สาบานพิสุทธิ์ (ตอนจบ)

334
พฤติกรรมของบนีอิสรออีล

พี่น้องควรจำหลักไว้อย่างง่ายๆว่า ทำไมหนังสือศอเฮียฺบุคคอรีจึงมาเป็นอันดับหนึ่ง ? เพราะบุคคอรีเป็นนักรายงาน ฮาดิษที่มีบันทึกเรื่องราวของอะฮฺลุลบัยต(อ)น้อยที่สุด ทำไมมุสลิมจึงมาอันดับสอง ? เพราะมีบันทึกมากกว่าบุคคอรี แต่น้อยกว่าคนอื่นๆ และไล่แบบนี้ไปเรื่อยๆ นั้นคือการทำลายและการปกปิดสัจธรรมอันยิ่งใหญ่ ซึ่งบนีอิสรออีลก็ได้ทำสิ่งเหล่านี้ อัลกุรอานได้พูดอย่างมากมาย เช่นในซูเราะฮฺ อัลบากอเราะฮฺ โองการ 174 กล่าวว่า

إنَّ الَّذِينَ يَكْتُمُونَ مَا أَنزَلَ اللَّهُ مِنَ الْكِتَابِ وَيَشْتَرُونَ بِهِ ثَمَنًا قَلِيلًا أُولَٰئِكَ مَا يَأْكُلُونَ فِي بُطُونِهِمْ إِلَّا النَّارَ وَلَا يُكَلِّمُهُمُ اللَّهُ يَوْمَ الْقِيَامَةِ وَلَا يُزَكِّيهِمْ وَلَهُمْ عَذَابٌ أَلِيمٌ

ความว่า แท้จริงบรรดาผู้ที่ปิดบังสิ่งซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของคัมภีร์ ที่อัลลอฮฺได้ทรงประทานลงมาและนำสิ่งนั้นไปแลกเปลี่ยนกับราคาอันเล็กน้อย ชนเหล่านั้นมิได้กินอะไรเข้าไปในท้องของพวกเขานอกจากไฟเท่านั้น และในวันกิยามะฮฺ อัลลอฮฺจะไม่ทรงพูดแก่พวกเขา และจะไม่ทรงทำให้พวกเขาบริสุทธิ์ และพวกเขาจะได้รับการลงโทษอันเจ็บแสบ

คำอธิบาย

คำว่า ยักตุมูน” หมายถึงการปกปิด ซึ่งหมายความว่า“บรรดาบุคคลที่ได้ปกปิดสิ่งที่อัลลอฮฺ(ซบ)ได้ประทานลงมาจากคัมภีร์ ” และเอาไปขายด้วยราคาที่แสนถูก บนีอิสรออีลมีพฤติกรรมหลักอยู่สองอย่าง คือ “ยักตูมู” และ “ยุฮัรริฟุ” “การปกปิด” และ”การบิดเบือน” สิ่งไหนที่เขาปกปิดไม่ได้เขาก็จะทำการบิดเบือน นี่คือพฤติกรรมของบนีอิสรออีล ถึงแม้โองการเหล่านี้ลงมาเพื่อบอกพฤติกรรมของบนีอิสรออีล แต่กฎอันหนึ่งของอัลกุรอานคือ “อูมูมียะฮฺ”คือพูดกับทุกคนในทุกยุคทุกสมัย ประทานลงมาให้กับคนในเหตุการณ์นี้ แต่ไม่ใช่ใช้กับเหตุการณ์นี้เหตุการณ์เดียวแต่สามารถใช้ในทุกยุคทุกสมัย ดังนั้นพฤติกรรเหล่านี้ของอาเล็มอุลามาอฺในอิสลามก็คือพฤติกรรมของผู้รู้แห่งบนีอิสรออีล

ประชาชาติอิสลามไม่รู้เรื่องราวแห่งฆอดีรกุมหรือ ? เขาไม่พูดถึง เขาบอกว่าไม่มี แต่ถ้าเราบอกว่ามีในหนังสือมุสนัด อิบนิ ฮัมบัล และในอีกหลายๆหนังสือที่บันทึกว่า ท่านนบียกมือท่านอิมามอาลี(อ) แล้วกล่าวว่า”มันกุลตุเมาลาฮู ฟะฮาซา อาลียุล เมาลา ฮู” “ใครที่ฉันเป็นนายเหนือเขาอาลีก็เป็นนายเหนือเขาด้วย” แต่พวกเขาจะบอกว่า”เมาลาในที่นี้แปลว่าเพื่อน นั้นหมายความว่าเขาไม่เคยเปิดเผยว่าในบันทึกบุคคอรีมีเรื่องราวเช่นนี้อยู่

