ทำไมวีรกรรมที่กัรบาลาอฺ จึงเป็นอมตะ ?

1756

ทำไมวีรกรรมที่กัรบาลาอฺ จึงเป็นอมตะ ?

ในค่ำคืนนี้ เราจะมาทำความเข้าใจประโยคหนึ่งว่า ท่านอิมามฮุเซ็น(อ)ต้องการจะสื่อสารอะไรกับเรา และประโยคหรือฮะดิษบทเดียวนั้น มันสามารถจะให้คำตอบต่างๆมากมายว่า….

“ทำไมวีรกรรมที่กัรบาลาอฺ จึงเป็นอมตะ” ????
บรรดาอุลามาอฺพยายามรวบรวมและอธิบายทุกแง่มุมของมัน และหนึ่งในเหตุผล ที่บรรดาอาลิมอุลามาอฺนำเสนอ ก็คือ การเคลื่อนไหวของขบวนการนี้ คือการเคลื่อนไหวอย่างรู้แจ้งเห็นจริงในทุกฝีก้าว….. รู้ชะตากรรม…… รู้อนาคต…… รู้ในสิ่งที่จะเกิดขึ้นอย่างสมบูรณ์……. วีรกรรมอันนี้ไม่ได้เกิดจากการบีบบังคับของสถานการณ์ หลายๆวีรกรรมที่มีการลุกขึ้นสู้ นั้นเพราะสถานการณ์ถูกบีบคั้น ถูกบังคับให้สู้ก่อน แต่วีรกรรมนี้ไม่ใช่ !!!
วีรกรรมนี้เป็นการร้อยเรียงอย่างสวยงาม ร้อยมาตั้งแต่จากอัลลอฮฺ(ซบ)มาถึงท่านรอซูลุลอฮฺ(ศ)

ดังนั้น หนึ่งในเหตุผลที่จะทำให้วีรกรรมเป็น “อมตะ” การต่อสู้เป็นอมตะ ผลงานของมนุษย์เป็นอมตะ คือ การทำสิ่งหนึ่งสิ่งใด และการเคลื่อนไหวอย่างรู้แจ้งเห็นจริง ทั้งในผล ในเป้าหมาย ในคำตอบทุกสิ่งทุกอย่างของมัน

วีรกรรมอันยิ่งใหญ่ที่ทุกๆคำพูดได้บอกเรื่องราวต่างๆอย่างมากมาย ซึ่งก่อนหน้าที่ท่านอิมามฮุเซ็น(อ)จะกล่าวฮะดิษนี้ออกมา ท่านก็ได้พูดฮะดิษต่างๆมากมายที่ชี้ให้เห็นว่า…

“การเคลื่อนไหวอันนี้นั้นเกิดขึ้นอย่างรู้แจ้งในทุกเหตุการณ์ ทุกการเคลื่อนไหว รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ก้าวไปทุกฝีก้าวด้วยความมั่นใจ และรู้แจ้งเห็นจริงในทุกๆเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้น”

 

ในริวายัตได้กล่าวเอาไว้ว่า ท่านอิมามฮุเซ็น(อ) ไปถึงกัรบาลาอฺในวันที่ 2 ของเดือนมุฮัรรอม เมื่อท่านไปถึงจุดหนึ่งและเริ่มถูกปิดล้อม ท่านก็ได้ถามคนที่อยู่ในเขตพื้นที่นั้น บางบันทึกประวัติศาสตร์ บอกว่า เป็น”ชนเผ่า บนีอะซัด”

ท่านอิมามฮุเซ็น(อ) ถามว่าแผ่นดินตรงนี้มีนามว่าอะไร???
เบื้องต้นก็ตอบว่า…ชื่อ ฆอดิซิยะฮฺ
อิมามฮุเซ็น(อ) ถามว่ามีชื่ออื่นอีกไหม ???
พวกเขาก็บอกว่าชื่อ “ นัยนาวา “ ซึ่งรากศัพท์นั้นมาจากภาษาเปอร์เซีย (ภาษาฟาร์ซี)

ท่านอิมามฮุเซ็น(อ)ถามว่า แล้วยังมีชื่ออื่นมีอีกไหม???
ซึ่งอิมามฮุเซ็น(อ)ก็รู้อยู่แล้ว(เพราะความรู้ของอะอิมมะฮฺไม่ต้องถามใครก็ได้ในโลกนี้) แต่ถามว่า ทำไมท่านจึงถาม???? เพราะ ท่านอิมาม(อ)ต้องการที่จะทิ้งสาส์นไว้กับเราว่า… ฉันรู้ในทุกๆเหตุการณ์drawmap

