มาทำความเข้าใจอย่างมีมะอฺรีฟัตต่ออิมามประจำยุคสมัย
โดย ฮุจญตุลอิสลามวัลมุสลีมีน ซัยยิด สุไลมาน ฮูซัยนี
♔•●✺ اللهم صل علی محمد وآل محمد وعجل فرجهم ✺●•♔
♔♔♔♔♔♔♔♔♔♔♔♔♔♔♔♔
♔♔ อยาตุลลอฮฺ ญาวาดี ออมูลี ปราชญ์แห่งยุคสมัย ♔♔
อัลฮัมดุลิลลาฮฺ ขอสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณในเนียะมัตและเตาฟิกที่เอกองค์ อัลลอฮฺ(ซบ) ได้ทรงประทานให้กับพวกเราอีกวาระหนึ่ง บทเรียนแห่งชีวิตที่สำคัญอีกบทเรียนหนึ่งนั้นคือ บทเรียนแห่งมะฮฺดะวียัต
เราต้องมีความเข้าใจอย่างถ่องแท้(มะอฺรีฟัต)ต่ออิมามประจำยุคของเราอย่างลึกซึ้งให้ได้
มาตรวัดที่จะชี้ว่าผู้ศรัทธานั้นเป็นอย่างไร?
เราจะกลับคืนสู่อัลลอฮฺ(ซบ) ในสภาพของญาฮีลียะฮฺ หรือสภาพมีมะอฺรีฟัต บททดสอบประการหนึ่งนั้นคือ เรามีมะอฺรีฟัตต่อฮุจญฺตุลลอฮฺบนหน้าแผ่นดินหรือไม่ ?
เนื้อหาในบทเรียนที่ทรงคุณค่านี้ ได้มาจากพระมหาคัมภีร์อัลกุรอานและจากริวายะฮฺ ตำราของอาลิมอุลามาอฺ นักปราชญ์แห่งยุคสมัย ท่านเป็นนักปราชญ์ผู้สูงส่งคนหนึ่งในฝ่ายวิชาการ คือ
✺✺ ท่านอยาตุลลอฮฺ ญาวาดี ออมูลี ✺✺
ท่านเป็นฟูกอฮาอฺ เป็นมุจญตะฮิดในสายวิชานิติศาสตร์ (ฟิกฮฺ) เป็นมัรญิอฺ ตำราเบื้องต้นของอะฮฺกามได้ถูกถ่ายทอดไปบ้างแล้ว ต่อไปตำราริซาละฮฺอามาลียะฮฺฉบับสมบูรณ์ของท่าน ก็จะถูกถ่ายทอดกับประชาชน และนั่นคือการประกาศความเป็นมัรญิอฺอย่างสมบูรณ์
ในปัจจุบันนี้ สายวิชาปรัชญา ท่านก็เป็นนักปรัชญาสูงสุด อาจารย์ที่สอนวิชาปรัชญาในอิหร่านล้วนเป็นศิษย์ของท่านเกือบทั้งหมด ส่วนอาจารย์ของท่านที่เคยสอนวิชาปรัชญาชั้นสูง คือ” อุลามาอฺ ฏอบาฏอบาอี ” ซึ่งเป็นบิดาแห่งวิชาปรัชญายุคใหม่ และเป็นตำแหน่งมูฟัสสิรีน (ผู้อรรถาธิบายอัลกุรอาน)
ท่านอยาตุลลอฮฺ ญาวาดี ออมูลี ได้ตัฟซีรอัลมีซาน สืบทอดกันมาจากที่เคยตับซิร กันมาก่อนไว้ให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น ทั้งเป็นนักปราชญ์ทางสายวิชาอิรฺฟานอีกด้วย เป็นหนึ่งในมุอัรรีฟที่ถูกยอมรับ ศิษย์ของท่านได้มาเผยแพร่วิชาการนี้ต่อมาอีกหลายคน
