เมตตาธรแห่งจักรวาล (ตอนจบ)

1052
Photo by: Abdulhameed Shamandour Location: Madina Munawara, Saudi Arabia

ความหมายของตะกียะฮฺ คือ การสร้างเอกภาพให้เกิดขึ้นในสังคมมุสลิมผู้ศรัทธา ไม่มีศาสนาสำหรับคนที่ไม่รู้จักการ ตะกียะฮฺ เพราะฉะนั้นตะกียะฮฺจึงหมายถึงความระมัดระวัง ระวังว่าจะเกิดความแตกแยก เกิดความสับสนวุ่นวาย และเกิดความเข้าใจผิด การตะกียะฮฺจึงไม่ได้หมายถึงการหลอกลวงแต่ความเป็นเอกภาพต่างหากคือเป้าหมายสูงสุด

ท่านอิมามได้วางรากฐานในการสร้างเอกภาพนี้ต่างกรรมต่างวาระหลายครั้ง ท่านอิมามโคมัยนี(รฎ) ได้มีคำวินิจฉัยเรื่องนี้ว่า ถ้าหากการนมาซร่วมกันระหว่างพี่น้องซุนนีกับพี่น้องชีอะฮฺแล้วทำให้เกิดความเป็นเอกภาพ ความรัก ความเข้าใจต่อกันได้ การนมาซนั้นถือว่าเป็นเรื่องของการที่ควรกระทำ บางมัรญิอฺถึงกับกล่าวว่าไม่ต้องกลับมานมาซชดใช้อีก
ในกรณีที่ไปทำฮัจญฺ ณ มหานครมักกะฮฺ การนมาซในมัสยิดุลฮะรอมไม่จำเป็นต้องวางดินก็ได้ ทั้งนี้เพื่อความเป็นเอกภาพ โดยมัรญิอฺเกือบทั้งหมดมีคำวินิจฉัยที่พ้องต้องกัน

ท่านอิมามโคมัยนี(รฎ) ได้วินิจฉัยเรื่องนี้ไม่ใช่เพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง แต่เพื่อสืบทอดเจตนารมณ์ของบรรดา อะอิมมะฮฺ(อ) จะเห็นได้ว่าความเป็นเอกภาพของมวลมุสลิมนั้นเป็นยอดปรารถนา ตรงกันข้ามกับการสร้างความแตกแยกที่เรียกว่าสามัคคีเภท นี่ต่างหากคือศัตรูที่ร้ายกาจของอิสลาม

สมัยอยาตุลลอฮฺ บุรุญัรดี ได้ให้ความสำคัญถึงความเป็นเอกภาพนี้ กรณีสถานศึกษาในเมืองกุมกับมหาวิทยาลัยอัลอัซฮัรของไคโร จนเกิดความสัมพันธ์อย่างลึกซึ้ง มีการแลกเปลี่ยนริซาละฮฺ เกิดปุจฉาวิสัชนาระหว่าง อุลามาอฺทั้งสองฝ่ายทำให้เกิดตำราเล่มสำคัญของพวกเรา คือ “อัลมุรอญิอาต”

เชคมุฮัมมัดอาลี ชัลตูฏ อุลามาอฺซุนนี มีคำวินิจฉัยว่า มัศฮับชีอะฮฺเป็นมัศฮับหนึ่งในศาสนาอิสลาม สถานภาพของท่านในตอนนั้นคือเป็นอธิการบดีของมหาวิทยาลัยอัลอัซฮัร คำวินิจฉัยนี้เป็นบ่อเกิดของการประชุมร่วมระหว่างพี่น้องซุนนีกับ ชีอะฮฺในกาลต่อมา

กรณีของพี่น้องซุนนีเกิดการตื่นตัวขึ้นในกลุ่มประเทศอาหรับที่เรียกกันว่าอาหรับสปริง เกิดจากความรู้สึกของคนส่วนใหญ่มองว่าระบบการปกครองของประเทศในอาหรับนั้น ผู้ปกครองคือฏอฆูตไม่ใช่เป็นบุคลากรของพระผู้เป็นเจ้า…… เป็นพลพรรคของชัยฏอน…… เป็นหุ่นเชิดของ นักล่าอาณานิคมตะวันตก…… เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้เกิดความตื่นตัวในระหว่างประเทศที่ส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม เช่น ประเทศอินโดนีเซีย อินเดีย ปากีสถาน และรวมความถึงมุสลิมในกลุ่มประเทศละแวกเดียวกัน มีอุลามาอฺจำนวนมากเดินทางไปศึกษาหาความรู้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นซึ่งกันและกันถึงกรุงเตหะราน ทั้งนี้เพื่อเป้าหมายสูงสุดคือความเป็นเอกภาพของพี่น้องซุนนีกับชีอะฮฺ

ศัตรูของอิสลามวิตกกังวลกับเรื่องนี้เป็นอย่างยิ่ง จึงเริ่มกระบวนการสร้างความแตกแยกในประเทศอิสลามเข้มข้นยิ่งขึ้น