เรามีหลักฐานยืนยันว่ารู้ทุกเหตุการณ์ และเมื่อถามอีกครั้งหนึ่ง เขาก็บอกว่ามีอีกชื่อหนึ่ง เรียกว่า “กัรบาลาอฺ”
เมื่อท่านอิมามฮุเซ็น(อ)ได้ยินคำว่า “กัรบาลาอฺ “ ท่านอิมาม(อ)ก็ได้เปิดเผยสิ่งหนึ่งในสิ่งที่ท่านนั้นได้รู้ไว้ล่วงหน้า ซึ่งท่านได้กล่าวว่า….

…..ﺍﻟﻠَّﻬُﻢَّ ﺇِﻧِّﻲ ﺃَﻋُﻮﺫُ ﺑِﻚَ ﻣِﻦَ ﺍﻟْﻜَﺮْﺏِ ﻭَ ﺍﻟْﺒَﻠَﺎﺀِ
ความว่า “โอ้อัลลอฮ์ ขอความคุ้มครองจากพระองค์ให้พ้นจาก กัรบ์ วะ บาลา”

คำว่า “ กัร “เป็นคำๆหนึ่ง ส่วนคำว่า “ บาลา “ ก็เป็นคำอีกคำหนึ่ง “ บาลา “ หมายถึง การทดสอบ “กัรบ์ “ คือ ความทุกข์ยาก ความเจ็บปวด และความยากลำบาก
อาหรับใช้คำว่า ” กัรบ์ บาลา “ คือ การทดสอบ

ดังนั้น แผ่นดินนี้เกิดขึ้นมาจากสองคำ คือ “กัรบาลาอฺ” แผ่นดินที่ทดสอบด้วยทุกข์ยาก ความยากเข็ญ จากนั้นท่านอิมาม(อ)ได้ลงจากหลังม้าและกล่าวว่า นี่คือสถานที่แห่งควาทุกข์โศกและภัยพิบัต จงหยุดที่นี่ ที่นี่คือสถานที่ที่อูฐของเราจะหยุดพัก และการเดินทางของเราจะสิ้นสุดที่นี่ ที่นี่คือดินแดนที่เราจะถูกสังหาร ดินแดนที่เต็มไปด้วยเลือดนองแผ่นดิน ที่นี่ที่จะเป็นสุสานของเรา
และปิดท้ายประโยคว่า….

ﺑِﻬَﺬَﺍﺣَﺪَّﺛَﻨِﻲ ﺟَﺪِّﻱ ﺭَﺳُﻮﻝُ ﺍﻟﻠَّﻪ
นี่คือ สิ่งที่ตาของฉันรอซูลุลลอฮ์(ศ)ได้กล่าวเอาไว้
(แหล่งอ้างอิง)
ﻣﻨﺒﻊ : ﻟﻬﻮﻑ، ﺳﯿﺪ ﺑﻦ ﻃﺎﻭﻭﺱ، ﺹ 134-133“

วีรกรรมอันนี้ โศกนาฏกรรมอันนี้……..ไม่ได้เกิดขึ้นจากสถานการณ์บีบบังคับให้ต้องไปสู้ตรงนั้น และมันมีอีกเป็นพันรายละเอียดว่า ทุกย่างก้าวในการเคลื่อนไหวของขบวนการปฏิวัติอันนี้นั้นรู้อย่างละเอียด
ท่านอิมามฮุเซ็น(อ)รู้มากที่สุด รู้อย่างสมบูรณ์และบุคคลที่ลดหลั่นกันมาก็รู้ แม้กระทั่งบรรดาอัศฮาบก็รู้ รู้ถึงจุดจบ รู้ถึงเป้าหมาย และสิ่งที่จะเกิดขึ้น แต่อาจจะน้อยกว่าบรรดาอะฮฺลุลบัยต(อ) ท่านหญิงซัยหนับ(ซ)ก็รู้ว่าเหตุการณ์เหล่านี้จะต้องเกิดขึ้น

