รัตติกาลอันจำเริญ (ตอนที่ 1)

420

อัลฮัมดุลิลลาฮฺ ขอสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณในเนียะมัตและเตาฟีกที่เอกองค์อัลลอฮฺ(ซบ) ได้ทรงประทานให้กับพวกเราอีกวาระหนึ่ง บทเรียนแห่งชีวิตที่สำคัญอีกบทเรียนหนึ่งนั้นคือ บทเรียนแห่ง มะฮฺดะวียัต เราต้องมีความเข้าใจอย่างถ่องแท้(มะอฺรีฟัต) ต่ออิมามประจำยุคของเราอย่างลึกซึ้งให้ได้

มาตรวัดที่จะชี้ว่าผู้ศรัทธานั้นเป็นอย่างไร เราจะกลับคืนสู่อัลลอฮฺ(ซบ) ในสภาพของญาฮีลียะฮฺหรือสภาพมีมะอฺรีฟัต บททดสอบประการหนึ่งนั้น คือ เรามีมะอฺรีฟัตต่อฮุจญะตุลลอฮฺบนหน้าแผ่นดินหรือไม่ ???

ค่ำคืนนิสฟูชะอฺบานมีความสำคัญไม่น้อยไปกว่าค่ำคืนลัยละตุลกอดรฺ

ส่วนค่ำคืนลัยละตุลกอดรฺนั้นท่านรอซูลุลลอฮฺ(ซล) และอะฮฺลุลบัยตฺได้ยืนยันถึงความสำคัญทั้งในภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติมาโดยตลอด มีฮะดิษ ริวายะฮฺและคำอรรถาธิบายของอุลามาอฺที่อาจจะแตกต่างกันอยู่บ้างแต่รวมความแล้วค่ำคืนลัยละตุลกอดรฺและค่ำคืนนิสฟูชะอฺบานต่างก็มีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน

ท่านรอซูลลุลลอฮฺ(ซล) ได้กล่าวเอาไว้ ซึ่งมีใจความว่า
“ด้วยความจำเริญแห่งคืนลัยละตุลกอดรฺและค่ำคืนแห่งนิสฟูชะอฺบาน อัลลอฮฺ(ซบ) จะทรงรับในดุอาอฺที่ถูกขอในค่ำคืนนั้น ยกเว้นคำขอที่เป็นการละเมิดสิทธิอันชอบธรรมของผู้อื่น (มะศิยัต)”

คำขอที่ละเมิดนั้นมีหลายประการที่พวกเราควรรู้ไว้พอสังเขป เช่น ขอให้บุคคลอื่นต้องพินาศทั้งที่สิทธิของเขานั้นมิได้มีความผิดร้ายแรงตามหลักการอิสลาม……. การขอในสิ่งต้องห้ามอีกหลายเรื่อง เช่น ขอให้ถูกหวย…. ขอให้ชนะการพนัน….. คำขอเหล่านี้รวมเรียกว่ามะศิยัตเช่นเดียวกัน ดังนั้นในค่ำคืนอันจำเริญนี้อัลลอฮฺ(ซบ)ได้ทรงสัญญาว่าจะไม่ทรงปฏิเสธคำขอพรใดๆที่ไม่เป็นมะศิยัตอย่างเด็ดขาด

ส่วนค่ำคืนอันจำเริญของนิสฟูชะอฺบานนั้น ประชาชาติอิสลามที่ไม่ได้อยู่ในแนวทางแห่งอิมามียะฮฺ จะไม่เข้าใจถึงความจำเริญนี้อย่างลึกซึ้งเด็ดขาด แต่ถึงกระนั้นพี่น้องซุนนีทุกมัศฮับ ยกเว้นพวกวะฮาบีแล้วล้วนแต่ให้ความสำคัญกับค่ำคืนนี้โดยพร้อมเพรียงกัน อาจมีบ้างที่จะแตกต่างกันในเรื่องประเพณีวัฒนธรรมท้องถิ่น การจัดเลี้ยงอาหารคาวหวานต่อกันนั้นจึงแตกต่างกันออกไปบ้าง แต่ทั้งหมดจะไปพร้อมกันที่มัสยิดอยู่ดี

