วิชาตัฟซีร(การอรรถาธิบาย)พระมหาคัมภีร์อัล-กุรอาน
ไชฏอนศึกษา บทเรียน 2 ตอนที่ 3
♔•●✺ اللهم صل علی محمد وآل محمد وعجل فرجهم ✺●•♔
♔ ภารกิจของอิบลิสเบื้องต้น ♔
ยุทธวิธีแรกที่มันจะหลอกลวงมนุษย์นั้น คือ ทำให้มนุษย์มองเห็นดุนยานั้นสวยงาม ซึ่งเราไม่สามารถจะอธิบายได้อย่างสมบูรณ์ ทุกคนต้องเอาไปเปรียบเทียบด้วยตนเอง เพราะดุนยาของแต่ละคนนั้นอาจไม่เหมือนกัน
ตรงนี้เพื่อชี้ให้เห็นว่า
– ดุนยาของบางคน คือ ทรัพย์สินเงินทอง
– ดุนยาของบางคน คือ ชื่อเสียง ยศถาบรรดาศักดิ์
– ดุนยาของบางคน คือ สิ่งเสพติด
– ดุนยาของบางคน นั้นคือ เรื่องของกามารมณ์ เพราะฉะนั้น แต่ละคนนั้นต้องหาดุนยาของตัวเองให้เจอแล้วค่อยๆขจัดสิ่งต่างๆเหล่านี้ให้หมดไป
เรากำลังเรียนเรื่องไชฏอนศึกษา เหตุผลที่มนุษย์กลัวเพราะไม่เข้าใจในความหมาย ความจริงแล้ว การอย่าหลงดุนยานั้น ไม่ได้หมายความว่า จะต้องแจกทรัพย์สินเงินทองจนหมด ซึ่งลักษณะนี้ไม่มีในคำสั่งสอนของอิสลาม
หากเราเก็บหอมรอมริบ หรือ เก็บเงินเก็บทองทั้งหมด แต่หากใช้จ่ายตามแบบที่ อัลลอฮ์(ซบ)รัก พระองค์ชอบ หรือ เป็นไปตามที่พระองค์ประสงค์ ความมั่งมีตรงนี้จะมีสักเท่าไหร่ก็มีได้ เพราะในพระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน วิธีการแรก อันตรายแรก ที่อัลลอฮ(ซบ) ทรงเตือนเราให้ระวัง ‘ภัยจาก ไชฏอน’ คือ สิ่งนี้
ซึ่งอีกโองการหนึ่ง ก็พูดไปในลักษณะนี้ แต่ว่ามีจะมีความเข้มข้นกว่านี้ ซึ่งเราจะอธิบายเพิ่มเติมอีกนิดหนึ่ง
โองการแรกก็อยู่ในซูเราะฮ์ อัลฮิจญ์ร โองการที่39
——————
قَالَ رَبِّ بِمَا أَغْوَيْتَنِي لَأُزَيِّنَنَّ لَهُمْ فِي الْأَرْضِ وَلَأُغْوِيَنَّهُمْ أَجْمَعِينَ
มันกล่าวว่า …
“โอ้พระเจ้าของข้าพระองค์โดยที่พระองค์ทรงให้ข้าพระองค์หลงผิดไปแล้ว แน่นอน ข้าพระองค์ก็จะทำให้เป็นที่เพริศแพร้วแก่พวกเขาในแผ่นดินนี้ และแน่นอนข้าพระองค์จะทำให้พวกเขาทั้งหมดหลงผิด
อีกโองการหนึ่ง ซึ่งก็อยู่ใน ซูเราะห์ ศ็อด โองการที่ 82
——————
قَالَ فَبِعِزَّتِكَ لَأُغْوِيَنَّهُمْ أَجْمَعِينَ
มันกล่าวว่า ดังนั้น ด้วยพระอำนาจของพระองค์ท่าน แน่นอนข้าพระองค์ก็จะทำให้พวกเขาทั้งหมดหลงผิด
ซึ่งถ้าเราดูอาจจะซ้ำ แต่ถ้าเราอธิบายอาจจะมีเนื้อหาที่ถือว่าไม่ซ้ำกัน
