เมาลิดุนนบีรำลึก
يُرِيدُونَ أَن يُطْفِئُوا نُورَ اللَّهِ بِأَفْوَاهِهِمْ وَيَأْبَى اللَّهُ إِلَّا أَن يُتِمَّ نُورَهُ وَلَوْ كَرِهَ الْكَافِرُونَ
“พวกเขาต้องการเพื่อจะดับแสงของอัลลอฮฺด้วยปากของพวกเขา และอัลลอฮฺนั้นไม่ทรงยินยอม นอกจากจะทรงให้แสงของพระองค์สมบูรณ์เท่านั้น และแม้ว่าบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาจะชิงชังก็ตาม”
อัลฮัมดุลิลละฮฺ ก่อนอื่นขอชุโกร์ในเนียะมัตและเตาฟีก โดยเฉพาะเนียะมัตและเตาฟีกในค่ำคืนนี้ ซึ่งเป็นค่ำคืนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ…… เป็นค่ำคืนในหลายพันปีก่อนหน้านี้นั้นเป็นค่ำคืนที่มนุษยชาตินั้นต่างพากัน รอคอย….. เป็นค่ำคืนที่บรรดาชาวยะฮูดีย์ นัศรอนี มะยูซีย์ (พวกบูชาไฟ) และศาสนาต่างๆที่มีอยู่ในโลกนี้นั้น ต่าง รอคอยค่ำคืนนี้ รอคอยการปรากฏตัว…. ปรากฏการณ์แห่งการจุติลงมาของ “นูร”อันยิ่งใหญ่ “นูร”ที่สมบูรณ์แบบที่สุด “นูร” มุฏลักที่จะลงมาจุติในโลกนี้ เป็นค่ำคืนของการจุติของ “นูร” อันหนึ่ง ที่ได้ถูกสัญญาไว้ในคัมภีร์ต่างๆ….ในศาสนาที่เคยมีมาตลอดหน้าประวัติศาสตร์….. เป็นค่ำคืนที่รอคอยการพยากรณ์อันยิ่งใหญ่ถึงการถือกำเนิดของศาสดาองค์สุดท้ายของอัลลอฮฺ(ซบ) เป็นค่ำคืนที่รายละเอียดต่างๆมีอยู่ในทุกๆศาสนา….. นั่นคือการถือกำเนิดของ “นูร” อันยิ่งใหญ่ “นูร”อันสมบูรณ์ นั้นคือ “นูร”ของท่านนบีมุฮัมมัด(ศ.)!!!!! ซึ่งแน่นอนเนื้อหาและเรื่องราวที่เกี่ยวกับค่ำคืนนี้….. เกี่ยวกับศาสดาท่านนี้ เกี่ยวกับ “นูร” ดวงนี้ของอัลลอฮฺ(ซบ)นั้น มีเรื่องราวต่างๆอย่างมากมายพี่น้อง !!!!!
อัลฮัมดุลิลละฮฺอีกครั้งหนึ่ง ที่การเฉลิมฉลองของเราในค่ำคืนนี้….. เฉลิมฉลองเมาลิดุนนบีนั้นก็ตรงกับวันประสูติของอีกผู้หนึ่ง……ผู้เป็นทายาทแห่ง “นูร” อันนี้ ก็คือวันถือกำเนิดของท่าน อิมามญะอฺฟัร อัศ-ศอดิก(อ)หนึ่งในอิมาม ที่เป็นเชื้อสายและทายาทของรอซูลุลลอฮฺ(ศ)อันเป็นที่ถูกยอมรับจากอุมมะฮฺอิสลามทั้งมวล….. ซึ่งท่านอิมามท่านนี้ก็ได้ถูกถือกำเนิดมาในค่ำคืนนี้อีกเช่นกัน หลังจากรอซูลุลลอฮฺ(ศ.)จากไปประมาณ 60 กว่าปี