ในวันที่ท่านหญิงแต่งงานกับท่านอับดุลลอฮฺ บิน ญะอ์ฟัร ท่านหญิงได้วางเงื่อนไขหนึ่งในการแต่งงานว่า …
“ฉันจะแต่งงานกับท่าน และเป็นภรรยาที่ดีต่อท่าน ฉันจะฏออัตต่อท่านทุกอย่าง แต่ฉันขออย่างเดียวว่า วันไหนก็ตาม ที่ท่านอิมามฮุเซ็น(อ)ต้องเดินทางไกล ท่านจะต้องอนุญาตให้ฉันร่วมเดินทางกับท่านอิมามฮุเซ็น(อ)ด้วย”

แม้แต่ท่านหญิงซัยหนับ (ซ) ก็รู้ว่าวีรกรรมนี้จะต้องเกิดขึ้น เพราะท่านหญิงซัยหนับ (ซ) คือส่วนหนึ่งของวีรกรรม เราจะว่าเห็นเมื่อท่านหญิงจะออกเดินทาง อูน และมุฮัมมัดซึ่งเป็นบุตรชายของท่านหญิงก็ถูกนำมาด้วย ส่วนอับดุลลฮฺ บิน ญะอ์ฟัร ด้วยเหตุผลบางประการจึงไม่สามารถที่จะติดตามมาได้ และอนุญาตให้ เอาบุตรทั้งสองของท่านติดตามท่านหญิงซัยหนับ(ซ) และนี่คือเหตุผลที่ท่านหญิงซัยหนับ(อ)ก็รู้ว่าอะไรกำลังจะเกิดขึ้น
หลังจากที่ท่านอิมามฮุเซ็น(อ)รู้ว่า ใช่แผ่นดินนี้ ที่ท่านตาได้บอกเอาไว้ ที่ท่านตาได้ยืนยันไว้ และ เล่าถึงรายละเอียดต่างๆแล้ว ในบางริวายัตได้อธิบายว่า เมื่อบอกแผ่นดินนี้ ชื่อว่า กัรบาลาอฺ ท่านอิมามฮุเซ็น(อ)ก็ได้ลงมาจากหลังม้า แล้วหยิบดินขึ้นมาหนึ่งกำมือ แล้วล่วงไปในปกเสื้อของท่านที่อยู่ชั้นในแล้วเอาอีกก้อนหนึ่ง ออกมาเปรียบเทียบว่า มันใช่หรือไม่ ???

ท่านนำมาดมดูแล้วกล่าวว่า ใช่ คือ แผ่นดินเดียวกัน….. !!!

“ดินก้อนที่เอามาจากข้างในปกเสื้อชั้นในนั้น คือ ดินที่ท่านรอซูลุลลอฮฺ(ศ)ได้มอบไว้ล่วงหน้า ให้เห็นไว้ก่อน นี่คือ แผ่นดินที่เจ้าจะต้องหลั่งเลือด เพื่อปกป้องศาสนา”

 

หากอิมามฮุเซ็น(อ)ไม่ได้ซื้อแผ่นดินตรงนั้นไว้ วันนี้ เราอาจจะไม่ได้ไปซิยารัตกัรบาลาอฺ

หลังจากนั้นท่านอิมาม(อ)ได้ให้อัศฮาบไปถามหาหัวหน้าเผ่า ผู้ครอบครองที่ดินในอาณาบริเวณนี้ จากท่านอิมามฮุเซ็น(อ)ก็ได้ทำการขอซื้อที่ดินนั้นเป็นระยะทางที่กว้างเป็นอย่างมาก(ประมาณ 5-6 กิโลเมตร) สนามรบก็เป็นที่ดินที่ท่านอิมามฮุเซ็น(อ)ได้ซื้อ อิมามฮุเซ็น(อ)ได้ซื้อทั้งหมดในบริเวณนั้น จ่ายเงินเรียบร้อย ซื้อเอาไว้เป็นกรรมสิทธิ์ของท่าน
(แหล่งอ้างอิง มุสตัดรัก เล่ม ๑๐ หน้า ๓๒๑ บาป ๕๐ ฮะดิษ ที่ ๗ )

12109246_1080193735350774_2685437023147034702_n
วันนี้เราเข้าใจแล้วว่า หากท่านอิมามฮุเซ็น(อ)ไม่ได้ซื้อที่ดินหลายตารางกิโลเมตรในบริเวณนั้น พวกเราอาจจะไม่มีโอกาสที่จะไปยืนอยู่ที่เนินของท่านหญิงซัยหนับ(ซ) เพราะบริเวณนั้นอาจจะถูกทำลายไปก็ได้
วันนี้ที่เราไปยืนอยู่ที่เนินของท่านหญิงซัยหนับ(ซ)เพื่อจะรับรู้และสัมผัสความรู้สึกว่าท่านหญิงซัยหนับ(ซ)ยืนอยู่ตรงนี้แล้วมองเห็นอะไรบ้าง???