ค่ำคืนอันจำเริญนี้พวกศัตรูอิสลามมีความหวั่นวิตกว่าจะนำไปสู่การรวมตัวของพี่น้องมุสลิมผู้ศรัทธา จึงได้พยายามทำลายอยู่ทุกวิถีทาง โดยมีพวกวะฮาบีเป็นแนวหน้าเหมือนดั่งที่เคยบอกว่า “เมาลิดุนนบีหรือวันสำคัญอื่นๆล้วนแล้วแต่เป็นอุตริกรรมสำหรับพวกตน”

วะฮาบีมีความคิดวิตถารเช่นนี้มาโดยตลอดตั้งแต่ยุคของอิบนุ ตัยมิยะฮฺ แต่สำหรับพวกเราแล้วค่ำคืนลัยละตุลกอดรฺและค่ำคืน นิสฟูชะอฺบานเป็นค่ำคืนอันจำเริญสำหรับมุสลิม

มีฮะดิษอีกบทหนึ่งที่ท่านรอซูลุลลอฮฺ(ซล) กล่าวว่า “อัลลอฮฺ(ซบ) จะทรงให้อภัยโทษแก่บรรดามัคลูคต่างๆของพระองค์ในค่ำคืนอันจำเริญนี้เท่ากับจำนวนขนแพะขนแกะของบนีกัลบ์” หมายความว่า จำนวนแห่งการให้อภัยโทษนั้นมากมายมหาศาลนักเกินกว่าจะนับได้ !!!!

ความเป็นสิริมงคลของค่ำคืนนิสฟูชะอฺบานนั้นคือ “การรอคอยให้ ท่านอิมามมะฮฺดี (อ) ปรากฏ” ส่วนในค่ำคืนลัยละตุลกอดรฺ “เป็นค่ำคืนแห่งการทรงประทานพระมหาคัมภีร์อัลกุรอานมาให้” การที่พระมหาคัมภีร์อัลกุรอานถูกทรงประทานลงมาในค่ำคืนนี้ จึงไม่ต้องพูดถึงความยิ่งใหญ่จำเริญของคืนลัยละตุลกอดรฺอีกแล้ว เช่นเดียวกันกับค่ำคืน นิสฟูชะอฺบานว่า มีความสำคัญอยู่ตรงที่เป็นค่ำคืนแห่งการกำเนิดของท่าน อิมามมะฮฺดี(อ) ทั้งสองค่ำคืนนี้มุสลิมผู้ศรัทธาจึงต้องเรียนรู้ทำความเข้าใจอย่างละเอียดลึกซึ้งเพื่อความจำเริญในหัวใจแห่งตน

ท่านอยาตุลลอฮฺ ญาวาดี ออมูลี นักปราชญ์แห่งยุคสมัยได้อรรถาธิบายในวิชาการของอิสลามไว้มากมาย จึงได้นำเอาคำอรรถาธิบายในตำราของท่านมาอ้างอิงไว้ในค่ำคืนนี้ เพื่อให้พวกเราได้ไตร่ตรองในกรณีที่มีผู้อ้างอิงถึงคำสอนที่บิดเบือนไปจากแนวทางของชีอะฮฺอิมามียะฮฺ ถ้าหากมีเช่นนั้นจริงพวกเราก็มีต้องมีหน้าที่ในการตอบโต้ชี้แจงแนวความคิดที่แปลกปลอมนี้โดยเฉพาะบุคคลที่ชื่อ “ฟัฎลุลลอฮฺ”