เหตุการณ์สงครามกลางเมืองในซีเรีย ผู้ที่สร้างความอัปยศก็คือ กองกำลังกบฏวะฮาบีที่มีกองทัพซุฟยานีและนักล่าอาณานิคมตะวันตกสนับสนุน การสู้รบระหว่างวะฮาบีกับซุนนีจึงยุติลงได้ยาก ทั้งยังใส่ร้ายโดยประโคมข่าวไปทั่วโลกจากสื่อของพวกเขาว่าเป็นสงครามระหว่างซุนนีกับชีอะฮฺ โดยชีอะฮฺเป็นผู้ข่มเหงรุกรานก่อน ดังได้บอกไว้ตั้งแต่ตอนต้นมาพอสังเขปแล้ว สัมพันธภาพระหว่างประชาชาติอิสลามจำเป็นที่อุลามาอฺทุกฝ่ายต้องสร้างความเป็นเอกภาพขึ้นมาให้ได้

การประชุมประเมินสถาณการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นของโลกมุสลิมที่ประเทศอิหร่านเมื่อไม่นานมานี้ มีข้อมูลที่เชื่อได้ว่านักล่าอาณานิคมตะวันตกได้เชิญอุลามาอฺซุนนีจำนวนหนึ่งไปปรึกษาถึงร่างแผนการสงบศึกระหว่างชีอะฮฺและซุนนี

ที่จริงสงครามระหว่างชีอะฮฺและซุนนียังไม่ได้เกิดขึ้น แต่พวกเขา ได้ร่างสัญญาสงบศึกขึ้นมาก่อน นัยยะสำคัญนี้คือพวกเขามีแผนการที่จะจุดไฟสงครามของสองนิกายขึ้นมาให้ได้ เพราะเป็นหนทางเดียวที่จะทำให้โลกอิสลามอ่อนแอและปราชัยในที่สุด

แผนการชั่วร้ายของนักล่าอาณานิคมตะวันตกบังเกิดผลแล้วในประเทศปากีสถาน อินโดนีเซีย และมาเลเซีย รัฐบาลของประเทศเหล่านี้ถูกชักใยให้เต้นไปตามเกมของพวกมัน อินชาอัลลอฮฺจึงต้องหวังให้อุลามาอฺของทั้งสองฝ่ายเร่งสร้างความเป็นเอกภาพขึ้นมาให้ได้โดยรีบด่วน

วันนี้ที่กรุงเตหะรานเป็นสถานที่พบปะแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันอย่างเอาจริงเอาจังอยู่

อัลฮัมดุลิลละฮฺ เนื่องจากระบบวิลายะตุลฟะกิฮฺในประเทศสาธารณ รัฐอิสลามแห่งอิหร่าน โดยมีท่านอิมามคาเมเนอีเป็นผู้นำ การตัดสินใจใดๆ ของรัฐในเรื่องผลประโยชน์ของอิสลามทำได้ฉับพลันท่วงที แม้ว่าจะมีกลุ่ม ต่อต้านคอยขัดขวางทุกวิถีทางอยู่ก็ตาม

พึงตระหนักให้จงดีว่าศัตรูของอิสลามบริสุทธิ์ในวันนี้หาใช่มีเพียง วะฮาบีไม่ แม้แต่มัรญิอฺชีอะฮฺที่ขายตัวก็มีอยู่ด้วยเช่นเดียวกัน

ผู้เรียกตนว่าเป็นอุลามาอฺเป็นมัรญิอฺของชีอะฮฺบางคนได้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ศอฮาบะฮฺรวมถึงภริยาของรอซูลในที่สาธารณะ บางคนก็ออกมาอ่านดุอาอฺกุนูตสาปแช่งศอฮาบะฮ ฺบางคนที่พี่น้องซุนนีนับถือ ทำให้เกิดความแตกร้าวระหว่างซุนนีและชีอะฮฺรุนแรง จนท่านอิมามคาเมเนอีต้องออกมาวินิจฉัยว่า การกระทำเช่นนั้นเป็นสิ่งต้องห้าม(ฮะราม) ไฟที่ลุกโชนในหัวใจทั้งสองฝ่ายจึงได้มอดลง

ระบบวิลายะตุลฟากิฮฺที่มีผู้นำสูงสุดตัดสินใจได้อย่างฉับพลันทำให้บ่าวช่างยุทั้งหลายก่อหวอดไม่สำเร็จ ในที่ประชุมกรุงเตหะรานจึงย้ำให้ทั้งสองฝ่ายสร้างความเป็นเอกภาพขึ้นมาให้ได้มากที่สุด และให้ตระหนักว่าระหว่างผู้รอคอยกับผู้ถูกรอคอย คือ อิมามมะฮฺดี(อ) และประชาชาติอิสลามที่รวมถึงชีอะฮฺ ซุนนี และศาสนิกอื่นที่ถูกกดขี่ ต่างก็รอคอยท่านอิมาม มะฮฺดี(อ) เหมือนกัน