ดังนั้น เมื่อได้รับการผ่อนปรน คือ ย้อนกลับไป
ความจริงแล้ว คือ มันพูดทั้งหมดแต่อัลลอฮ์(ซบ) ได้แบ่ง โดยให้คำนี้ไปอยู่ในซูเราะฮ์นี้
ดังนั้น ในซูเราะห์ ศ็อด โองการที่ 82 เมื่อมันได้รับการผ่อนปรน มันก็กล่าวว่า…
قَالَ فَبِعِزَّتِكَ
คือเพิ่มมาคำเดียว ส่วน
لأغوينهم اجمعين
ซึ่งเราได้แปลไปแล้ว แต่จะมีคำหนึ่งเพิ่มเข้ามา แต่อัลลอฮ์(ซบ.)มาเพิ่มในโองการนี้ คือ فبعزتك ภารกิจนี้ที่น่ากลัว เพราะ มันจะทำให้มนุษย์หลงในโลกนี้
ภารกิจอันนี้ มันเริ่มด้วยคำสาบาน بعزتك คือ ฉันขอสาบานด้วยอำนาจอันยิ่งใหญ่ของพระองค์
ไชฏอนสาบาน ไชฏอนยอมรับ มันยอมรับว่าอัลลอฮ์(ซบ.)มีอำนาจอย่างแท้จริง
เรายังไม่รู้จะยอมรับหรือเปล่าว่า อัลลอฮ์(ซบ.)นั้น عزيز พระองค์มีอำนาจอย่างแท้จริง!!!!
‘อิบลิส’นั้น มันยอมรับว่าอัลลอฮ์(ซบ.)มีอำนาจอย่างแท้จริงและมันสาบานด้วยความเป็นอะซีซ(عزيز)ของพระองค์
ภารกิจนี้ มันเอาจริง เพราะมันสาบาน
เราเคยทำภารกิจไหนบ้างที่เราสาบาน
ถามว่า เรากล้าสาบานไหม?
แน่นอน !!! เราไม่กล้าสาบาน แม้แต่ทำความดีเรายังไม่กล้าด้วย
ตรงนี้มีใครกล้าลุกขึ้นมาสาบาน ขอสาบานด้วยพระนามของ อัลลอฮ์(ซบ.)บ้าง ว่า ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปข้าฯจะนมาซตะฮัดญุดโดยไม่มีวันหยุด
ใครกล้าสาบานบ้าง …….?
ทำไมเราไม่กล้าสาบาน นมาซตะฮัดญุดเป็นสิ่งที่ไม่ดีหรือ?
بعزتك ยาอัลลอฮ์(ซบ)ขอสาบานตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ถ้ามีใครมาขอบริจาค ฉันจะให้ทุกครั้ง โดยไม่ปฏิเสธ ถ้าฉันสามารถให้ได้ จะไม่มีผู้ขอคนใดได้รับการปฏิเสธจากฉัน ฉันจะบริจาคตามความสามารถของฉัน
ขอสาบานด้วยعزت เกียรติศักดิ์ศรีและความยิ่งใหญ่ของพระองค์ ถามว่า จะมีใครกล้าสาบานบ้าง…….?
จะเห็นได้ว่า แม้นแต่จะทำความดีมนุษย์ก็ยังไม่กล้าที่จะสาบาน นี่คือ ความอ่อนแอของมนุษย์
ตัวอย่าง
การบริจาค สำหรับบางคนไม่อยากเป็นผู้ให้ แต่ถ้าให้ สำหรับบางคน ก็บริจาคเพียงแค่ห้าบาทหรือ สิบบาท ชี้ให้เห็นว่า ระหว่างมนุษย์กับอิบลิส จะเห็นถึงความมุ่งมั่นที่มีความแตกต่างเพราะ ‘อิบลิส’มั่นคงแน่วแน่ในการทำภารกิจของมัน ถึงขั้นที่มันกล้าสาบาน بعزتك
อย่าประมาท !!! อย่าได้มองว่ามันไม่จริงจัง !!!