ในวันที่อุมัร อิบนิ ค็อต็อบ ลุกขึ้นค้านวะศียัตของท่านนบี” เขาก็จะปกปิด แต่เมื่อใครไปเจอและไปอ่านว่านี้มันมีอยู่ว่า อุมัร อิบนิ ค็อต็อบลุกขึ้นค้านวะศียัตของท่านนบี เขาก็จะบิดเบือนอีกว่าไม่ใช่เช่นนั้น หากแต่อุมัรเห็นว่าท่านนบีไม่สบาย แล้วบรรดาศอฮาบะฮฺก็กำลังรุ่มเร้ารบกวนท่านนบีให้เขียนวะศียัต นี่คือสองวิธีในการบิดเบือนศาสนาในพฤติกรรมของบนีอิสรออีล ผู้รู้ของบนีอิสรออีลและปุโรหิตของบนีอิสรออีล ซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้ก็ได้ถ่ายทอดมายังอาเล็มอุลามาอฺในยุคสมัยนี้

“อูลาอิกา มา ยะอฺบุดูนาฟี บุตูนิฮิม” บุคคลเหล่านี้มิได้กินอะไรเข้าไปในท้องของพวกเขานอกจากไฟเท่านั้น ซึ่งตรงนี้ชี้ให้เห็นว่าสาเหตุหลักอันหนึ่งของการบิดเบือนศาสนาคือเพื่อปากท้องและความอิ่มของท้องของเขา แน่นอนคนอยู่เฉยๆไม่มีใครบิดเบือนสัจธรรม…. ไม่มีใครเลือกนรกได้นอกจากจะมีเหตุผลและมีตัวเลือกของเขาจึงขายศาสนา นั้นคือปัญหา แม้แต่ดีเอ็นเอของบนีอิสรออีลก็เข้ามาอยู่ในอุมมัติอิสลาม

แม้แต่ชีอะฮฺเองก็มีดีเอ็นเออันนี้เข้ามามากมายหลายสิ่งหลายอย่าง มีคนจำนวนมากที่บิดเบือนสัจธรรมทั้งๆที่เขารู้ นั้นคือปัญหาหลักของสังคมอิสลาม เพื่ออะไร ? เพื่อจะนำเศษเงินเหล่านี้ลงท้องของพวกเขา เพื่ออะไร ? เพื่อจะนำไฟลงสู่ท้องของพวกเขา และอาจมีเหตุผลอื่นๆ แต่เหตุผลหลักของการบิดเบือนสัจธรรมนั้นเพื่อเอาของใส่ลงไปในท้อง อัลลอฮฺ(ซบ)กล่าวว่าจริงๆแล้วพวกเขาไม่ได้ใส่อะไรลงไปในท้องหรอกนอกจากไฟนรกเท่านั้น ….!!

พฤติกรรมของปุโรหิตของบนีอิสรออีลในประชาชาติอิสลาม

ทุกสังคมที่มีการบิดเบือนสัจธรรม จุดเริ่มต้นของมันคือสิ่งนี้ เรายกตัวอย่างที่ใกล้ที่สุดคือบุคคลที่ปฏิเสธการปฏิวัติอิสลามแห่งอิหร่าน บุคคลที่ปฏิเสธระบบวิลายาตุลฟะกิฮฺทั้งๆที่เมื่อไปตรวจสอบและค้นคว้าแล้วก็มีฮะดิษมากมายที่พูดถึงเรื่อง วิลายาตุลฟากิฮฺ อาเล็มอุลามาอฺยุคก่อนท่านอิมามโคมัยนี(รฎ)ก็ได้เขียนเรื่องราวของวิลายาตุลฟะกิฮฺไว้ตั้งแต่ตอนต้นของการเริ่มการอิจญติฮาด ว่า วันหนึ่งการปกครองจะขึ้นอยู่ใต้การปกครองของบรรดาอาเล็มอุลามาอฺ ตั้งแต่ยุต้นๆของ การอิจญติฮาด เชคฏูซีก็ได้เขียนไว้จนกระทั่งมาถึงยุคของอิมามโคมัยนี(รฎ) แต่คนกลุ่มหนึ่งก็พยายามที่จะบิดเบือนว่าเรื่องนี้ท่านอิมามโคมัยนี(รฎ)คิดขึ้นมาเอง

