บางส่วนจากการบรรยายโดย ฮุจญตุลอิสลามฯ ซัยยิดสุไลมาน ฮูซัยนี
________________
[เนื้อหาต่อจากตอนที่ 9]
มูศีบัต
••• แม้ว่าการตอบโต้จากเหล่าทรราชจะหนักหน่วงสักขนาดไหน ก็ไม่สามารถที่จะหยุดยั้งท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ (อ)ได้ พวกเขาจึงได้ปรึกษาหารือกันว่า… ถ้าปล่อยท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ (อ)ออกมาเคลื่อนไหว ออกมาปราศรัยอย่างนี้ แน่นอนสถานภาพของท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ (อ)อาจจะทำลายอำนาจของเรา อาจจะทำลายความชอบธรรมในการปกครองของเราได้
จนกระทั่งในค่ำคืนหนึ่ง เหล่าทรราชก็ตัดสินใจที่จะกระทำขั้นเด็ดขาดในเวลากลางคืน ในขณะที่เด็กๆกำลังจะเข้านอน ท่านอิมามฮาซัน(อ) ท่านอิมามฮูเซน(อ) ท่านหญิงซัยหนับ (อ) กำลังจะนอนหลับ ภายในบ้านเงียบ ประตูบ้านปิดสนิทในยามคํ่าคืนอันมืดมิด บ้านหลังนั้น คือ (بیت النبوة) ‘บัยตุลนาบูวัต’
(بیت النبوة) บ้านหลังนี้เป็นบ้านที่ท่านนบี(ศ็อลฯ) หยุดให้สลามทุกๆครั้งที่ท่านผ่าน
และแล้วก็ ได้ยินเสียงเคาะประตู ได้ยินเสียงดังขึ้น ท่านอิมามอาลี(อ)ก็ได้ถามว่า …
“พวกเจ้าเป็นใคร ทำไมมาเคาะประตูในยามดึกดื่นอย่างนี้”
เหตุการณ์นี้ทำไมถึงเกิดขึ้นในตอนกลางคืน?
แน่นอนพวกเหล่าทรราชนั้นไม่กล้าทำอะไรในตอนกลางวัน อาจจะยังเกรงใจชาวมะดีนะฮ์อยู่ เหตุการณ์นี้จึงเกิดขึ้นในตอนกลางคืน พวกเขาบอกว่า…
“เราได้รับคำสั่งมาจากคอลีฟะฮ์ ให้มาเอาบัยอัตกับท่าน”
ท่านอิมามอาลี(อ)ก็บอกว่า…
“จงกลับไปก่อน เดี๋ยวพรุ่งนี้เราค่อยคุยกัน มันดึกดื่นตอนนี้มันไม่ใช่เวลา
”ท่านอิมามอาลี(อ)ได้ตอบปฏิเสธว่า…
“ฉันจะไม่เปิดประตูบ้านให้กับพวกท่าน มีอะไรค่อยคุยกันในวันพรุ่งนี้”
แต่คืนนั้น พวกเขาไปด้วยกองกำลัง ถ้าพูดถึงวันนี้ พวกเขาไปด้วยชุดคอมมานโดของทรราช ก็ได้ล้อมบ้านท่านอิมามอาลี (อ) และได้ตะโกนบอกไปว่า …
“ถ้าท่านไม่เปิดประตูและออกมา เราจะเผาบ้านหลังนี้”
ท่านอิมามอาลี(อ)ไม่เปิดประตูบ้านหลังนั้น คบเพลิงจำนวนหนึ่ง จึงถูกโยนลงไปที่ประตูบ้านแห่งอะฮ์ลุลเบต ที่มีท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ (อ)อยู่ในบ้าน และในขณะนั้นท่านอิมามฮาซั(อ) อิมามฮูเซน(อ) ท่านหญิงซัยหนับ(อ) กำลังนอนหลับอยู่