ในยุคปัจจุบันที่มีความแตกต่างหลากหลายความคิด นำไปสู่ความแตกร้าวในระหว่างชีอะฮฺด้วยกันมิใช่น้อย เพราะอุลามาอฺบางคนก็มีส่วนในการทำลายความศรัทธา ทำลายอากีดะฮฺที่เข้มข้น รวมถึงความไม่เข้าใจในด้านวิชาการแต่ละแขนงอย่างลึกซึ้ง ก็ได้ท่านที่จะเป็นหลักประกันถึงความถูกต้องสมบูรณ์ในแต่ละเรื่องเป็นอย่างดี
ก่อนที่ความแตกต่างด้านความคิดดังกล่าวนี้ จะเผยแพร่ออกไปให้แตกร้าวมากขึ้น จึงขอนำเสนอแนวความคิดของนักปราชญ์ชั้นสูงอย่างท่านให้พวกเราเข้าใจตามสมควร
ได้เคยถ่ายทอดให้รู้จักและเข้าใจในเรื่องของอิมามัตมาบ้างแล้ว โดยบอกกับพวกเราว่าเรื่องราวของบรรดาอิมาม ทำให้เกิดมะอฺรีฟัต แต่ในตอนแรกนั้นให้เรารู้จักอิมามในรูปแบบทั่วไปเสียก่อน คือ “อิมามมะตุลอาม”
“อิมามมะตุลอาม” หมายถึง คุณลักษณะเบื้องต้นของผู้ที่จะมาเป็นอิมาม ต่อจากนี้ก็จะเข้าไปสู่เนื้อหาโดยละเอียดยิ่งขึ้น คือ “มะอฺรีฟาตุลคอศ ” หรือ “อิมามุลคอศ” เป็นการเจาะลึกเข้าไปสู่ความเข้าใจท่านอิมามมะฮฺดี(อ) ให้ละเอียดลึกซึ้งกว่าเดิม
ท่านอยาตุลลอฮฺ ญาวาดี ออมูลี ได้อรรถาธิบายถึงชีวประวัติและจริยวัตรของท่านอิมามมะฮฺดี(อ) ไว้อย่างละเอียด
เริ่มจากการถือกำเนิดของท่านอิมามมะฮฺดี(อ) ซึ่งตรงกับวันที่ 15 เดือนชะอฺบาน ฮ.ศ.255 เป็นค่ำคืนแห่งนิสฟูชะอฺบาน มีหลักฐานที่ยืนยันถึงเรื่องดังกล่าวเป็นจำนวนมาก
มีฮะดิษและริวายะฮฺจากท่านรอซูลุลลอฮฺ(ศ็อล) และบรรดาอะฮฺลุลบัยตฺ(อ) กล่าวว่า วันนี้มีความสำคัญไม่น้อยไปกว่าวันลัยละตุลก็อดรฺ
เมื่อเป็นเช่นนี้จึงแสดงให้เห็นว่าค่ำคืนนิสฟูชะอฺบานเป็นเรื่องของมุสลิมทุกมัศฮับต้องเรียนรู้ทำความเข้าใจให้ละเอียดลึกซึ้งพอกัน
ส่วนค่ำคืนลัยละตุลก็อดรฺนั้น ท่านรอซูลุลลอฮฺ(ศ็อล) และอะฮฺลุลบัยต์ของท่านได้ยืนยันความสำคัญทั้งในภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติมาโดยตลอด มีฮะดิษ ริวายะฮฺและคำอรรถาธิบายของอุลามาอฺที่อาจจะแตกต่างกันอยู่บ้างแต่รวมความแล้วค่ำคืนลัยละตุลก็อดรฺและค่ำคืนนิสฟูชะอฺบานต่างก็มีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน
ท่านรอซูลลุลลอฮฺ(ศ็อล) ได้กล่าวเอาไว้ว่า
“ฟะอินนะฮา ลัยละตุลอาดัลลอฮฺ อาลานัฟสิฮี”
ความว่า “ด้วยความจำเริญแห่งคืนลัยละตุลกอดรฺและค่ำคืนแห่งนิสฟูชะอฺบาน อัลลอฮฺ(ซบ) จะทรงรับในดุอาอฺที่ถูกขอในค่ำคืนนั้น ยกเว้นคำขอที่เป็นการละเมิดสิทธิอันชอบธรรมของผู้อื่น (มะศิยัต)”
