ้นหวังในระบอบการปกครองโดยมนุษย์ ก่อนการมาปรากฏของอิมามมะฮ์ดี (อ.) (ตอนที่ 3)

137

📝บางส่วนจากธารธรรมโดย ฮุจญตุลอิสลามฯ ซัยยิดสุไลมาน ฮูซัยนี

______________

•••เรื่องราวของอิมามมะฮ์ดี(อ) ไม่ใช่เรื่องทางศาสนาอย่างเดียว เพราะเรื่องของท่านเป็นเรื่องเกี่ยวกับระบอบการพัฒนาทั้งหมดในโลกนี้ ที่เกี่ยวข้องกับชีวิตมนุษย์ แม้แต่ระบบการเมืองการปกครอง ซึ่งในฮาดิษและรีวายัตต่างๆที่เราศึกษา พบว่ามนุษย์จะสิ้นหวังกับทุกๆระบบ ไม่ว่าจะเป็นการสิ้นหวังในระบบการเมือง สิ้นหวังระบบเศรษฐกิจ สิ้นหวังในแนวคิดวัฒนธรรมต่างๆที่เขานิยมชมชอบ เขาจะสิ้นหวังทั้งหมดและเริ่มหาคำตอบให้กับชีวิตว่า อะไรที่จะนำความสุข ความสงบสุขให้กับมนุษย์อย่างแท้จริง

แน่นอน หนึ่งในความสงบสุขที่ทำให้สังคมเกิดความสงบสุข คือ ระบบการเมืองที่ถูกต้อง ที่ยุติธรรม และระบบการเมืองที่นำไปสู่ความสงบ มันจึงจะเป็นคำตอบสำหรับมนุษยชาติ ซึ่งวันนี้มันกำลังจะเป็นคำตอบที่เกิดจากสิ่งต่างๆเหล่านี้

ในอดีต มนุษย์อาจจะคิดว่าระบบนั้นดี ระบบนี้ไม่ดี และคิดว่าระบบประชาธิปไตย คือ ระบบที่ดีที่สุด แต่วันนี้ ในมุมมองของผม จากการติดตามข่าวสารบ้านเมืองทั้งโลก ในปัจจุบันนี้ก็พบว่า ตอนนี้ระบบประชาธิปไตยเองก็กำลังมีปัญหา ในประเทศไทยประชาชนอาจจะยังไมถึงครึ่งแต่เกือบๆจะถึงครึ่ง ซึ่งส่วนที่มากเริ่มมองว่า ระบอบประชาธิปไตยแบบที่เป็นอยู่กำลังมีปัญหา ก็เลยถกเถียงกัน นักวิชาการจำนวนหนึ่งก็บอกว่า จะต้องสร้างรูปแบบของประชาธิปไตยใหม่ แล้วบอกว่าประชาธิปไตยที่เป็นอยู่ไม่ใช่ประชาธิปไตยที่แท้จริง บางนักวิชาการก็ได้นำเสนอว่า เมื่อเราเป็นคนไทยเราก็ควรจะคิดประชาธิปไตยแบบไทยๆ

ผมก็มีมุมมองประชาธิปไตยแบบนี้ ซึ่งในตอนที่แล้วก็ได้อธิบายไปแล้ว และได้ยกตัวอย่าง อิหร่าน เพราะอิหร่านนั้นเสนอระบบการปกครอง ใช่คำว่า เขาคือ รัฐศาสนา รัฐอิสลาม แต่รัฐศาสนา รัฐอิสลามอันนี้ อิหร่านก็มีประชาธิปไตยและมีจริงๆ เพราะ ส.ส. เขามีการเลือกตั้งอย่างครบถ้วนสมบูรณ์ สภาผู้นำ หรือเรียกวุฒิสภาก็ได้ แต่หน้าที่ของวุฒิสภา คือ เลือกตั้งประมุขแห่งรัฐกับผู้นำสูงสุด ส่วนประธานาธิบดีประชาชนก็เลือกตั้งโดยตรง