พวกเขาจุดคบเพลิง จนประตูบ้านนั้นไหม้เกรียม คนชั่วคนหนึ่งก็ได้ถีบประตูบ้านนั้นออกไป ท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ (อ)ด้วยความตกใจกลัวว่าชายแปลกหน้าจะเห็นนาง จึงหลบอยู่ที่หลังประตูนั้นเพื่อที่จะไม่ให้ชายแปลกหน้านั้นได้เห็นสตรีที่อยู่ในบ้าน แต่เหล่าทรชนแทนที่พวกมันจะสำนึก เมื่อพวกมันรู้ว่าท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ (อ)นั้นอยู่หลังประตูที่แตกแล้วบางส่วน พวกมันก็ได้กดประตูนั้นทับร่างของท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ (อ)
สิ่งหนึ่งที่พี่น้องจะต้องรู้ คือ ท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ (อ)มีอายุแค่เพียง 18- 19 ปีเท่านั้น อีกทั้งร่างกายของท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ (อ)ก็ผ่ายผอมเป็นอย่างมาก สาเหตุหนึ่งที่ท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ (อ)ผ่ายผอมเพราะท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ (อ)นั้นอยู่กับความโศกเศร้า อยู่กับความเสียใจและ ไม่ได้กินอาหารเต็มมื้อ ไม่เคยอิ่มท้อง แทบตลอดชีวิตก็ว่าได้
ลองจินตนาการดูว่า เด็กสาวอย่างท่านหญิง ถ้ามองในมุมนี้เด็กสาวอาจจะไม่เหมาะสมกับท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ (อ) เพียงแต่ต้องการจะอธิบายว่าท่านหญิงมีร่างกายที่ผ่ายผอม มีร่างกายที่เล็ก ด้วยเหตุผลนานาประการ คือ คนที่อยู่กับความโศกเศร้า ด้วยสูญเสียบิดา อยู่หลังประตูและคนที่กำลังกดประตูนั้น คือ ชายนักรบร่างกำยำได้กดประตูทับร่างของท่านหญิงอยู่ และที่สำคัญไปกว่านั้นท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ (อ)ท่านตั้งครรภ์อยู่ ยิ่งไปกว่านั้นประตูได้กดทับไปที่หน้าอกและท้องของนางด้วย
บรรดาอาเล็มอุลามาอฺชั้นสูงของเราทั้งหมด ยืนยันเหตุการณ์นี้ว่า เหตุการณ์นี้มีจริง เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นจริง เด็กในท้องนั้นถูกตั้งชื่อไว้ล่วงหน้าชื่อว่า ‘มุฮซิน’ ถ้าเหตุการณ์นี้ไม่มีจริงจะไม่มีชีอะฮ์ชื่อ ‘มุฮซิน’ในโลกนี้
เพราะเหตุการณ์นี้มีจริง “มุฮซิน”มีชื่อจริง จึงเป็นความภาคภูมิใจของบรรดาชีอะห์ที่จะตั้งชื่อลูกของเขาว่า “มุฮซิน” ชื่อนั้นได้ตั้งไว้ล่วงหน้า ประตูนั้นได้กดทับท่านหญิงฟาฏีมะฮ (อ)นั้นได้แท้งมุฮซินออกมาล้มลงทรุดอยู่ที่ประตู !!!