และอัลฮัมดุลิลละฮฺอีกครั้งหนึ่งอีกเช่นกัน ที่ในค่ำคืนนี้เราได้เฉลิมฉลองวันประสูติอันประเสริฐของค่ำคืนครบรอบการปฏิวัติอิสลามแห่งอิหร่าน ครบ 33 ปี….. เป็นการปฏิวัติอันยิ่งใหญ่ ….การปฏิวัติที่เป็นความฝันของบรรดาอัมบิยาอฺและเอาลิยาอ์ของอัลลอฮฺ(ซบ)…. การปฏิวัติซึ่งนำสู่ความยิ่งใหญ่ของอิสลาม…… การปฏิวัติที่ทำให้มวลมนุษยชาติได้เห็นความยิ่งใหญ่ของอิสลามในยุคปัจจุบัน!!!!! ซึ่งก่อนหน้านี้ กล่าวคือ ก่อนหน้าการปฏิวัติอิสลามแห่งอิหร่านนั้น ศาสนาอันบริสุทธิ์อันนี้นั้นได้ถูกเบียดตกขอบ….. ตกสนามไปแล้ว พี่น้อง!!!! ซึ่งไม่มีใครคิด…..ไม่มีใครฝัน…..ว่า วันหนึ่งศาสนาจะกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้งหนึ่งในโลกแห่งปัจจุบันนี้!!!!!! อินชาอัลลอฮฺในค่ำคืนนี้ หัวข้อการพูดคุยการบรรยาย จะอยู่ในสองเรื่องหลักๆที่สำคัญ ซึ่งจริงๆแล้วก็ถือว่าเป็นเรื่องเดียวกันทั้งหมด ทั้งเรื่องเมาลิดุนนบีและการปฏิวัติอิสลามในอิหร่านภายใต้การนำของท่านอิมามโคมัยนี(รฎ)และสานต่อความเข้มแข็งของการปฏิวัติอันนี้ในยุคปัจจุบัน ภายใต้การนำ โดย ฯพณฯ อิมาม ซัยยิด อะลี คาเมเนอี
“นูร” ในพระมหาคำภีร์อัลกุรอาน
ในพระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน มีคำๆหนึ่ง ซึ่งถือว่าเป็นคำที่สำคัญและยิ่งใหญ่เป็นอย่างมาก…. มีความหมายมากมายหลายความหมายที่พวกเราทุกๆคนจะต้องให้ความสำคัญ และจะต้องทำความเข้าใจ นั้นก็คือคำว่า “นูร” คำว่า นูร แน่นอนถ้าแปลเป็นภาษาไทย ซึ่งคำที่เพราะที่สุดที่เราสามารถหาได้นั้นคือ “รัศมี” หรือ “แสง” แต่ในความหมายที่แท้จริง หรือในเชิงฮากิกัต (แก่นแท้)ที่แท้จริงของคำๆนี้นั้น มันยิ่งใหญ่และสูงส่งเหนือคำแปลใดๆในโลกนี้!!!!! ดังนั้นการที่จะรู้จักความหมายของคำๆนี้อย่างแท้จริงนั้น เราจะต้องเข้าไปศึกษาในเนื้อหาของมัน ….. เพราะคำๆนี้ในพระมหาคัมภีร์อัลกุรอานนั้น ใช้ต่างกรรม….ต่างวาระ…..แล้วแต่ละกรรมแต่ละวาระก็มีความหมายเฉพาะของมัน
อัลลอฮฺ คือใคร
บางครั้งคำว่า “นูร” หมายถึงอัลลอฮฺ(ซบ)
اللَّهُ نُورُ السَّمَاوَاتِ وَالْأَرْضِ
“อัลลอฮฺทรงเป็นนูร แห่งชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน” (ซูเราะห์ อัลนูร โองการที่ 35 )
ในโองการนี้ นั้น อัลลอฮฺ(ซบ)ถูกอธิบายว่า คือ “นูร” แต่ถ้าถามว่าอัลลอฮฺ(ซบ)คืออะไร???