เมื่อมีคนกลุ่มหนึ่งบอกว่ามี เขาก็บอกว่ามีอำนาจไม่มุฏลัก(ไม่เบ็ดเสร็จ) ซึ่งเริ่มที่จะบิดเบือน นี่คือพฤติกรรมของปุโรหิตของบนีอิสรออีลซึ่งมีอยู่ในอุมมัติอิสลาม และมีอยู่ในซุนนีเช่นกัน และการมีอยู่ในชีอะฮฺมันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้เพราะการยอมรับสัจธรรมได้อย่างสมบูรณ์นั้นมันต้องการองค์ประกอบและปัจจัยหลายสิ่งหลายอย่างกว่าจะยอมรับสัจธรรมได้ ดังนั้นตัวอย่างจากเรื่องราวมุบาฮะละฮฺบ่งชี้ว่าการที่มนุษย์จะไปถึงขั้นการสัมผัสจิตได้เช่นบาทหลวงคริสต์เตียนแห่งนัจญรอนแล้วก็ยังไม่ยอมแพ้กับสัจธรรม ทั้งๆที่รู้แล้วว่าอัลลอฮฺ(ซบ)อยู่กับฝ่ายโน้นแต่ก็ยังไม่ยอมรับ แม้แต่อุมมัตอิสลามที่อยู่ในเหตุการณ์ในวันนั้นที่ได้เห็นนูรอนียะฮฺ (นูร)ของอะฮฺลุลบัยต(อ) จากการบอกเล่าของบนีอิสรออีล พวกเขาอาจไม่เห็นก็ได้ แต่การที่พวกเขาอยู่ในเหตุการณ์มุบาฮะละฮฺก็ไม่ได้สร้างประโยชน์ใดๆเลย หลังจากนั้นบุคคลที่อยู่ในเหตุการณ์มุบาฮาละฮ์ที่เป็นอุมมัติของท่านนบีจำนวนมากได้แสดงพฤติกรรมที่เหมือนว่าเขาไม่ยอมรับเหตุการณ์ มุบาฮะละฮฺคือเขาเป็นศัตรูกับบรรดาอะฮฺลุลบัยต(อ)หลังจากการวะฟาตของท่านรอซูลุลลอฮฺ

ดั้งนั้นเราจะต้องระมัดสิ่งต่างๆเหล่านี้ ทุกๆย่างก้าวของมนุษย์นั้นมีโอกาสที่จะพลาดพลั้งได้ “ซีรอต็อลมุสตากีม”นั้นบางกว่าเส้นผมและคมกว่าใบมีดโกน ถ้าการเคารพภักดีของเขาไม่เป็นการเคารพภักดีอัลลอฮฺ(ซบ)อย่างแท้จริงแล้ว วันหนึ่งเขาอาจเป็นแบบคริสต์เตียนแห่งนัจญรอนก็เป็นได้ ถึงแม้จะมีจิตสัมผัสแต่สิ่งเหล่านั้นก็ไม่ได้ยังประโยชน์ใดๆกับพวกเขาเลย…..!!!

“เดิมพันเกียรติยศ”