ริวายัตอันหนึ่งจากบรรดาเอาลิยาอฺ ของอัลลอฮ ที่ได้เขียนไว้ในบันทึกว่า ประตูที่ถูกเผานั้น มีช่วงประตูหนึ่งมีเสี้ยนไม้ใหญ่ หรือตะปูของประตูติดอยู่ที่ประตูด้านหนึ่งและในระหว่างที่กดนั้นเสี้ยนไม้อันหนึ่งได้ทิ่มไปยังทรวงอกของท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ (อ)
อารีฟท่านนี้ได้เขียนบทกวีว่า …
“ไม่ต้องถามท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ (อ)หรอกว่า นางเจ็บขนาดไหนตอนที่เสี้ยนไม้อันนั้นทิ่มไปที่ทรวงอกของนาง…….แต่จงถามเสี้ยนไม้หรือตะปูตัวนั้นว่า มันเจ็บขนาดไหนที่มันได้ทิ่มแทงไปยังบุตรีของศาสดา”
หลังจากนั้น บรรดาทรชนก็ได้เอาเชือกไปล่ามคอท่านอิมามอาลี(อ)เพื่อลากออกมาจากบ้าน
ซึ่งเราต้องรู้ไว้ด้วยว่า ท่านนบี(ศ็อลฯ) ได้สั่งไว้ว่าเหตุการณ์เหล่านี้จะเกิดขึ้น ท่านอิมามอาลี(อ)ได้รับคำสั่งจากท่านนบี(ศ็อลฯ)ว่า ห้ามตอบโต้ใดๆทั้งหมด จงให้สิ่งนี้ปรากฏกับสายตาของมวลมนุษยชาติ เพราะเหตุการณ์เหล่านี้แหละ ที่จะทำให้ศาสนาอันบริสุทธิ์ ที่ฉันนำพานั้นอยู่รอดต่อไปได้
เมื่อได้รับคำสั่งจากศาสดา ท่านอิมามอาลี(อ)จึงไม่ได้ขัดขืนใดๆ เมื่อท่านอิมามอาลี(อ)ถูกลากออกไปจากบ้านด้วยเชือกที่เขาผูกมัดท่านไป
ท่านหญิงฟาฏิมะฮ(อ)… เมื่อเห็นภาพนั้น ก็ได้ลุกขึ้นทันที ท่านหญิงลืมความเจ็บปวดของนางทั้งหมด ท่านหญิงวิ่งตามท่านอิมามอาลี(อ) มีการฉุดกระชากตรงนั้น
ท่านหญิงฟาฏิมะฮ์(อ)ได้ดึงเสื้อท่านอิมามอาลี(อ) แล้วกล่าวว่า…
“พวกเจ้า จะเอาอามีรุลมุอมีนีนไปไหน???? พวกเจ้า จะเอาวะซีย์ของอัลลอฮไปที่ไหน ??? ”
บรรดาทรชนเหล่านั้น กลัวว่าชาวมะดีนะฮ์จะตื่นและรู้เรื่องราวก็พยายามทุกวิถีทาง เพื่อที่จะทำให้มือของท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ (อ)ที่จับชายเสื้อหรือชายผ้าท่านอิมามอาลี(อ)นั้นหลุดออกมาให้ได้ แต่ท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ (อ)ก็กำไว้แน่น มันจึงได้เอาดาบที่มีปลอกนั้นทุบไปที่มือของท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ (อ)
ทุบไป ทุบไป เพื่อที่จะให้มือของท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ (อ)นั้นหลุด
ทุบไป ทุบไป มือของท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ (อ)นั้นก็ยังไม่หลุด
หลังจากนั้น ก็มีการลากไปเรื่อยๆ ลากไปเรื่อยๆ ลากไปเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงช่วงเวลาหนึ่งนั้น พวกมันได้ตบไปที่ใบหน้าของท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ (อ)
ทุกริวายัตยืนยันว่า เป็นการตบที่ทำให้ท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ (อ)นั้นล้มลงทั้งยืน คนที่เป็นนักรบชายที่มีร่างกำยำตบไปที่ร่างของผู้หญิงคนหนึ่งจนกระทั่งล้มลงไป แต่เมื่อท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ (อ)ล้ม ท่านหญิงก็ยังไม่ละความพยายาม ท่านก็ได้จับชายเสื้อที่ปลายเท้าของท่านอิมามอาลี(อ) มันก็ได้ลากไปอีก
ในระหว่างนั้นได้เกิดเหตุการณ์อีกมากมายพี่น้อง !!!