อิมามฮุเซ็น(อ)มิได้ซื้อสิ่งนี้เพียงสิ่งเดียว มีอีกมากมายหลายอย่าง สิ่งนี้เราพูดถึงแค่หนึ่งในเป้าหมายของมันเท่านั้น ถ้าวันนั้นท่านอิมามฮุเซ็น(อ)ไม่ได้ซื้อที่ดินตรงนั้นเอาไว้ วันนี้เราก็อาจจะไม่ได้รู้ว่า มือของท่านอับบาสนั้นฝังอยู่ที่ใด แต่วันนี้ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นศัตรูจะทำอะไรก็แล้วแต่ จุดที่ฝังมือของท่านอับบาสทั้งมือซ้าย และมือขวา ก็ยังเป็นแท่นมะกอมอยู่ให้คนได้ซิยารัต ได้ไปสัมผัสไปจับหลุมฝังมือของท่าน (ไม่ใช่หลุมฝังศพ) และได้สัมผัสจิตวิญญาณของท่านอับบาส จิตวิญญาณแห่งการเสียสละ….. จิตวิญญาณแห่งการจงรักภักดีที่แท้จริง……และจิตวิญญาณที่คงไว้ซึ่งรายละเอียดของวีรกรรม

การเคลื่อนไหวเพื่อซื้อที่ดิน ก็เป็นการวางแผนแห่งการปฏิวัติโลก

อัลลอฮฺ(ซบ)เท่านั้นที่ทรงรู้ว่า การซิยารัตกัรบาลาอฺนั้น มีผลบุญยิ่งใหญ่สักขนาดไหน ???
“การซิกรฺถึงท่านอิมามฮุเซ็น(อ) มิใชเพียงแค่การนั่งฟังมัจญลิสเพียงอย่างเดียว การไปซิยารัตกัรบาลาอฺ ก็เป็นซิกรฺอันหนึ่งของการรำลึกถึงท่านอิมามฮุเซ็น(อ)” ชีอะฮฺคือวิถีชีวิตอันนี้ คือการใช้จ่ายทรัยพสินเงินทองเพื่อไปซิยารัตท่านอิมาม(อ) เพื่อไปยืนดูมือข้างหนึ่งที่ถูกฝังไว้ในดิน มือข้างซ้ายของท่านอับบาส
แต่จงดูแบบพินิจพิเคราะห์ เอาความรู้ทั้งหมดที่ฟังมัจญลิสมาในหลายๆปี ไปรำลึกว่าแขนแต่ละข้างของท่านอับบาสตกหล่นมาอย่างไร ? แบบไหน? ไปยืนอยู่ที่ท่านหญิงซัยหนับ(ซ) จะมีความรู้สึกแบบไหน ?
เมื่อยืนอยู่บนเนินนั้น อีกด้านหนึ่งได้ยินเสียงเด็กกำลังร้อง ต้องวิ่งกลับไปลงจากเนินไปยังจุดที่กระโจม เมื่อเสียงเด็กร้องเงียบลง ก็วิ่งมาด้วยความเป็นห่วงพี่ชายที่อยู่ใต้เนินกลางสนามรบ ต้องวิ่งกลับมา
เราแค่ยืนตรงนั้นแล้วสัมผัส เข้าไปสัมผัสเหตุการณ์จริง ด้วยความรู้สึกจิตวิญญาณ ความรู้ที่เรามีอยู่เพื่อจะสัมผัสสิ่งต่างๆเหล่านี้ ในวันนั้นถ้าท่านอิมามฮุเซ็น(อ)ไม่ได้ซื้อแผ่นดินเอาไว้ ก็จะไม่รู้จุดกระโจมที่เด็กๆนั่งอยู่ตรงนั้น ว่าพวกเขานั่งตรงไหน ?
อาจจะมีการทำลายประวัติศาสตร์ต่างๆอย่างมากมายในกัรบาลาอฺ แม้แต่การเคลื่อนไหวเพื่อซื้อที่ดินเอาไว้ ก็เป็นการวางแผนงานของการปฏิวัติโลก…..!!!
วันนี้เราได้รับคำตอบ อัรบาอีนปีที่แล้ว คนจำนวนยี่สิบกว่าล้านคน บางรายงานบอกว่ายี่สิบห้าล้านคน ได้เข้าไปยังสถานที่เหล่านั้น เข้าไปสัมผัสกับบรรยากาศและจิตวิญญาณแห่งการพลีในสถานที่จริงอันนั้น เพราะรายละเอียดแห่งอาชูรอและกัรบาลาอฺมันจะปลุกเร้า มันจะสร้างคนให้เป็นนักปฏิวัติ เพราะผู้นำของขบวนการนี้รู้ทุกอย่าง รู้ถึงเป้าหมาย และรู้ว่า …..