หนึ่งในคำตอบที่มีอยู่ในพระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน ก็คืออัลลอฮฺ (ซบ) คือ “นูร” ดังนั้นคำๆนี้ย่อมมีความยิ่งใหญ่อย่างแน่นอนพี่น้อง !!!!! เพราะมันเป็นคำที่ตอบโจทย์ว่า อัลลอฮฺ คืออะไร?? คำตอบคือ อัลลอฮฺ คือ “นูร” อัลลอฮฺคือนูรแห่งชั้นฟ้าและแผ่นดิน ดังนั้นบางครั้งคำว่า “นูร” หมายถึงอัลลอฮฺ(ซบ)
มุฮัมมัดคือนูรของอัลลอฮฺ
และบางครั้งคำๆนี้ถูกใช้ในอีกวาระหนึ่ง ซึ่งโองการหนึ่งที่มีอยู่ในพระมหาคัมภีร์อัลกุรอานหมายถึงท่านนบีมุฮัมมัด(ศ.) ซึ่งไม่มีมุสลิมคนใด….. ไม่มีอุมมะฮฺอิสลามคนหนึ่งคนใด…..สงสัยในสิ่งนี้!!!!! บางครั้งอัลลอฮฺ(ซบ) แทนที่จะกล่าวว่า เราส่งนบีมายังเจ้า…. แต่กลับใช้รูปประโยคว่า وَأَنزَلْنَا إِلَيْكُمْ نُورًا مُّبِينًا
“และเราได้ส่ง “นูร”ลงมาแก่พวกเจ้าด้วย” (ซูเราะห์ อัน นิซาอ์ โองการที่ 174 )
หมายความว่า และเราได้ส่งนูรมายังพวกเจ้า โอ้!!มนุษยชาติทั้งหลาย ….. พระองค์ไม่ได้ตรัสว่าส่ง “นบี” แต่กล่าว ว่า ส่ง “นูร” ลงมา ส่งมาเพื่อสิ่งใด????? เพื่อชี้นำพวกเจ้า…. เพื่อชี้นำมวลมนุษย์ชาติทั้งมวล “นูรุลลอฮฺยับชี อะลัยฮา” นูรของอัลลอฮฺที่เดินอยู่บนหน้าแผ่นดิน
ในอัลกุรอาน ก็มีมากมายหลายโองการที่เรียกท่านนบีมุฮัมมัด(ศ.)ว่า “นูร” ดังนั้นบางครั้ง “นูร”หมายถึงอัลลอฮฺ ….. บางครั้ง “นูร” หมายถึงนบี….. และอีกหลายๆความหมายที่มีอยู่ในพระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน “นูร” หมายถึง อัลกุรอาน……. “นูร”หมายถึงอิมาม…… “นูร”หมายถึงความศรัทธา…. “นูร”หมายถึงทางนำ…….”นูร”หมายถึงการ ฮิดายะฮฺ …….
اللَّهُ وَلِيُّ الَّذِينَ آمَنُوا يُخْرِجُهُم مِّنَ الظُّلُمَاتِ إِلَى النُّورِ
“อัลลอฮฺเป็นวลีของบรรดาปวงบ่าวผู้ศรัทธา โดยทรงนำพวกเขานั้นออกจากความมืดมิดสู่นูร”
(ซูเราะห์ อัลบกอเราะห์ โองการที่ 257 )
ความมืดมิดก็คือสภาวะที่ไร้อิมาน….. สภาวะที่ไร้ศรัทธา…. สภาวะที่ไม่อยู่ในศาสนา…… เหล่านั้นคือสภาวะที่มืดมิด และมันคือซุลูมาต (คำว่า “ซุลูมัต”เป็นเอกพจน์ ส่วน “ซุลูมาต” เป็นพหูพจน์ )
วิถีชีวิตของมนุษย์ต้องเป็นวิถีแห่งอิสลาม วิถีชีวิตที่มิได้ปฏิบัติตามคำสั่งสอนของอิสลามนั้นคือวิถีชีวิตที่มืดมิด!!!!!! นั้นคือวิถีชีวิตที่อยู่ในความซุลูมัต….. อยู่ในซุลูมาต…. ดังนั้นใครที่เป็นผู้ศรัทธาต่ออัลลอฮ์(ซบ)อย่างแท้จริง ก็จะนำพวกเขาออกจากความมืดมิดต่างๆเหล่านี้ แล้วนำพาสู่ “นูร” ดังนั้น นูรในโองการนี้หมายถึงอิสลาม…. หมายถึงอัลลอฮฺ(ซบ) ….หมายถึงนบี…. หมายถึงอิมาม …หมายถึงวิลายัต… หมายถึงความศรัทธา…..