ถ้าใครบอกว่าอิหร่านไม่มีประชาธิปไตย ผมถือว่า เป็นคำพูดที่เขลาและปราศจากข้อมูล หลายๆประเทศบางครั้ง อาจจะไม่มีการเลือกผู้นำของประเทศโดยตรง อิหร่านเขาบอกว่า เขาเป็นประเทศประชาธิปไตย แต่เขาไม่ได้นิยามประชาธิปไตยแบบที่ตะวันตกได้นิยาม
ในเมื่ออิหร่านเป็นประเทศที่ประชาชนส่วนมากเป็นคนมุสลิม ประมาณ 90% ของเขาเป็นมุสลิมและเป็นมุสลิมที่เคร่งครัดในศาสนา เป็นมุสลิมที่เชื่อว่า ศาสนามีบทบาทในทุกส่วนของชีวิต เพราะศาสนามีบทบาททางการเมือง ทางเศรษฐกิจ วัฒนธรรม สังคมและอื่นๆทั้งหมด

🔹 คำถาม : อย่างอิหร่าน เราเรียกว่า ศีลธรรมกับประชาธิปไตยเอามารวมกัน แล้วจะทำอย่างไร เมื่อเราต้องการมีระบอบประชาธิปไตย โดยจะไม่สูญเสียเอกลักษณ์หรืออัตลักษณ์อันนี้?

🔸 คำตอบ : ผมบอกไปแล้วว่า ในประเทศไทย นักรัฐศาสตร์บางท่าน ก็เริ่มเรียกว่า ธรรมาธิปไตย คือ อำนาจอธิปไตยที่มีธรรมะอยู่ในตัว วันนี้ โดยส่วนตัวในความเป็นมุสลิม เราต้องกล่าวคำว่า อัลฮัมดุลิลาฮ ตรงที่มนุษย์ได้เห็นประชาธิปไตยที่ไม่มีธรรมะจากโลกตะวันตกแล้ว ซึ่งเราจะไม่พูดในเรื่องละเอียดอ่อนที่ลึกซึ้ง หมายความว่าอย่างไร.. ก็หมายความว่า ประชาธิปไตยที่ไม่มีธรรมะ

แน่นอน ประชาธิปไตย คือ เป็นประชาธิปไตยที่ตัดสินด้วยเสียงส่วนมาก รับฟังส่วนน้อย ซึ่งเป็นทฤษฎีที่เราก็รู้ๆกันอยู่ และวันนี้มนุษย์ก็ได้เห็นแล้วว่า การตัดสินด้วยเสียงส่วนมากของประชาธิปไตยแบบตะวันตก เป็นแบบประชาธิปไตยที่ไม่มีธรรมะเลย มนุษย์ก็ได้เห็นแล้ว ดั่งตัวอย่าง….

– ในรัฐอริโซน่า อเมริกา มีมติเสียงส่วนมาก ว่า ให้มีการซื้อขายกัญชาเป็นสิ่งถูกกฏหมาย จึงทำให้เราได้เห็นแล้วว่า อย่างนี้เป็นประชาธิปไตยที่ไม่มีธรรมะ

– วันนี้รัฐหนึ่งหรือประเทศหนึ่ง มติของสภาของเขา อนุญาตให้มีการทำแท้งได้ตามที่ชอบ ซึ่งอิสลามไม่ได้ต่อต้านการทำแท้งอย่าง 100% เพราะการทำแท้งในบางกรณีอิสลามก็อนุมัติ อิสลามไม่ได้ต่อต้านการทำแท้งแบบabsolute(แบบเบ็ดเส็ด) ถ้าในกรณีที่เป็นอันตรายถึงชีวิตต่อมารดา ก็อนุญาตให้ทำแท้งได้ แต่ว่าจะต้องทำแท้งก่อนเด็กโต คือ มีอายุของการอนุมัติให้ทำแท้ง หรือ กรณีบุคคลที่มีโรคร้ายต่างๆที่ไม่สามารถที่จะตั้งครรภ์ได้ เป็นการบ่งบอกในมุมมองของอิสลามว่า จะทำแท้งตามอำเภอใจไม่ได้ แต่ว่าในบางประเทศในตะวันตกมีกฏหมายอยากจะทำแท้งก็ทำ ถือเป็นสิทธิส่วนตัวของบุคคลไปแล้ว