ความคิดอันวิตถารของเขาคือ การออกมาอรรถาธิบายเกี่ยวกับการจัดวันรำลึกถึงท่านศาสดาและบรรดาอะฮฺลุลบัยตฺ (อ) โดยกล้าประกาศว่าอิสลามไม่เชื่อถือวันสำคัญใดๆ แม้กระทั่งวันถือกำเนิดของท่านนบี มูฮัมมัด(ซล) แน่นอนว่าค่ำคืนนิสฟูชะอฺบานก็ถูกเขาปฏิเสธเช่นเดียวกัน อยากจะให้พวกเราได้เข้าใจว่าการตักลีดตามมัรญิอฺ หากไม่แน่ใจในข้อปฏิบัติก็ต้องถามผู้รู้ให้เข้าใจแจ่มแจ้ง เช่น กรณีเคยตักลีดกับมัรญิอฺผู้หนึ่งแล้วท่านเสียชีวิตไปแล้ว ก็อาจตักลีดต่อไปได้ แต่ไม่อนุญาตให้ผู้ที่ไม่เคยตักลีด มาก่อนต้องปฏิบัติตาม เช่น ข้าพเจ้าตักลีดตามท่านอิมามโคมัยนี(รฎ) มาแต่ต้น เมื่อท่านกลับคืนสู่ความเมตตาของพระองค์ไปแล้วก็ยังคงตักลีดอยู่ เรื่องใดที่ไม่มีในคำวินิจฉัยของท่านก็ตักลีดตามคำวินิจฉัยของท่าน อยาตุลลอฮฺ คาเมเนอี ต่อไป เพราะท่านเป็นเราะฮฺบัตของเรา ส่วนผู้ที่ ตักลีดตามมัรญิอฺที่เสียชีวิตไปแล้วทั้งที่ไม่เคยตักลีดมาก่อนเป็นความไม่ถูกต้อง

เราปฏิเสธไม่ได้ว่ามีความแตกต่างกันอยู่บ้างว่าฮะดิษและริวายะฮฺอาจมีความศอฮิฮฺตรงกันหรือไม่ แต่จากการนำเสนอที่ถูกวินิจฉัยโดยท่าน อยาตุลลอฮฺ ญาวาดี ออมูลี ท่านย่อมไม่ทรยศต่อวิชาการโดยเด็ดขาด คงไม่นำเสนอความศอฮิฮฺของฮะดิษเหล่านี้ก่อนการตรวจสอบอย่างละเอียด การที่ฟัฎลุลลอฮฺอ้างเป็นนักวิชาการแล้วเผยแพร่ความคิดวิตถารนั้นจึงเป็นชนวนแห่งความแตกร้าวโดยเปล่าประโยชน์ไร้ทั้งคุณค่าและคุณธรรม

ขอย้ำกับพวกเราอีกครั้งหนึ่งว่า “บุคคลใดก็ตามหากเหิมเกริมกำเริบเสิบสานถึงขั้นวิพากษ์วิจารณ์ นบีมุฮัมมัด(ซล) และอะฮฺลุลบัยตฺ(อ)แล้ว ก็เสียชาติเกิดและไม่ควรจะอ้างว่าตนเป็นนักวิชาการของมุสลิม”!!!!

ค่ำคืนแห่งความจำเริญลัยละตุลกอดรฺนั้น ท่านอิมามญะอฺฟัร อัศศอดิก(อ) ได้กล่าวว่า
“เป็นค่ำคืนที่เอกองค์อัลลอฮฺ(ซบ) ทรงประทานให้กับพวกเรา (อะฮฺลุลบัยตฺ) เหมือนกัน เหมือนกับเอกองค์อัลลอฮฺ(ซบ)ได้ทรงทำให้ค่ำคืนที่จำเริญแห่งลัยละตุลกอดรฺเป็นค่ำคืนศักดิ์สิทธิ์ที่พระองค์ทรงประทานให้กับท่านนบีมุฮัมมัด(ซล) เป็นกรณีพิเศษ เช่นเดียวกับทรงประทานค่ำคืนแห่ง นิสฟูชะอฺบานให้กับอะฮฺลุลบัยตฺ(อ)”

เมื่อมีผู้ถามความสำคัญของค่ำคืนนิสฟูชะอฺบานกับท่านอิมาม ญะอฺฟัร อัศศอดิก(อ) ท่านตอบว่า
“ค่ำคืนแห่งนิสฟูชะอฺบานนั้นประเสริฐสุดหลังจากค่ำคืนแห่ง ลัยละตุลกอดรฺ อัลลอฮฺ (ซบ) ได้ทรงประทานฟาฎีลัต ความประเสริฐต่างๆ ให้กับปวงบ่าวของพระองค์ การทรงอภัยโทษด้วยความเมตตาที่พิเศษ ”


33

……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ปาฐกถา เนื่องในค่ำคืนแห่งนิสฟูชะอฺบาน

(บรรยายโดย ฮุจญตุลอิสลามวัลมุสลีมีน ซัยยิด สุไลมาน ฮูซัยนี)……………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

ติดตามอ่านต่อ รัตติกาลอันจำเริญ (ตอนที่ 2)