ประการสำคัญอย่างยิ่งอีกประการหนึ่งคือการเผยแพร่หลักการชีอะฮฺโดยไม่ดูกาลเทศะ ไม่ได้ดูว่าเขาสนใจหรือไม่เพียงใด เขามีความอยากรู้ อยากรับฟังหรือไม่ ถ้าหากเขาไม่พร้อม การเผยแพร่นั้นก็ถือเป็นสิ่งต้องห้าม

ท่านอิมามโคมัยนี(รฎ) ได้พยายามนำเสนอสัปดาห์แห่งเอกภาพในโอกาสวันถือกำเนิดของท่านนบี มุฮัมมัด(ซล) เพื่อตอกย้ำว่า การจัดงานรำลึกสดุดีจริยวัตรของท่านศาสดานั้นถูกบรรดาอะอิมมะฮฺ(อ)นำเสนอสืบทอดกันมาด้วยการมองการณ์ไกลตลอด

ท่านอิมามมะฮฺดี(อ) ต้องการให้กองทัพของท่านมีทั้งชีอะฮฺ ซุนนีและผู้ถูกกดขี่ยากไร้ทั้งหลายมาเป็นแนวร่วม ยกเว้นกองทัพของซุฟยานีซึ่งประกาศชัดเจนว่าเป็นศัตรูกับท่าน

ลัทธิแห่งความชั่วร้ายอีกอย่างหนึ่งคือ ตักฟีรี พวกเหล่านี้จะกล่าวหาคนอื่นว่าเป็นผู้ปฏิเสธทั้งหมดหากมีแนวคิดที่ไม่ตรงกับตน ไม่ยกเว้นว่าจะเป็นซุนนีหรือชีอะฮฺ หากไม่เป็นพวกก็ต้องถือว่าฆ่า นี่คือตักฟีรี นี่คือ วะฮาบี!!! ความกักขฬะของพวกเขาเหล่านี้ถึงกับประกาศว่าผู้ใดมีความคิดไม่ตรงกับอิบนุ ตัยมียะฮฺ เป็นผู้ปฏิเสธทั้งหมด แม้แต่กระทั่งศอฮาบะฮฺก่อนหน้าพวกตนก็ไม่ละเว้น ศาสนาอิสลามคืออิสลามซุฟยานีและผู้มีแนวความคิดตรงกับบนีอุมัยยะฮฺเท่านั้น

ชนวนสงครามที่จะถูกจุดขึ้นระหว่างซุนนีและชีอะฮฺไม่มีวันที่จะดับมอดลงหากพี่น้องซุนนีและชีอะฮฺไม่ยอมรับฟังคำวินิจฉัยของอุลามาอฺทั้งสองฝ่ายอย่างแท้จริง ขอให้สัปดาห์แห่งความเป็นเอกภาพนี้จงเป็นเวลาแห่งการขอพรจากเอกองค์อัลลอฮฺ(ซบ) โดยทุกคนตั้งจิตมั่นว่า

“ขอความเมตตาแห่งสากลจักรวาลที่พระองค์ทรงประทานแก่นบีมุฮัมมัด(ซล) ศาสดาของพระองค์จงบังเกิดขึ้นในหัวใจของมุสลิมทุกหมู่เหล่าจากวันนี้จนนิรันดร”

 

เมตตาธรแห่งจักรวาล

ทรงประทานมารังสรรค์จรรโลงโลก บรรเทาโศกหมดทุกข์สิ้นยุคเข็น
จากสังคมอานารยะสุดลำเค็ญ ก่อเกิดเป็นศาสนาอารยะธรรม
มีความรักมีอภัยมีเมตตา มีกรุณาปรานีที่สูงล้ำ
เกิดเอกภาพของมนุษย์จากทางนำ กอปรกรรมทำดีมีต่อกัน
ถูกต่อต้านขัดขวางอย่างสาหัส เพื่อขจัดทุกแนวทางท่านสร้างสรรค์
ด้วยอารยะป่าเถื่อนและอธรรม์ สุดท้ายนั้นต้องสยบนบศาสดา
ด้วยรัศมีรุจีรัตน์ประภัสสร เกิดความรักเอื้ออาทรทั่วแหล่งหล้า
ทุรชนต้องย่อยยับอัปรา ยอมสยบกับเมตตาแห่งจักรวาล
ขอสดุดีจริยวัตรอันประเสริฐ วันกำเนิดศาสดาจงสืบสาน
มุทิตาจิตสดุดียั่งยืนนาน ตลอดกาลทุกกัปป์กัลป์นิรันดร

กษิรธารา ร้อยกรอง

 

unipol-rasul2013

……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ปาฐกถา เนื่องในคืนวันประสูติของท่านศาสดามุฮัมมัด (ซล) ณ มัสยิด รูฮุลลอฮฺ นครศรีธรรมราช ปี 2557

(บรรยายโดย ฮุจญตุลอิสลามวัลมุสลีมีน ซัยยิด สุไลมาน ฮูซัยนี)……………………………………………………………………………………………………………………………………………………..