การทำแท้ง การฆ่าชีวิต การตัดสินชีวิตตามอำเภอใจของตนเอง อย่างนี้ คือ ประชาธิปไตยที่ไม่มีธรรมะ แต่เมื่อเสียงส่วนมากเห็นด้วยก็กลายเป็นกฏหมาย

➡️ ที่ยกมาก็เพื่อ เป็นการยกตัวอย่างว่า สิ่งต่างๆที่เลวร้ายเหล่านี้กำลังจะตามมา

– ตัวอย่างการแต่งงานที่ไม่มีธรรมะ ในบางรัฐในบางประเทศ ผู้หญิงกับผู้หญิงแต่งงานกันอย่างเป็นทางการ มีทะเบียนสมรสได้ แสดงว่าสิ่งนี้ก็เป็นสิ่งที่ขัดกับธรรมะของการเป็นมนุษย์ หรือผู้ชายกับผู้ชายแต่งงานกันได้ ก็เป็นการขัดกับธรรมะของการเป็นมนุษย์ แต่เมื่อประชาธิปไตยแบบไม่มีธรรมะเป็นเสียงส่วนมาก เราก็จะเห็นปรากฏการณ์อย่างนี้เกิดขึ้น ซึ่งแน่นอน ถ้าเราย้อนหลังสัก 5-6 ปี [*เทปบรรยาย จากปี พ.ศ 2555] ก็อาจจะไม่มีคนคิดว่า วันหนึ่งกัญชาจะถูกกฏหมาย สหรัฐอเมริกาในวันนี้ก็ได้เกิดขึ้นแล้ว นี่คือผลพวงประชาธิปไตยที่ไม่มีธรรมะ

ฉะนั้น ทั้งในประเทศไทยและที่อื่นๆก็กำลังถกเถียงว่า เราจะต้องนิยามหรือจะต้องหาเนื้อหาของประชาธิปไตยใหม่ที่เหมาะสมกับวัฒนธรรม สังคม ประเพณีของแต่ละประเทศของแต่ละบ้านและเมืองให้มันถูกต้อง ไม่ใช่ลอกของเขามาทั้งหมด เพราะพัฒนาสังคมไปแล้วมันต้องดีขึ้น แต่ที่เห็นเป็นการพัฒนาที่ไม่ดีขึ้น อีกทั้งยังสอดแทรกอะไรๆที่ไร้ศีลธรรม ไร้จริยธรรมเพิ่มขึ้นอีกมากมาย ซึ่งก็ได้บอกไปแล้วว่ามันไม่ได้เป็นประชาธิปไตยที่แท้จริง เพราะสิทธิและอำนาจไม่ได้มาจากประชาชนจริงแต่มาจากระบบทุน

เมื่อระบบทุนมีอำนาจ ถึงแม้ จะมีคนดีจำนวนหนึ่งที่เขามีความสามารถ แต่ถ้าเขาไม่มีทุนทรัพย์ในการต่อสู้ เขาก็เข้ามาเป็นตัวแทนของประชาชนไม่ได้