เมื่อพระองค์เอามนุษย์ออกจากความซุลูมาตแล้ว เขาก็จะพบกับ “นูร”ต่างๆ แต่ทั้งนี้ทั้งนี้มันก็จะขึ้นอยู่กับการพัฒนาความศรัทธา…. ความเข้มข้น…. ในการพัฒนาของเขา ว่า เขาจะจำกัด “นูร”ได้มากสักขนาดไหนที่สุด
ทุกสรรพสิ่งจะไม่มีวันบังเกิดขึ้นหากไม่มี “นูร” มุฮัมมัด
ท่านนบีมุฮัมมัด(ศ.)คือ“นูร”แรกในบรรดามัคลูค(สรรพสิ่งที่ถูกสร้าง)ทั้งหมดในบรรดาสรรพสิ่งทั้งหมดที่อัลลอฮฺ(ซบ)ได้สร้าง หากปราศจาก “นูร”ดวงนี้แล้ว…….. ปราศจาก “นูร” อันนี้แล้ว ก็ จะไม่มีการปรากฏสิ่งใดๆในสรรพสิ่งทั้งหมด!!!! และจะไม่มีการสร้างสิ่งใดๆถ้าไม่มีนูร ของรอซูลุลลอฮฺ(ศ.) หลักฐานก็ได้ยืนยันในสิ่งนี้ ซึ่งมี ฮะดิษอย่างมากมายพี่น้อง….. ทั้งสายรายงานจากพี่น้องอะฮฺลิซุนนะฮฺและจากชีอะฮฺ มีริวายัต…มีฮะดิษรายงานที่เหมือนกัน
ดังฮะดิษ ที่ว่า “สิ่งแรกที่อัลลอฮฺ(ซบ)ทรงสร้างคือ “นูร” ของฉัน” และหลังจากนูรของฉันจึงเกิด “นูร”ของสรรพสิ่งต่างๆ หากปราศจากนูรของท่านนบีมุฮัมมัด(ศ.)แล้วไซร์ ก็จะไม่มีสรรพสิ่งใดๆบังเกิดขึ้นมาได้….. จะไม่มีสรรพสิ่งใดๆถูกสร้างขึ้นมาอย่างแน่นอน….. นี่คือความยิ่งใหญ่ของศาสนาอันนี้ ความยิ่งใหญ่ของนบีองค์นี้!!!!!! ดังนั้นในค่ำคืนนี้ การที่เรามารวมตัวกัน….. การที่เรามาร่วมรำลึกกัน….. ไม่ว่าเราจะเดินทางมาไกลสักขนาดไหนก็ตาม …มาจากที่ไหนก็แล้วแต่ ยังถือว่ายังไม่คุ้มค่า พี่น้อง …. มันยังไม่ยิ่งใหญ่เท่ากับการสรรเสริญที่แท้จริง!!!!!! เราจะมีการจุดพลุ…. เราจะทำอะไรก็แล้วแต่ ก็ยังถือว่าเล็กน้อยเป็นอย่างมากในการที่จะสรรเสริญ “นูร” ดวงนี้ อันเป็น “นูร”ที่เป็นบ่อเกิดและปฐมเหตุของทุกๆสรรพสิ่ง
อัลลอฮฺและมะลาอิกะฮฺ คือบุคคลแรกที่ทำการศอลาวาตให้กับท่านนบี
ก่อนที่พวกเราจะทำการสรรเสริญอัลลอฮฺ(ซบ) พระองค์ทรงสั่งให้มวลมะลาอิกะฮฺได้ทำการสรรเสริญท่านบี(ศ.) ก่อนหน้าพวกเราด้วยซ้ำไปพี่น้อง!!!!!! โองการหนึ่งซึ่งอยู่ในซูเราะฮ์ (อัลอะห์ซาบ) แต่เป็นสิ่งที่น่าเสียใจ… น่าเสียดายอย่างยิ่งที่โองการนี้นั้น ไม่ได้ถูกอรรถาธิบายได้อย่างถูกต้องและสมบูรณ์ อ่านเพียงแค่ผ่านๆ แต่หากมนุษย์ได้ทำความเข้าใจเพียงแค่โองการนี้โองการเดียว มันก็จะไม่มีช่องว่างสำหรับเราในการถกเถียงในประเด็นว่า ในเดือน รอบิอุลเอาวัล เราควรจะจัดงานเมาลิดุนนบีหรือไม่…… เราควรจัดงานเมาลิดหรือไม่ ?????? อัลลอฮฺ (ซบ)ทรงตรัสว่า
إِنَّ اللَّهَ وَمَلَائِكَتَهُ يُصَلُّونَ عَلَى النَّبِيِّ ۚ يَا أَيُّهَا الَّذِينَ آمَنُوا صَلُّوا عَلَيْهِ وَسَلِّمُوا تَسْلِيمًا
“ แท้จริงอัลลอฮ์ และมะลาอิกะฮ์ของพระองค์ ทำการศอลาวาต (ประสาทพร) แก่นะบี โอ้ บรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลาย ! พวกเจ้าจงศอลาวาต (ประสาทพร)แก่เขาและจงประสาทสันติสุขแก่เขาอย่างแท้จริงเถิด” (ซูเราะห์ อะห์ซาบ โองการที่ 56 )
อธิบาย : กล่าวคือ แท้จริงอัลลอฮฺ และมะลาอิกะฮฺของพระองค์ (ใช้ คำว่า มะลาอิกะฮฺ ในรูปประโยคพหูพจน์) คือมวลมะลาอิกะฮฺทั้งหมด อัลลอฮฺและมะลาอิกะฮฺ ทั้งหมดนั้น ทำการศอลาวาต สรรเสริญ….