บรรดาอาเล็มมอุลามาอฺได้บอกว่า เรื่องเล่าต่อไปนี้เป็นเรื่องเล่าจากท่านอิมามฮาซัน(อ) เพราะท่านอิมามฮาซัน(อ)นั้น ได้วิ่งตามแม่ ส่วนท่านอิมามฮูเซน(อ)และท่านหญิงซัยหนับ(ซ) ยืนดูอยู่ที่ซอกประตูบ้าน
เมื่อลากไปพ้นบ้านแล้วนั้น เลี้ยวไปซอยนั้น เลี้ยวไปซอยนี้ จะพาไปยังที่อยู่ของคอลีฟะฮ์ ในระหว่างที่ลากเลี้ยวไป เลี้ยวมานั้น ท่านอิมามฮาซัน(อ)ที่วิ่งตามแม่อยู่ เหตุการณ์ถูกเปิดเผยเมื่อในวันฝังท่านหญิงฟาฏิมะฮ์(อ) ท่านอิมามฮาซันอัลมุจญตาบา(อ)นั้น ได้ร้องไห้แล้วทรุดลงไปบนพื้นและไม่สามารถที่จะลุกขึ้นมาได้ และท่านยังร้องไห้ จนกระทั่งคนที่อยู่ในเหตุการณ์ได้เข้าไปหาท่านอิมามฮาซัน(อ)และบอกว่า
یابن رسول لله!! ท่านร้องไห้แบบนี้ทำไม???
ท่านไม่อายน้องๆท่านหรือ??? ท่านเป็นพี่คนโต ท่านยังมีฮูเซนยังมีซัยหนับยืนดูอยู่….
ท่านอิมามฮาซัน(อ)ได้บอกว่า…
“ถ้าน้องๆของฉัน เห็นว่าเขาทำอะไรกับแม่ น้องของฉันก็จะร้องไห้เหมือนกับฉัน”
อิมามฮาซัน(อ)ได้บอกว่า…
“เมื่อเขาลากไปได้สักระยะหนึ่ง ห่างไปจากบ้านของเรา มือของแม่ก็ยังไม่หลุดจากชายเสื้อผ้าของพ่อ มันได้ตีไปที่ไหล่ ตีไปที่หลัง ตีไปทุกส่วน ก็ยังไม่สามารถที่จะทำให้หลุดได้ หลังจากที่มันได้ตบหน้าของท่านหญิง ทรชนคนหนึ่งจึงตัดสินใจเตะไปที่ซี่โครงข้างหนึ่งของท่านหญิงฟาฏิมะฮ์(อ)
ผู้หญิงร่างเล็กๆคนหนึ่ง โดนเตะไปที่ซี่โครง พี่น้อง!!!!….
นั้นแหละ ที่ทำให้มือของท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ (อ)นั้นหลุดออกจากผ้า เพราะซี่โครงของท่านหญิงนั้นหัก !!!
ในริวายัตได้ยืนยันว่า การขึ้นคุตบะฮ์ครั้งที่ 2 ของท่านหญิงนั้น หลังจากเหตุการณ์นี้ การลุกขึ้นพูดอีกครั้งหนึ่ง ถึงความเป็นทรราชของอำนาจรัฐแห่งซะกีฟะฮ์นั้น เกิดขึ้นหลังจากเหตุการณ์นี้
ทำไมจึงรู้ว่าหลังจากเหตุการณ์นี้ ???