🔻ดังนั้นเมื่อเรากลับมาสู่หัวข้อหลัก สิ่งนี้ก็กำลังจะพัฒนา ในเมืองไทยเราก็เริ่มเห็นแล้วว่า ประชาชนกลุ่มหนึ่งออกมาปฏิเสธประชาธิปไตยแบบนี้ จะเห็นมีการเรียกร้อง มีการปฏิรูปก่อน เพื่อให้มีประชาธิปไตยกันใหม่ ถ้าเรามองถึงชาติพันธุ์ เราจะต้องมอง ประชาธิปไตยแบบไหนที่เหมาะสมกัยคนไทย แสดงว่าเรากำลังยอมรับว่า ในแต่ละสังคม ในแต่ละกลุ่มชนหรือเผ่าพันธุ์ จะต้องมีการปกครองที่เหมาะสม แต่ถ้าเรามองในมุมมองของศาสนา ก็ต้องมีรายละเอียดที่เพิ่มขึ้นอีกมากมาย ว่าขอบเขตของประชาธิปไตยต้องมีอยู่แค่ไหน

ซึ่งอิหร่าน ได้นิยามอย่างชัดแจ้ง มนุษย์มีสิทธิ์ ที่จะแสดงสิทธิ์/ เสียงอะไรต่างๆของเขาได้ ถ้าทัศนะ สิทธิที่ไปแสดงออกนั้น ไม่ขัดกับหลักการคำสั่งสอนของศาสนา ข้อเสนอ ความคิด ทัศนะต่างๆของพวกเขา ก็จะถูกยอมรับ เขาสามารถที่จะมีสิ่งต่างๆเหล่านั้นได้ ถ้าไม่ขัดต่อหลักธรรมคำสั่งสอนของศาสนา ซึ่งถ้าใช้เป็นคำสั่งศาสนาโดยตรง ก็จะดูเหมือนว่าดุไปหน่อย เราจึงเรียกว่า เป็นประชาธิปไตยที่ธรรมะกำกับอยู่
ในอดีตมนุษย์ได้เบียดบัง ได้กีดกันไม่ให้ศาสนาเข้ามามีบทบาทในระบบการปกครอง คือไม่ยอมให้อำนาจของศาสนจักรเข้ามามีบทบาทในอาณาจักร

แต่ผมเชื่อว่า อีกไม่นาน มนุษย์จะพัฒนา ที่บอกว่าอาณาจักรโดดๆโดยไม่มีศาสนจักรเข้ามาช่วยหรือว่ามีอำนาจให้กับมนุษย์ แต่ไม่ให้ธรรมะเข้ามาควบคุมนั้น มันไม่ใช่สิ่งดีสำหรับมนุษย์ มันไม่สามารถที่จะนำมนุษย์เข้าสู่ความรอดพ้นได้

เรายกตัวอย่าง ในสหรัฐอเมริกา ในบางรัฐที่อนุญาตให้ขายกัญชาได้ สมมุติลูกๆของพ่อแม่คนหนึ่งคนใด ลูกเขาติดกัญชา เขาทำอะไรได้ไหม เขาจะไปแจ้งตำรวจได้ไหม ต่อไปหลังจากมีคนจำนวนหนึ่งได้รับอนุญาตเกี่ยวกับกัญชาทำให้เป็นเรื่องที่ถูกกฏหมายได้ พวกเขาก็จะโหวดเรื่องอื่นๆอีก นี่คือความหมายหนึ่ง

ดังนั้น เมื่อเราเห็นปัญหาของประชาธิปไตยที่กำลังจะเกิดขึ้น วันหนึ่งมนุษย์จะรู้ว่ามันไม่ใช่ ในเมื่อมันไม่ใช่ อะไรคือคำตอบ

คำตอบ คือ มนุษย์จะสิ้นหวังกับทุกๆระบบ สมัยหนึ่งการต่อสู้ระหว่างทุนนิยมกับคอมมิวนิสต์ ในสมัยนั้นคอมมิวนิวนิสต์อาจถูกกล่าวหาว่า ทุกอย่างทำไปเพื่อคอมมูน มนุษย์ไม่สิทธิไม่มีอะไรในเรื่องฝ่ายทุน แต่วันนี้ ฝ่ายทุนก็เริ่มเจ็บปวด ถ้าเราติดตามข่าวสารบ้านเมืองในอเมริกา จะพบเรื่องที่เกิดกระบวนการอ๊อคคิวพายขึ้นมา เริ่มจากออคคิวพายวอลล์สตรีท (Occupy Wall Street) จนกระทั่งถึงออคคิวพายต่างๆ ก็กำลังต่อสู้กับกลุ่มทุนแล้ว