คำขอที่ละเมิดนั้น มีหลายประการที่พวกเราควรรู้ไว้พอสังเขป เช่น ขอให้บุคคลอื่นต้องพินาศทั้งที่สิทธิของเขานั้นมิได้มีความผิดร้ายแรงตามหลักการอิสลาม การขอในสิ่งต้องห้ามอีกหลายเรื่อง เช่น ขอให้ถูกหวย ขอให้ชนะการพนัน คำขอเหล่านี้รวมเรียกว่ามะศิยัตเช่นเดียวกัน
ดังนั้น ในค่ำคืนอันจำเริญนี้อัลลอฮฺ(ซบ) ได้ทรงสัญญาว่าจะไม่ทรงปฏิเสธคำขอพรใดๆ ที่ไม่เป็นมะศิยัตอย่างเด็ดขาด
ส่วนค่ำคืนอันจำเริญของนิสฟูชะอฺบานนั้น ประชาชาติอิสลามที่ไม่ได้อยู่ในแนวทางแห่งอิมามียะฮฺจะไม่เข้าใจถึงความจำเริญนี้อย่างลึกซึ้งได้ แต่ถึงกระนั้นพี่น้องซุนนีทุกมัศฮับ ยกเว้นพวกวะฮาบีละนะตุลลอฮฺแล้ว ล้วนแต่ให้ความสำคัญกับค่ำคืนนี้โดยพร้อมเพรียงกัน อาจมีบ้างที่จะแตกต่างกันในเรื่องประเพณีวัฒนธรรมท้องถิ่น การจัดเลี้ยงอาหารคาวหวานต่อกันนั้น จึงแตกต่างกันออกไปบ้าง แต่ทั้งหมดจะไปพร้อมกันที่มัสยิดอยู่ดี
ค่ำคืนอันจำเริญนี้พวกศัตรูอิสลาม มีความหวั่นวิตกว่าจะนำไปสู่การรวมตัวของพี่น้องมุสลิมผู้ศรัทธา จึงได้พยายามทำลายอยู่ทุกวิถีทาง โดยมีพวกวะฮาบีเป็นแนวหน้าเหมือนดั่งที่เคยบอกว่า “เมาลิดุนนบีหรือวันสำคัญอื่นๆล้วนแล้วแต่เป็นอุตริกรรมสำหรับพวกตน”
ลัทธิวะฮาบีมีความคิดวิตถารเช่นนี้มาโดยตลอดตั้งแต่ยุคของอิบนุ ตัยมิยะฮฺ แต่สำหรับพวกเราแล้ว ค่ำคืนลัยละตุลก็อดรฺและค่ำคืนนิสฟูชะอฺบานเป็นค่ำคืนอันจำเริญสำหรับมุสลิม
มีฮะดิษอีกบทหนึ่งที่ท่านรอซูลลุลลอฮฺ(ซล) กล่าวว่า…
“อัลลอฮฺ(ซบ) จะทรงให้อภัยโทษแก่บรรดามัคลูคต่างๆของพระองค์ในค่ำคืนอันจำเริญนี้ เท่ากับจำนวนขนแพะขนแกะของบนีกัลบ์ หมายความว่า จำนวนแห่งการให้อภัยโทษนั้นมากมายมหาศาลเกินกว่าจะนับได้”
ความเป็นสิริมงคลของค่ำคืนนิสฟูชะอฺบานนั้น คือ การรอคอยให้ท่านอิมามมะฮฺดี(อ)ปรากฏ ส่วนในค่ำคืน ลัยละตุลก็อดรฺเป็นค่ำคืนแห่งการทรงประทานพระมหาคัมภีร์อัลกุรอานมาให้
การที่พระมหาคัมภีร์อัลกุรอานถูกทรงประทานลงมาในค่ำคืนนี้ จึงไม่ต้องพูดถึงความยิ่งใหญ่ ความจำเริญของคืนลัยละตุลก็อดรฺอีกแล้ว เช่นเดียวกันกับค่ำคืน นิสฟูชะอฺบาน ว่า มีความสำคัญอยู่ตรงที่เป็นค่ำคืนแห่งการกำเนิดของท่านอิมามมะฮฺดี(อ)