คำว่า “ศอลาวาต” ถ้าเราแปลเป็นภาษาไทย ก็คือศอลาวาต… สรรเสริญเยินยอ….ให้กับนบี และก่อนหน้าที่จะมีคำสั่งมายังมนุษยชาติให้ศอลาวาตกับนบีนั้น อัลลอฮ์(ซบ) ทรงตรัสว่า และมวลมะลาอิกะฮ์ของฉันนั้นได้ทำการสรรเสริญ ศอลาวาต ตลอดเวลา….. (ยูศ็อลลุ นา อะลันนบี) หากใครได้ศึกษาในหลักไวยกรณ์ภาษาอาหรับและได้เรียนรู้วิชา นะฮู ศอรอฟ ก็สามารถรู้ในความหมายดังกล่าวได้ เพราะถูกใช้ในรูปประโยค ปัจจุบันกาล (ฟิอฺลุล มูฎอริอ) ซึ่งมันให้ความหมายว่า “ การศอลาวาตจะมีอยู่ตลอดเวลา ตั้งแต่อดีต ปัจจุบัน และยันถึงอนาคต” !!!!!
การศอลาวาตไปยังนบีองค์นี้ มีมาตั้งแต่เดิม ไม่ใช่เพิ่งจะศอลาวาตหรือเคยศอลาวาต เพราะอัลลอฮฺ(ซบ) และ มะลาอิกะฮฺ ได้ศอลาวาตให้กับนบี มาตลอดเวลา …… ดังนั้นเพื่อให้มนุษย์ได้รับผลบุญ ได้รับบารอกัต (สิริมงคล)ในการศอลาวาต สรรเสริญ พระองค์จึงตรัสว่า โอ้!!บรรดาผู้ศรัทธา….. ซึ่งตรงนี้ ได้สั่งกับบรรดาผู้ศรัทธาเท่านั้น สั่งสิ่งใดกับผู้ศรัทธา พี่น้อง????? จงทำการศอลาวาต…. สรรเสริญและมอบสลามไปยังกับนบี……
จริงๆแล้วเพียงแค่โองการนี้โองการเดียวพี่น้อง….. ถ้าเราทำความเข้าใจถึงความยิ่งใหญ่ของศาสดาองค์นี้ก็เพียงพอสำหรับมนุษยชาติ กล่าวคือ ถ้าจะแปลง่ายๆก็คือมนุษย์คนหนึ่งที่ได้รับการสรรเสริญทั้งชั้นฟ้าและแผ่นดิน…. มนุษย์คนหนึ่งที่ชาวฟ้าและชาวดินทำกันสรรเสริญเขามา ในทุกยุคทุกสมัย…… มนุษย์ที่ได้รับคำยืนยันว่าแม้แต่พระผู้สร้างก็ยังศอลาวาตให้กับเขา….ซึ่งแน่นอนความหมาย ของคำสรรเสริญของอัลลอฮฺ(ซบ)กับการสรรเสริญของเรานั้นอาจจะแตกต่างกัน เพราะคำว่าศอลาวาตก็มีมากมายหลายความหมาย ก่อนหน้านี้เขาก็ได้รับการศอลาวาต เขาก็ได้รับการสรรเสริญ จากอัลลอฮฺ(ซบ)
ติดตามอ่านต่อ เมาลิดุนนบีรำลึก (ตอนที่2)