ประธานาธิบดีอิหร่าน เดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ในฐานะแขกของรัฐบาล

    218

    นายกฯ ต้อนรับ ประธานาธิบดีอิหร่าน เยือนไทยครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ประชุม ACD ยันพร้อมร่วมมือทุกสาขา หาลู่ทางหุ้นส่วนเศรษฐกิจ ชงแพ็กเกจเที่ยวระหว่างประเทศ ยินดีเป็นอัครภาคีของสนธิสัญญามิตรภาพและความร่วมมือในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้านผู้นำอิหร่าน หวังส่งเสริมความร่วมมือธนาคาร 2 ชาติ พร้อมรื้อฟื้นสำรวจพลังงาน ปิโตรเลียม ชมผลไม้ไทยดี ดัน อินทผลัม – แอปเปิล นำเข้า จ่อเร่งรัดซื้อข้าว

    วันนี้ (9 ต.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 10.45 น. พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ให้การต้อนรับ นายฮัสซัน โรฮานี ประธานาธิบดีอิหร่าน ในโอกาสเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ณ ทำเนียบรัฐบาล โดยมีพิธีการตรวจแถวกองทหารเกียรติยศ บริเวณสนามหญ้าหน้าตึกไทยคู่ฟ้า ต่อด้วยการแนะนำคณะทางการฝ่ายไทยและฝ่ายอิหร่าน จากนั้น นายกรัฐมนตรีเชิญประธานาธิบดีอิหร่านไปยังห้องสีงาช้างด้านนอก เพื่อลงนามในสมุดเยี่ยม ก่อนการหารือทวิภาคี ณ ห้องสีงาช้างด้านใน

    โดยการเยือนครั้งนี้ นับเป็นการเยือนประเทศไทยระดับประธานาธิบดีครั้งแรกในประวัติศาสตร์ความสัมพันธ์ไทย – อิหร่าน โดยในช่วงปีที่ผ่านมา มีการแลกเปลี่ยนการเยือนระหว่างกันในระดับต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง อาทิ การเยือนไทยของรองประธานาธิบดีอิหร่าน และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอิหร่าน รวมถึงการเยือนอิหร่านของ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นต้น

    ด้าน พลโท วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยผลการหารือว่า พลเอกประยุทธ์ กล่าวต้อนรับ นายฮัสซัน สู่ประเทศไทย และขอบคุณที่เข้าร่วมการประชุมสุดยอดกรอบความร่วมมือเอเชีย ACD ครั้งที่ 2 ด้วยตนเอง พร้อมชื่นชมบทบาทที่แข็งขันของอิหร่านในกรอบ ACD ในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งประธานาธิบดีอิหร่านได้กล่าวขอบคุณสำหรับการต้อนรับที่อบอุ่นและชื่นชมต่อการเป็นเจ้าภาพการประชุม ที่มีการเตรียมการมาเป็นอย่างดี ด้านความสัมพันธ์ทวิภาคี ไทย – อิหร่าน มีความสัมพันธ์กันมายาวนาน ตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา กับจักรวรรดิเปอร์เซีย ซึ่งการเยือนประเทศไทยครั้งนี้ นับเป็นการเยือนระดับสูงที่สุดครั้งแรกของฝ่ายอิหร่าน อันเป็นการยืนยันถึงมิตรภาพที่แน่นแฟ้นระหว่างสองประเทศ โดยนายกรัฐมนตรีได้ย้ำว่า ไทยพร้อมที่จะกระชับความสัมพันธ์ระหว่างกันในแน่นแฟ้นยิ่งขึ้นไปอีก

    ในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้กล่าวถึงการพบกับ นายซาริฟ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอิหร่าน ในระหว่างการประชุมระดับรัฐมนตรีกรอบความร่วมมือเอเชียครั้งที่ 14 ในเดือน มี.ค. ที่ผ่านมา ว่า ได้มีการหารือเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างกันในหลายประเด็น และไทยได้เสนอให้เร่งดำเนินการในสาขาที่ทั้งสองฝ่ายมีความพร้อมและสามารถดำเนินการก่อนได้ในปีนี้ โดยให้มีการวางแผนความร่วมมืออนาคตในระยะกลางและระยะยาว ทั้งนี้ ไทยมีความพร้อมที่จะร่วมมือกับอิหร่านในทุกสาขา ซึ่งประธานาธิบดีอิหร่าน กล่าวว่า อิหร่านเองก็ให้ความสำคัญกับการเยือนประเทศไทยครั้งนี้ โดยได้นำบุคคลสำคัญของฝ่ายอิหร่านเดินทางร่วมคณะด้วย อาทิ รองประธานาธิบดีอิหร่าน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ พลังงาน เกษตร และเชื่อมั่นว่า ในการเยือนไทยครั้งนี้ จะเป็นสร้างความสัมพันธ์หน้าใหม่กับประเทศไทยในทุก ๆ ด้าน

    นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่าย เห็นว่า การแลกเปลี่ยนการเยือนระดับสูงและระหว่างภาคเอกชนของสองประเทศในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลให้ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับอิหร่านมีความคืบหน้าอย่างเป็นรูปธรรมในหลายสาขา อาทิ ด้านการค้า การท่องเที่ยว พลังงาน วัฒนธรรม การเกษตรและการประมง และอิหร่านมีความพร้อมที่จะสานสัมพันธ์กับประเทศไทยในทุก ๆ ด้าน

    ด้านความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้า ไทยยินดีที่มีการลงนามความตกลงทางการค้าและมีการส่งคณะผู้แทนภาครัฐและเอกชนเยือนอิหร่าน เพื่อหาลู่ทางในการสร้างหุ้นส่วนทางธุรกิจ โดยในวันพรุ่งนี้ (10 ต.ค.) กระทรวงพาณิชย์จะเป็นเจ้าภาพการประชุมคณะกรรมการร่วมทางการค้า ครั้งที่ 1 ณ กรุงเทพฯ ขึ้น ซึ่งการประชุมดังกล่าวจะเป็นเวทีในการหารือและเพิ่มพูนมูลค่าทางการค้าและกระชับความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างกัน

    ด้านการเงินการธนาคาร ประธานาธิบดีอิหร่านประสงค์ให้มีการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างธนาคารของสองประเทศ เพราะเป็นพื้นฐานสำคัญของกิจกรรมทางธุรกิจและการค้าการลงทุนระหว่างภาคเอกชนของสองประเทศ ซึ่งนายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปหารือในรายละเอียดต่อไป ด้านพลังงาน สองฝ่ายเห็นถึงศักยภาพและโอกาสที่จะมีความร่วมมือระหว่างกันในสาขาพลังงานและพร้อมที่จะรื้อฟื้นการสำรวจและการผลิตปิโตรเลียมและก๊าซในอิหร่าน ซึ่งอิหร่านได้ตอบรับความต้องการของไทยที่จะฟื้นฟูความร่วมมือด้านพลังงานในกรอบบันทึกความเข้าใจด้านปิโตรเลี่ยมระหว่างกระทรวงพลังงานไทยกับกระทรวงปิโตรเลี่ยมอิหร่านด้วย

    ด้านการเกษตร ประธานาธิบดีอิหร่าน กล่าวชื่นชม ผลผลิตทางการเกษตร ผลไม้และอาหารแปรรูปของไทยว่า มีคุณภาพดี ในขณะที่ผลไม้ของอิหร่านก็มีชื่อเสียง โดยเฉพาะอินทผลัม และ แอปเปิล ซึ่งสองประเทศสามารถส่งเสริมการนำเข้าผลไม้เหล่านี้ระหว่างกันได้ นอกจากนี้ อิหร่านยังแสดงความประสงค์ที่จะซื้อข้าวจากประเทศไทยรอบใหม่ ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้สอบถามถึงความคืบหน้าในการซื้อข้าวจากไทยตามที่เคยได้มีการลงนามในบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการซื้อข้าว ซึ่งอิหร่านกล่าวว่า ขณะอยู่ระหว่างขั้นตอนการตรวจสอบมาตรฐานของฝ่ายอิหร่าน ซึ่งเป็นไปตามแนวปฏิบัติของกระทรวงสาธารณสุขที่ใกล้จะดำเนินการเสร็จสิ้นแล้ว โดยฝ่ายอิหร่านจะช่วยเร่งรัดในเรื่องนี้ต่อไป

    ความร่วมมือด้านการท่องเที่ยว ทั้งสองฝ่ายยินดีที่ในปีนี้ สายการบิน Thai AirAsia X และการบินไทย ได้เปิดเที่ยวบินตรง กรุงเทพฯ – กรุงเตหะราน ซึ่งจะช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวระหว่างกันมากขึ้น โดยนายกรัฐมนตรีเสนอให้สองประเทศพิจารณาการส่งเสริมการท่องเที่ยวระหว่างกันแบบ Package เพื่อสร้างแรงจูงใจและเพิ่มมูลค่าในการท่องเที่ยวระหว่างกัน

    ในตอนท้าย นายกรัฐมนตรียังได้กล่าวแสดงความยินดีต่อการที่อิหร่านได้เข้าเป็นอัครภาคีของสนธิสัญญามิตรภาพและความร่วมมือในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (Treaty of Amity and Cooperation in Southeast Asia – TAC) และเชื่อมั่นว่า การเข้าเป็นอัครภาคี TAC ของอิหร่าน จะช่วยเสริมสร้างให้สนธิสัญญาดังกล่าวเป็นแนวทางในการส่งเสริมสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาค

    559000010513402

    559000010513403

    559000010513405

    559000010513408

    ……………………………………………………………………………………………………………………………………………….

    CR:เนื้อหาข่าว และภาพ จาก http://www.manager.co.th/Politics/