‘อิบลิส’ มันจริงจังในภารกิจอันนี้ของมันเป็นอย่างมาก ถึงขั้นสาบาน นี่ก็เป็นอีกหนึ่งโองการ ซึ่งก็เหมือนโองการที่ผ่านมา แต่ มีคำๆหนึ่งเพิ่มขึ้นมาว่า ในภารกิจนี้มันสาบานกับอัลลอฮ์(ซบ)
เพราะฉะนั้น อัลลอฮ์ (ซบ) จึงลงโองการนี้ให้เรา เพื่อให้เรากลัวมันให้มาก และ ให้เรารู้ว่า ศัตรูตัวนี้ของเจ้านั้นมันไม่ได้พูดเล่น แต่มันเอาจริง
หากจะอธิบายให้ละเอียด ก็คงไม่มีเวลามากนัก ขอสรุปสั้นๆ อิบลิสมันบอกว่า…
ฉันเล่นงานทุกคน ฉันจัดการกับทุกคน لأغوينهم اجمعين
ไม่มีมนุษย์คนหนึ่งคนใดที่อิบลิสปล่อย
ไม่มีข้อยกเว้น มันบอกเอาทุกคน
อนุมานดั่ง ในกองทัพ ตัวนี้เอาให้ลูกพี่ ตัวนี้เอาลูกน้อง ที่เหลือจะมีบทบาทหรือไม่มีบทบาท จะสำคัญหรือไม่สำคัญมันเล่นงานหมด เอาหมดทุกตัว เพราะมันยืนยันและมีโองการหลายโองการที่บอกว่า اجمعين ที่มันพูดกับเอกองค์อัลลอฮ์(ซบ) แต่ที่เรายกมานั้น เป็นเพียงบางโองการเท่านั้น
จะเห็นได้ว่า มันจัดการหมด ทั้งเด็ก ผู้ใหญ่ คนแก่จะเข้าโลงแล้วมันก็ไม่ปล่อย
ในริวายัตรายงานว่า แม้วิญญาณออกไปครึ่งหนึ่ง เหลือครึ่งหนึ่งแล้ว ออกไปครึ่งอยู่ในอีกครึ่ง มันก็ยังไม่สิ้นหวังในภารกิจของมัน ระหว่างที่วิญญาณขึ้นมาแล้ว วิญญาณขึ้นมา ขึ้นมาเรื่อยๆจนถึงคอหอย เมื่อเลยคอหอย ก็คือ จบ
เราจะสังเกตได้ว่า คนไหนจะไป(กลับคืนยังพระองค์)หรือไม่ไป ให้จับที่เท้า เท้าจะเย็นก่อน คือ ‘รุฮ’ออกไป เริ่มร่นขึ้น ขึ้นมา…ขึ้นมา มันค่อยๆขึ้นมา วิญญาณเมื่อพ้นคอหอย พอพ้นคอหอย วิญญาณของมนุษย์ก็จะออกจากร่าง
ในรีวายัตบอกว่า เมื่อวิญญาณอยู่ระหว่างกลางขึ้นมา เท้าขาเย็นหมดแล้ว อิบลิสไชฏอน ก็ยังไม่หยุดภารกิจของมัน
ดังนั้น ในวิถีชีวิตของเรา ไม่มีใครมีสิทธิ์ ที่จะประมาทในศัตรูตัวนี้ เพราะมันต้องการล้างแค้นทั้งหมด ล้างแค้นทั้งอาดัมและล้างแค้นทั้งลูกหลานของอาดัม
อีกโองการหนึ่ง เริ่มต้นก็มีเนื้อหาเหมือนเดิม แต่เริ่มเข้าสู่รายละเอียด ซึ่งในช่วงแรก อิบลิสได้บอกเจตนารมณ์ บอกภารกิจ บอกวิธีการ แต่ครั้งนี้บอกอย่างสมบูรณ์