ทำไมอัลลอฮฺ(ซบ)ยอมให้เหตุการณ์กัรบาลาเกิดขึ้น….!!!

“เพราะเหตุการณ์อันนี้จะนำสู่ความคุ้มค่าที่สุดในการสร้างมนุษย์ …….คุ้มค่าที่สุดในการส่งศาสนาลงมาให้กับมวลมนุษยชาติ…….คุ้มค่าที่สุดที่ได้ประทานพระมหาคัมภีร์อัลกุรอานลงมา…..คุ้มค่าที่สุดที่สร้างจักรวาลและทุกสิ่งทุกอย่าง”

เหตุการณ์อันนี้จะทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างมีค่าขึ้นมาในวันหนึ่ง และจริงๆแล้วเราก็ใกล้วันนั้นเข้ามาทุกขณะแล้ว ทุกรายละเอียดจึงได้ทำอย่างสุดความสามารถ ในการที่จะเก็บรายละเอียดต่างๆอันนี้ แต่ถ้าเรามองการเคลื่อนไหวบางครั้งการรู้แจ้งเห็นจริง มุมหนึ่งมันดีแต่มุมหนึ่งมันก็อาจจะไม่ได้ดีเหมือนกับเราคิด
ถ้าเรารู้ล่วงหน้าทุกอย่างชีวิตเราก็อาจจะอยู่ลำบากก็ได้ รู้ในสิ่งที่อัลลอฮฺ(ซบ)กำหนดไว้ทุกอย่าง ชีวิตเราก็อาจจะอยู่ลำบากก็ได้ แต่ในกัรบาลาอฺนั้น การรู้ล่วงหน้าทั้งหมดไม่มีผลกระทบ….. ไม่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงใดๆ จะมีใครสักกี่คน ที่จะยืนหยัดต่อสู้ดั่งเช่นเหล่าวีรชนแห่งกัรบาลาอฺ แน่นอน !!! สิ่งเหล่านี้ต้องการจิตวิญญาณที่เข้มแข็ง ที่สมบูรณ์ ที่เข้าใจในเป้าหมายของศาสนา รู้ถึงพระประสงค์ของอัลลอฮฺ(ซบ) ว่า พระองค์ทรงประสงค์สิ่งใด จึงทำให้เหตุการณ์ในลักษณะนี้เกิดขึ้น

Shia and Sunni - Battle of Karbala - Middle East Madness- Through my Eyes - Peter Crawford - Blogspot
เราจะเห็นว่า เวลาเราให้สลาม เราให้สลามกับจิตวิญญาณที่น่าสดุดีที่สุด ไม่เพียงแต่ให้สลามกับตัวของพวกเขา และไม่เพียงแต่ในเหตุการณ์ ในโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้น ในภาพนอกมีความโศกเศร้า เสียใจ แต่ในความโศกเศร้าและเสียใจนั้น ก็เห็นแต่ความเข้มแข็งของพวกเขา
ถามว่าภรรยาที่เพิ่งสูญเสียสามีไป เสียใจไหม ??? คำตอบ ก็คือ เสียใจ ร้องไห้ไหม ??? คำตอบ คือ ร้องไห้ และไม่ได้ผิดใดๆสำหรับนักสู้ แต่การโศกเศร้าเสียใจ จะต้องไม่หยุดการเคลื่อนไหว