ก็เพราะว่าชาวมะดีนะฮ์เคยฟังปราศรัยมาแล้วหนึ่งครั้ง เมื่อท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ (อ)จะไปพูดอีกครั้งหนึ่ง ในมัสยิดุลนาบาวีอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งสร้างความแปลกใจให้กับผู้หญิงที่มาร่วมในวันนั้นเป็นการฟังคำพูดของท่านหญิง เพราะว่าท่านหญิงนั้น ได้นั่งไม่ได้ยืนพูด
ชาวมะดีนะฮ์จึงถามว่า…
“ทำไมวันนี้บุตรีของศาสดาไม่สามารถที่จะยืนพูดได้”
เรื่องราวแห่งค่ำคืนนั้น ก็จึงได้ถูกเปิดเผย เหตุการณ์เกิดขึ้นในตอนกลางคืน จนกระทั่งเหตุการณ์ได้ผ่านไปได้มีเรื่องเกิดขึ้นอย่างมากมาย และหลังจากวันนั้นจนถึงวันที่ท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ (อ)จากโลกนี้ไป… ท่านอิมามอาลี(อ) ก็ไม่ได้เห็นร่างของท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ (อ)อีกเลย เพราะทุกครั้งที่ท่านอิมามอาลี(อ)เข้ามาในบ้าน
ท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ (อ)จะคลุมผ้าปกปิดตัวเอง สร้างความแปลกใจและสงสัยให้กับท่านอิมามอาลี(อ) ว่า…
“ทำไม เดี่ยวนี้ภรรยาปกปิด คลุมผ้าต่อหน้าสามี”
ท่านอิมามอาลี(อ)ได้รับคำตอบ เป็นคืนที่ท่านอิมามอาลี(อ)ได้อาบน้ำฆุซุลให้กับท่านหญิงฟาฏีมะฮ์ (อ) คำตอบเห็นชัดสักขนาดไหน??
ท่านอิมามอาลี(อ)ได้สั่งให้ปิดไฟ ปิดตะเกียง เพราะเป็นคำสั่งของท่านหญิง
ท่านหญิงสั่งว่า…
“ในวันที่อาบน้ำให้กับฉันนั้น ฉันไม่อนุญาตให้ใครจุดตะเกียง จุดไฟขึ้นมา”
ท่านอิมามอาลี(อ)ก็ยังไม่รู้เหตุผลว่า ทำไมท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ (อ)จึงสั่งไว้ว่า อาบน้ำฆุซุลนั้นให้ทำในตอนกลางคืน ห้ามอาบในตอนกลางวัน ทำในตอนกลางคืนแล้วให้ดับตะเกียงด้วย
ท่านอิมามอาลี(อ)ก็ได้ปฏิบัติตาม และเมื่อท่านอิมามฮาซันอัลมุจตาบา(อ)เป็นผู้รดน้ำ ท่านอิมามอาลี(อ)เป็นผู้ลูบ
แน่นอนเสียงร้องแบบปกติธรรมดา เสียใจ ลูบร่างของภรรยาไปหลั่งน้ำตาไป และเมื่อท่านอิมามอาลี(อ)ได้ลูบไปยังส่วนหนึ่งของร่างกาย ท่านอิมามอาลี(อ)ได้ร้องว่า….
“ยาอัลลอฮ ! เกิดอะไรขึ้น?? ”
จึงสั่งให้จุดตะเกียงขึ้นมาดูก็พบว่า ซี่โครงที่ท่านลูบแล้วบุบลงไปนั้นคือ ซี่โครงของท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ (อ) เมื่อจุดตะเกียงก็พบว่าร่างของท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ (อ)นั้นบอบช้ำไปหมดทั้งตัว และท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ (อ)จึงได้เป็นชะฮีด
ในเหตุการณ์นั้น อิมามอาลี(อ)จึงรู้แล้วว่าทำไมท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ (อ) จึงสั่งให้จัดการญะนาซะฮ์ทั้งหมดของท่านนั้นในเวลากลางคืน
หนึ่งในเหตุผล ก็เพื่อไม่ต้องการให้ท่านอิมามอาลี(อ)ได้เห็นบาดแผลและความบอบช้ำต่างๆของนางที่ได้เสียสละลงไปเพื่อปกป้องวิลายัตของอาลี ยิบนิ อบีฏอลิบ
ยาอัลลอฮ…..
♔•●✺ اللهم صل علی محمد وآل محمد وعجل فرجهم ✺●•♔
___________
Website : syedsulaiman. com
Facebook : @syedsulaiman.th
Instagram : @syedsulaiman_thailand
YouTube : Syedsulaiman. com