ทั้งสองค่ำคืนนี้ มุสลิมผู้ศรัทธาจึงต้องเรียนรู้ทำความเข้าใจอย่างละเอียดลึกซึ้งเพื่อความจำเริญในหัวใจแห่งตน
ท่านอยาตุลลอฮฺ ญาวาดี ออมูลี นักปราชญ์แห่งยุคสมัย ได้อรรถาธิบายในวิชาการของอิสลามไว้มากมาย
จึงได้นำเอาคำอรรถาธิบายในตำราของท่านมาอ้างอิงไว้ในค่ำคืนนี้ เพื่อให้พวกเราได้ไตร่ตรองในกรณีที่มีผู้อ้างอิงถึงคำสอนที่บิดเบือนไปจากแนวทางของชีอะฮฺอิมามียะฮฺ
ถ้าหากมีเช่นนั้นจริงพวกเราก็มีต้องมีหน้าที่ในการตอบโต้ชี้แจงแนวความคิดที่แปลกปลอมนี้โดยเฉพาะบุคคลที่ชื่อ “ฟัฎลุลลอฮฺ”
ความคิดอันวิตถารของเขา(ฟัฎลุลลอฮฺ) คือ การออกมาอรรถาธิบาย เกี่ยวกับการจัดวันรำลึกถึงท่านศาสดา และบรรดาอะฮฺลุลบัยตฺ(อ) โดยกล้าประกาศว่าอิสลามไม่เชื่อถือวันสำคัญใดๆ แม้แต่กระทั่งวันถือกำเนิดของท่านนบีมูฮัมมัด(ศ็อล)
แน่นอนว่า ค่ำคืนนิสฟูชะอฺบานก็ถูกเขาปฏิเสธเช่นเดียวกัน อยากจะให้พวกเราได้เข้าใจว่าการตักลีดตามมัรญิอฺ หากไม่แน่ใจในข้อปฏิบัติก็ต้องถามผู้รู้ให้เข้าใจแจ่มแจ้ง เช่น กรณีเคยตักลีดกับมัรญิอฺผู้หนึ่งแล้วท่านเสียชีวิตไปแล้วก็อาจตักลีดต่อไปได้ แต่ไม่อนุญาตให้ผู้ที่ไม่เคยตักลีดมาก่อนต้องปฏิบัติตาม เช่น ข้าพเจ้าตักลีดตามท่านอิมามโคมัยนี(รฎ) มาแต่ต้น เมื่อท่านกลับคืนสู่ความเมตตาของพระองค์ไปแล้วก็ยังคงตักลีดอยู่
เรื่องใดที่ไม่มีในคำวินิจฉัยของท่านก็ตักลีดตามคำวินิจฉัยของท่านอยาตุลลอฮฺ คาเมานอีต่อไป เพราะท่านเป็นเราะฮฺบัรของเรา ส่วนผู้ที่ตักลีดตามมัรญิอฺที่เสียชีวิตไปแล้วทั้งที่ไม่เคยตักลีดมาก่อนเป็นความไม่ถูกต้อง
เราปฏิเสธไม่ได้ว่ามีความแตกต่างกันอยู่บ้าง ว่า ฮะดิษ และริวายะฮฺอาจมีความศอเฮียะฮฺตรงกันหรือไม่ แต่จากการนำเสนอที่ถูกวินิจฉัยโดยท่านอยาตุลลอฮฺ ญาวาดี ออมูลี ท่านย่อมไม่ทรยศต่อวิชาการโดยเด็ดขาด คงไม่นำเสนอความศอเฮิยะฮฺของฮะดิษเหล่านี้ก่อนการตรวจสอบอย่างละเอียด การที่ ‘ฟัฎลุลลอฮ’ อ้างเป็นนักวิชาการแล้วเผยแพร่ความคิดวิตถารนั้น จึงเป็นชนวนแห่งความแตกร้าวโดยเปล่าประโยชน์ ไร้ทั้งคุณค่าและคุณธรรม
♔•●✺ اللهم صل علی محمد وآل محمد وعجل فرجهم ✺●•♔
♔♔♔♔♔♔♔♔♔♔♔♔♔♔♔♔