ดังนั้น การที่อัลลอฮ์(ซบ)ได้เล่าบทสนทนาของพระองค์กับอิบลิส เอามาลงในพระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน ซึ่งเหล่านี้มันเป็นตำรา เป็นคู่มือ สำหรับเราในการที่จะต่อสู้กับพวกมัน
ใน ซูเราะห์อัล-อะรอฟ โองการที่16-17
Holy Quran 7:16
——————
قَالَ فَبِمَا أَغْوَيْتَنِي لَأَقْعُدَنَّ لَهُمْ صِرَاطَكَ الْمُسْتَقِيمَ
มันกล่าวว่า ด้วยเหตุที่พระองค์ได้ทรงให้ข้าพระองค์ตกอยู่ในความหลงผิด แน่นอนข้าพระองค์จะนั่งขวางกั้นพวกเขา ซึ่งทางอันเที่ยงตรงของพระองค์
Holy Quran 7:17
——————
ثُمَّ لَآتِيَنَّهُمْ مِنْ بَيْنِ أَيْدِيهِمْ وَمِنْ خَلْفِهِمْ وَعَنْ أَيْمَانِهِمْ وَعَنْ شَمَائِلِهِمْ ۖ وَلَا تَجِدُ أَكْثَرَهُمْ شَاكِرِينَ
แล้วข้าพระองค์จะมายังพวกเขา จากเบื้องหน้าของพวกเขา และจากเบื้องหลังของพวกเขาและจากเบื้องขวาของพวกเขา และจากเบื้องซ้ายของพวก เขา และพระองค์จะไม่พบว่าส่วนมากของพวกเขานั้น เป็นผู้ขอบคุณ
————————————————
เบื้องต้นก็เหมือนเดิมด้วยเหตุผล
قَالَ فَبِمَا أَغْوَيْتَنِي
ด้วยเหตุผล ที่พระองค์ได้ทำให้ฉันนั้นหลงผิด
ฉันกลายเป็นผู้หลงผิด ฉันทำอามั้ลอิบาดัตมาหลายพันปี ฉันถูกยกมาอยู่บนฟากฟ้า ได้อยู่ร่วมกับมาลาอิกัต ซึ่งเราใช้คำว่า ‘ฟากฟ้า’ ซึ่งมันยังไม่ใช่สวรรค์ตัวจริง อันนี้อยู่ระหว่างฟากฟ้า คือ ระหว่างฟ้าชั้นดินกับฟ้า ชั้นสูงมันอยู่ตรงกลาง
ฉันพัฒนาไปถึงขั้นหนึ่งแล้ว แต่ต้องกลับมา กลายเป็นผู้ที่หลงผิด เพราะมนุษย์ เพราะสิ่งถูกสร้างที่พระองค์สร้างมาใหม่พวกนี้
ดังนั้น ในซูเราฮ์อัล-อะรอฟ ก็ยังคงเป็นการยืนยันว่า…อัลลอฮ์(ซบ.)รับการอุทธรณ์ของมัน ถึงแม้ว่าคำอุทธรณ์ของมันจะไม่ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ก็ได้ไปเก้าสิบเปอร์เซ็นต์
ดังนั้น มันขอเวลาที่จะพิสูจน์ แล้วจึงบอกว่า…
لَأَقْعُدَنَّ لَهُمْ صِرَاطَكَ الْمُسْتَقِيمَ
โองการนี้น่ากลัวเป็นอย่างมาก อันนี้ผมเคยเรียนมาจากครูบาอาจารย์เป็นชาวอิหร่าน ซึ่งอาจจะมีการอธิบายแตกต่างกันเล็กน้อย ถึงแตกต่างกันเล็กน้อยก็น่ากลัว
ขอให้ตั้งใจฟัง…
มันน่ากลัวตรงไหน?
