อัยยามุลฟาฏิมิยะฮ์ รำลึกถึงประมุขสตรีแห่งสากลจักรวาล [ตอนที่ 9]
📝บางส่วนจากการบรรยายโดย ฮุจญตุลอิสลามฯ ซัยยิดสุไลมาน ฮูซัยนี
________________
[เนื้อหาต่อจากตอนที่ 8]
🔻การร้องไห้ของท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ (อ)
การร้องไห้ของท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ (อ) ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่เราต้องศึกษาทำความเข้าใจ เราจะจินตนาการไม่ได้ คือ
1.ความโศกเศร้า ถึงการสูญเสียท่านศาสดา
2. ความโศกเศร้า ที่ตำแหน่งของท่านอิมามอาลี(อ)นั้นถูกปล้น
3. ความโศกเศร้า ที่อุมมัตได้หันหลังให้กับคำสั่งเสียของศาสดา
ทำอย่างไรที่จะปลุกคนมะดีนะฮ์ให้ตื่นขึ้นมา รับรู้ถึงสถานการณ์อันเลวร้ายที่กำลังจะเกิดขึ้น หลังจากที่หลักฐานทางวิชาการไม่ได้ผล ท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ (อ)จึงใช้น้ำตา และเป็นน้ำตาแห่งความโศกเศร้าจริงๆ
ถ้าเราอ่านในฮะดิษแรก ในริวายัตต่างๆเราไม่สามารถที่จะเข้าใจได้ว่า ท่านหญิงร้องไห้แบบไหน ???
ในเวลาเจ็ดสิบกว่าวันที่เหลือ ท่านหญิงร้องจนกระทั่งชาวมะดีนะฮ์ไม่สามารถที่จะนอนหลับได้ในตอนกลางคืนและไม่สามารถที่จะค้าขายได้ในตอนกลางวัน
พวกนี้คือ พวกที่หัวใจมืดบอด พวกที่นิ่งเฉย พวกที่ไม่ได้ตกใจ พวกที่ไม่ได้สะทกสะท้านกับรัฐเถื่อนที่เกิดขึ้นที่ซะกีฟะฮ์ พวกนี้ไม่สามารถที่จะอดทนกับเสียงร้องของท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ (อ)ได้
เราลองจิตนาการดูว่า ผู้หญิงคนหนึ่งร้องแบบไหน ร้องแบบไหนที่กลางคืนชาวมะดีนะฮ์ ในอดีตก็อาจจะเป็นเมืองที่มีสี่ห้าร้อยหลังคาเรือน อาจจะมีประชากรในเมืองสี่ห้าพันคน
ประเด็น คือ ร้องไห้แบบไหน ที่ชาวเมืองมะดีนะฮ์ไม่สามารถที่จะนอนหลับได้ในตอนกลางคืนและไม่สามารถที่จะค้าขายได้ในตอนกลางวัน ประวัติศาสตร์ได้บันทึกสิ่งต่างๆเหล่านี้เอาไว้ ต่างคนได้หารือตกลงประชุมกัน มาพบกับท่านอิมามอาลี(อ) เพื่อร้องเรียนถึงสิ่งเหล่านี้ว่า….. แบบนี้เราตายเลย (เกิดเหตุการณ์ซะกีฟะฮ์ไม่เป็นไร) แต่แบบนี้ตายเลย กลางคืนก็นอนไม่ได้กลางวันก็ค้าขายไม่ได้…..
พวกเขาได้ขอร้องท่านอิมามอาลี(อ)ว่า ให้ท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ (อ)เลือกว่า จะร้องไห้ในตอนกลางคืนหรือจะร้องไห้ในตอนกลางวัน
เมื่อท่านอิมามอาลี(อ) ได้ถามท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ (อ)ว่าจะเอาอย่างไร
เบื้องต้นท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ (อ)ให้คำตอบว่า ไม่มีอะไรที่จะหยุดการร้องไห้นี้ได้ เพราะมูศีบัตที่ท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ (อ)บอกว่า
“. ..มูศีบัตที่เกิดขึ้นกับฉัน ถ้ามูซีบัตนี้เกิดขึ้นกลางวัน กลางวันจะเปลี่ยนเป็นกลางคืน…ดังนั้น ฉันไม่สามารถที่จะหยุดร้องไห้ได้…”
ก็มีการปรึกษาหารือว่าจะเอาอย่างไรกัน ชาวมะดีนะฮ์ก็ไม่ยอม จึงมีการตกลงกับท่านอิมามอาลี(อ)ว่า เอาอย่างนี้ ฉันจะไปสร้างกระท่อมหลังหนึ่ง ทางออกไปนอกกุโบร์บาเกี๊ยะ ที่ห่างออกไป กลางวันก็ไปร้องให้เต็มที่ ที่กระท่อมหลังนั้น ร้องให้เยอะ ร้องให้มาก กลางคืนก็จะได้ลดการร้องไห้
ซึ่งในประวัติศาสตร์เราได้บันทึกเอาไว้ว่า บ้านหลังนั้นชื่อ …