ดูกร ฯ บรรดาศรัทธาผอง นี้คือวันประลองผู้สัจจะ จวบประเสริฐเลิศล้ำชัยชำนะ อีดมูบาฮิละฮ์สัจธรรม ครั้งบาทหลวงปวงพวกปุโรหิต ใช้ปรัชญาพิชิตหมายเหยียบย่ำ เกณฑ์เมธีปัญญาวาทกรรม กลับเพลี่ยงพล้ำพังภิณฑ์โดยสิ้นเชิง บรรดาปุโรหิตคริสตจักร เทิดจีซัสเกินรักล่วงเถลิง หมิ่นอภิบาลผลาญบันเทิง หลงเตลิดเปิดเปิงธรรมาทรุด ยกภาคีตรีเอกานุภาพ แสวงบาปอีซาเป็นพระบุตร ทั้งที่พระองค์ทรงวิมุติ ธ พิสุทธิ์สรรเสริญเกินบรรยาย ตรรกะศาสดาวิวาทะ ได้ชำนะเหนือปวงบาทหลวงหลาย เหล่าพระดึงดันมั่นอบาย เกินกู่กลับกลายจะเยียวยา เล่ห์ยะโสโอหังทั้งดื้อรั้น วอนอัลลอฮฺลงทัณฑ์มันทายท้า ร่วมมูบาฮะละฮฺเดิมพันมา เกียรติยศ..ศาสนา..และรอซูล เพื่อยืนหยัดสัตย์จริงสิ่งประกาศ ผจญเยี่ยงองอาจสาปสิ้นสูญ ผู้มดเท็จมลายไห้อาดูร ฝ่ายสัจจะเพิ่มพูนทวีเอา เชิงประชันอัลลอฮ์ขอสาปแช่ง นั่น!จงนำสำแดงสตรีเจ้า และนำลูกผูกพงษ์บรรจงเอา และตัวตนของเจ้าเข้าประจัญ ปวงสาวกภริยาทารกรอบ ศาสดามิมอบการเลือกสรร ญาติกาปรากฏบทสำคัญ เทหน้าตักมิหวั่นภยันตราย นัยหนึ่งครั้งนี้กีรติยศ เผยปรากฏจักษุบรรลุหลาย “ญาติสนิท” คือใคร? มิไกลกาย บ่งนิยามความหมาย “อะฮฺลุลบัยตฺ” บาทหลวงปวงเพ่งเล็งพินิจ สังเกตเลศประชิดคิดเฉไฉ “มูหัมมัด” พา “สาวก” เข้าชิงชัย พวกเรามิหวั่นไซ้รจะพันตู แต่เมื่อญาติสนิทติดตามท่าน เรามิขอรอนราญเข้าต่อสู้ ประจักษ์จิตผิดเราเต็มประตู จำกล้ำกลืนอดสูขอประนอม ยุรยาตรเด่นชัดรัศมี ปุโรหิตอลัชชีจึ่งมิพร้อม มิสุ่มเสี่ยงพ่ายแช่งแห่งตรมตรอม เข้านอบน้อมบพิตรอิสลาม 24 ซุลฮิจญะต์อานุภาพ “อีด” แห่งการปราบกำราบหยาม “สัจธรรม” เกริกทิศอิสลาม “มดเท็จ”ระเห็จนามมลายไป วันแห่งการยกย่อง “ผองทายาท” วาทกรรมประกาศยุคสมัย “วีรชน” ผู้กล้าฝ่าชิงชัย อันพิสุทธิ์ห่างไกลปวงโทษทัณฑ์ “ฟาฏิมะต์” คือ “สตรี แห่ง สตรี” “ฮะซัน” “ฮูเซน” นี้!ก็เยี่ยงนั้น อนุชนใดไม่เทียมทัน การบ่มเพาะเฟ้นสรรทุกประการ ที่สำคัญควรฉงน “ตัวตน” เจ้า หาผู้ใดไหนเล่าโลกสสาร ฐานภาพรอซูลพู้นตระการ นั่น! ตัวตนท่าน คือ “อะลี” เนื่องพันถัดติด “ฆอดิรคุม” ได้โอบอุ้มชูโชยโดย “หัตถี” ตรัสประกาศ “เมาลา” ว่า “อะลี” ดั่งฉันนี้ “เมาลา” ทั้งมวลไป เกียรติสาวกยกชูมนูชอบ แต่ “ตัวตน” แห่งระบอบนั้น “มิใช่” ผู้นำพามนุษย์ชาติปลาตภัย ย่อมประสงค์เกรียงไกรยิ่งเมตตา อันสาวกผู้พึ่งซึ่งร่มพฤกษ์ มาตรทะลึ่งรู้สึกเป็นพฤกษา ดุจดาวเคราะห์ไร้แสงแห่งอาตมา นั่น! “อะลี” เจิดจ้า “ตัวตน”ใคร? “วันฉลองเฉลิม” เติมรำลึก แท้ศัตรูผนึกระลอกใหม่ เราดอกผล “ตัวตน” “อะฮฺลุลบัยตฺ” จักทุ่มเค้าสิ่งใด?เข้า “เดิมพัน”

โดย…กวีธรรม