ดังนั้น เมื่อขบวนการนี้เริ่มออกมาปฏิเสธและบอกว่า ทุนก็ต้องมีธรรมะแล้ว เพราะถ้าทุนไม่มีธรรมะ มนุษยชาติก็ไม่อาจอยู่ได้ เหมือนกับที่ท่านพระพุทธทาส ได้อธิบายเกี่ยวกับพระศรีอาริย์ [หรือ อิมามมะฮ์ดี อ. ในความเชื่อของมุสลิม ] ว่า….

ยุคพระศรีอาริย์ คือ ยุคการพัฒนาสติปัญญาของมนุษย์ ถ้าจะให้เข้าใจง่ายขึ้นไปอีก ก็หมายความว่า ธรรมะของมนุษย์เริ่มพัฒนา ทุนที่ไม่มีคุณธรรมจะไม่ถูกยอมรับในอนาคตข้างหน้า และบุคคลที่ใช้ทุนที่ไม่มีคุณธรรมนี้แหละ ที่เบียดเบียนที่รังแก เอาเปรียบ ทำให้มีการลุกขึ้นมาต่อสู้ ความไมสงบต่างๆก็จะเกิดขึ้นไปทั่วทั้งโลก จนมนุษย์สิ้นหวัง และร้องเรียก จนทำให้เกิดคำถาม ว่า มีระบบการปกครองอะไรกันแน่ที่มันเหมาะสม ที่มันดี ที่มันทำให้มนุษย์ทุกคนพบกับความสงบสุขที่แท้จริง??

นี่คือการพัฒนาการโดยพิจารณาจากสถานการณ์ว่าถ้ามันเลวร้ายลงไปเรื่อยๆ จนตระหนักรู้ว่าไม่ใช่สัจธรรมแล้ว เป็นอย่างนี้อีกต่อไปคงแย่แน่ จึงจำเป็นที่มนุษย์ต้องพัฒนาหรือขวนขวายหากระบวนการอะไรสักอย่างเพื่อมากอบกู้ ก็เลยไปสอดคล้องกับยุคสุดท้ายของอิมามมะฮ์ดี(อ) หรือ ยุคพระศรีอาริย์หรือยุคอะไรก็แล้วแต่ ที่จะนำความสงบสุขกลับคืนสู่มวลมนุษยชาติ เป็นยุคที่มนุษย์ไม่มีการแย่งชิงไม่เอาเปรียบกันแล้ว เป็นยุคที่มนุษย์ให้กันและกันและเสียสละ

ซึ่งได้อธิบายในตอนแรกๆแล้วว่า ถ้าเราดูคำอธิบายของศาสนาอิสลาม จากฮาดิษของท่านศาสดา… เราจะพบว่า บางครั้งจะบริจาค ก็หาผู้รับบริจาคยาก โต๊ะบริจาคที่วางไว้ตามท้องถนน ตามซอยต่างๆมีคนมาหยิบน้อยมาก เพราะไม่มีความจำเป็นในทรัพย์สิน เมื่อสังคมมีการแบ่งปันและไม่เอาเปรียบกันแล้ว จากนั้นก็จะเกิดสภาวะนี้ขึ้นมา คือ มนุษย์ก็จะค่อยๆพัฒนาชีวิต พัฒนาจริยธรรม การเมืองก็จะมีศีลธรรมมีธรรมะ ไม่ใช่มีการเมืองแบบดิบๆเหมือนในอดีตอีกต่อไป•••

[โปรดติดตามตอนต่อไป เป็นตอนจบ]