ดังนั้น ภรรยาท่านหนึ่ง เมื่อสูญเสียสามีไป ก็นำลูกชายมาใส่ชุดนักรบต่อเพื่อสานต่อเป้าหมายของบิดา
หญิงชราคนหนึ่ง เมื่อศีรษะของลูกชายของนางถูกขว้างมาที่กระโจมของนาง นางเสียใจ นางตกใจ แต่นางทำความสะอาดศีรษะนั้นแล้วก็โยนกลับไปให้กับศัตรู แล้วบอกว่าสิ่งที่ฉันได้พลีให้กับพระเจ้าแล้ว เราไม่ขอรับคืน……!!! แม้แต่ หญิงชราก็มีจิตวิญญาณอันนี้ เพราะทุกย่างก้าวของพวกเขา ได้ถูกทำให้เข้าใจอย่างแจ่มแจ้งว่าภารกิจของเขา คืออะไร ???และนั้นคือ เหตุผลทำให้ขบวนการนี้ เป็นขบวนการที่เป็นอมตะ…
คือการรู้แจ้งเห็นจริงในขบวนการ การสัมผัส บางดวงวิญญาณที่เข้มแข็ง สัมผัสได้ด้วยดวงวิญญาณ
หลังจากที่กองคาราวานถูกสั่งให้ลงมาจากพาหนะ ก็มีการตั้งกระโจม วางกระโจมของบนีฮาชิมเสร็จ ท่านหญิงซัยหนับ(ซ)ได้เข้าไปในกระโจม สักครู่หนึ่งถัดจากนั้น ก็ได้ยินท่านหญิงซัยหนับ(ซ)ร้องเรียกหาท่านอิมามฮุเซ็น(อ) โอ้พี่จ๋า โอ้ฮุเซ็น ด้วยเสียงดังเป็นอย่างมาก เสียงแบบตื่นตระหนกและตกใจ อิมามฮุเซ็น(อ)ก็ได้วิ่งมาที่กระโจม
ท่านหญิงซัยหนับ(ซ)ก็เข้ามากอดท่านอิมามฮุเซ็น(อ) แล้วถามว่า พี่จ๋า !!! ที่นี่มันที่ไหนกัน
อิมามฮุเซ็น(อ)ถามว่า ทำไม มีอะไรหรือ ?? ท่านหญิงซัยหนับ(ซ) บอกว่า ทำไมเมื่อฉันเข้ามาในสถานที่แห่งนี้ ฉันได้สัมผัสถึงความโดดเดี่ยว เดียวดาย อ้างว้าง มันน่าหวาดกลัวเสียเหลือเกิน……
สิ่งนี้ได้บ่งบอกว่า จิตวิญญาณของท่านหญิงซัยหนับ(ซ)ก็สามารถสัมผัสได้ว่า แผ่นดินนี้คือแผ่นดินอะไร แต่อาจจะไม่รู้ละเอียดเท่าที่ท่านอิมามฮุเซ็น(อ)รู้ ถึงแม้ว่าความรู้ของท่านอิมามฮุเซ็น(อ)นั้นจะถูกถ่ายทอดมายังพวกเราด้วยคำว่า “ฮะดิษนี้ถูกถ่ายทอดโดยตาของฉัน” แม้ว่าท่านหญิงซัยหนับ(ซ) อาจจะไม่ได้รับการถ่ายทอดมากมายเท่าอิมามฮุเซ็น(อ) แต่จิตวิญญาณของท่านหญิงซัยหนับ(ซ)ก็สามารถที่จะสัมผัสได้ถึงเหตุการณ์ และบรรยากาศของแผ่นดินนั้นว่า อีกไม่กี่วันนี้มันจะต้องมีอะไรเกิดขึ้น

ท่านหญิงรู้แล้ว ว่า นี่คือแผ่นดินสุดท้าย นี่คือแผ่นดินที่จะเกิดเรื่องราวต่างๆที่จะเป็นอมตะ และความเป็นอมตะที่จะสร้างคุณประโยชน์กับมวลมนุษยชาติทั้งมวล

@@@@@@@@@
บางส่วนในปรมัตถ์แห่งการพลี สดุดีอาชูรอ
มุฮัรรอม คํ่าคืนที่ 4 ค.ศ.1436
(อ 28-10-2557)
บรรยายพิเศษ โดยฮุจญตุลอิสลาม ซัยยิดสุไลมาน ฮูซัยนี
ณ มัสยิดรูฮุลลอฮ์