(بیت الاحزان)“บัยตุลอะฮ์ซาน” – ซึ่งพวกวะฮาบีย์(ลน.)ได้ทุบบ้านหลังนั้นแล้ว ซึ่งถูกทำลายไปเมื่อร้อยกว่าปีที่แล้ว ได้ถูกทุบทำลายไปซึ่งเป็นที่รู้ในประวัติศาสตร์ ‘บัยตุลอะฮ์ซาน’ เป็นที่รู้ในประวัติศาสตร์ทั้งพี่น้องซุนนีย์และชีอะห์ ท่านหญิงฟาฏีมะฮ (อ)นั่งร้อง แต่นักประวัติศาสตร์ซุนนีย์ก็อาจจะบอกว่า ร้องไห้เพราะการสูญเสียศาสดา
ซึ่งเมื่อตอนเช้าท่านหญิงฟาฏีมะฮ์(อ)ก็จะจูงท่านอิมามฮาซัน(อ) ท่านอิมามฮูเซน (อ) ท่านหญิงซัยหนับ(อ) ไปนั่งอยู่ที่บ้านหลังนั้นและก็ร้องไห้ให้กับมูศีบัตต่างๆที่กำลังเกิดขึ้นกับอิสลาม กลางคืนกลับมาเสียงร้องก็อาจจะเบาลง แต่ว่า ไม่สามารถที่จะหยุดเสียงร้องของท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ (อ) ในเวลาเดียวกัน
นอกจากเสียงร้องไห้ไม่มีผล เสียงร้องของท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ (อ)ก็ไม่สามารถที่จะซื้อจิตใจของบุคคลเหล่านั้นได้ ไม่สามารถที่จะเปลี่ยนแปลงจิตใจของผู้ใดได้ นอกจากบรรดาศอฮาบะฮชั้นในเท่านั้น
ซึ่งก็ไม่สามารถที่จะทำอะไรได้ ท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ (อ)ก็ได้ก้าวขึ้นไปอีกหนึ่งก้าว ก็คือออกไปปราศัยออกไปพูด ครั้งใหญ่ๆถึงสองครั้ง ได้ขึ้นปราศรัยในมัสยิดนะบาวีในเมืองมะดีนะฮ์ เพื่อที่จะย้ำเตือน
ดังนั้น เมื่อการเคลื่อนไหวในลักษณะของการต่อต้านรัฐเถื่อน ต่อต้านรัฐของบรรดาทรราช เรื่องได้ไปถึงบรรดาทรราช บรรดาทรราชก็เริ่มที่จะมีการตอบโต้กับท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ (อ) มากมายหลายอย่าง หนึ่งในนั้นคือการยึดที่ดินของท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ (อ) เพราะว่าเป็นสวนที่ดินอินทผลัมที่มีจำนวนมากใช้ได้และก็สามารถที่จะหล่อเลี้ยง ถือว่าเป็นแหล่งทุนของท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ (อ) ที่จะดูแลสังคมชุดหนึ่งที่ปฏิเสธรัฐเถื่อนที่เกิดขึ้นที่ซะกีฟะฮ์
ด้วยคำสั่งจากทรราช ก็ยึดที่ดินฟะดัก เมื่อที่ดินฟะดักถูกยึด ท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ (อ)ถือโอกาสลุกขึ้นทวงสิทธิแห่งฟะดัก (فدک)
พวกที่ยอมบิดเบือนอัลกุรอ่าน ยอมบิดเบือนฮะดิษ ยอมสร้างฮะดิษปลอมเพื่อปฏิเสธการรับมรดกของท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ (อ) นี่คืออีกความซอเล็มที่ได้เกิดขึ้นกับสตรีผู้หนึ่ง ในยุคศาสดายังมีชีวิตอยู่ ศาสดาเป็นผู้ประกาศว่า…
นางคืออัลเกาษัร นางคือ…(قرة عین الرسول)
“กุรรอตาอัยนิร รอซูล”
“นางคือ ส่วนหนึ่งของฉัน”
และอื่นๆ มีอีกเป็นจำนวนมาก แต่ท่านหญิง(อ) กลับกลายเป็นผู้ที่ถูกกดขี่ในแผ่นดิน ในอาณาจักรที่บิดาของตัวเองได้สร้างเอาไว้ มากมายหลายรูปแบบ
แม้ว่าการตอบโต้ จะหนักหน่วงสักขนาดไหน ก็ไม่สามารถที่จะหยุดท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ (อ)ได้ จนกระทั่งเหล่าทรราชก็ตัดสินใจที่จะทำขั้นเด็ดขาดกับท่านหญิงฟาฏีมะฮ์ (อ) ซึ่งได้มีการปรึกษาหารือกัน ได้บอกว่า ถ้าปล่อยท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ (อ)เดินแบบนี้อย่างอิสระ แน่นอนสถานภาพของท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ (อ)อาจจะทำลายอำนาจของเรา อาจจะทำลายความชอบธรรมในการปกครองของเราได้•••
[โปรดติดตาม มุศิบัต เป็นตอนสุดท้าย]
___________
Website : syedsulaiman. com
Facebook : @syedsulaiman.th
Instagram : @syedsulaiman_thailand
YouTube : Syedsulaiman. com