ตรงนี้ ภารกิจที่อัลลอฮ์(ซบ.)ตรัสว่า…
มัน(อิบลิส)บอกว่า أَقْعُدَنَّ لَهُمْ = ฉันจะ นั่งขวาง อย่างแน่นอน !!!
لَأَقْعُدَنَّ คนที่เรียนหลักไวยกรณ์อาหรับก็จะรู้ นูนซากีละฮ์ คือ เน้นย้ำถึงความแน่นอน บ่งบอกว่า พื้นฐานอันนี้ฉันจะต้องทำอย่างแน่นอน لَأَقْعُدَنَّ ฉันจะนั่งขวางพวกเขา
ขวางเราที่ไหน
คำตอบ คือ ขวางเราที่…
صِرَاطَكَ الْمُسْتَقِيمَ = ฉันจะขวางพวกเขา ที่ทางของพระองค์ ก็คือ ‘อัล-มุสตะกีม’
ถ้าแปลให้เข้าใจง่าย หมายถึง มันจะนั่งขวางพวกเรา ที่ ‘ซิรอฏอลมุสตะกีม’ มันจะขวางเมื่อเราจะเข้าไปสู่เส้นทาง ‘ซิรอฏอลมุตตะกีม’ เมื่อเราจะสู่หนทางอันเที่ยงตรง
ตรงนี้ อุลามาอฺมีสองทัศนะด้วยกัน คือ ทัศนะหนึ่งน่ากลัว แต่ทัศนะที่สองน่ากลัวกว่า ซึ่งเราจะบอกว่า ทั้งสองทัศนะนั้นถูก
เพียงแต่มีอุลามาอฺ บางท่านได้อธิบายให้มันน่ากลัวน้อย อุลามาอฺบางท่านก็เอาหลักฐานที่มันน่ากลัวมากมาให้เรา ซึ่งถ้าไม่อธิบายมาก บางคนก็จะไม่รู้ว่า มันจะไปนั่งขวางตรงไหน
คำตอบ ก็คือ มันจะไปนั่งขวางที่ปากทางเข้า ‘ซิรอฏอลมุสตะกีม’
ดังนั้น มนุษย์จำนวนหนึ่ง เวลาจะทำดี นั้น ยากลำบากยิ่งนัก
เราจึงต้องใส่ใจเนื้อหาของ ซีรอฏอลมุสตะกีมด้วย ซึ่งมันมีชั้นของมัน และ ชั้นเบื้องต้น ก็คือ การทำความดีต่างๆ เช่น
– คนที่ไม่นมาซและเขากำลังคิดจะทำนมาซนั้น หมายความว่า
เขากำลังเข้าสู่ ‘ซิรอฏอลมุสตะกีม’ด้วยการนมาซ
– คนที่ไม่ยอมจ่ายซะกาต ไม่ยอมจ่ายคุมุส เมื่อเขาคิดที่จะจ่ายซะกาต จะจ่ายคุมุสนั้น หมายความว่า เขากำลังเข้าสู่ ‘ซิรอฏอลมุสตะกีม’
– สตรีที่ไม่คลุมฮีญาบ สตรีที่แต่งตัวไม่เรียบร้อยตรงตามที่อัลลอฮ์(ซบ)ต้องการ ตามที่พระองค์ทรงรัก ทรงชอบ เกิดนึกขึ้นมาว่า การแต่งตัวแบบนี้นั้นมันมีบทลงโทษอย่างมากมาย คิดจะปรับปรุงตัวแล้วจะคลุมฮิญาบ การคิดที่จะคลุมฮิญาบนั่นแหละ คือ การที่เขามุ่งสู่ซีรอฏอลมุสตะกีม
– คนที่โกหกตลอดมา คนที่ปลิ้นปล้อนหลอกลวง หรืออะไรก็ตาม เมื่อคิดที่จะหยุดพฤติกรรมอันนี้ การคิดจะหยุดพฤติกรรมอันนี้นั่นแหละ คือ การมุ่งสู่ซิรอฏอลมุสตะกีม
เบื้องต้นเราพูดเรื่องนี้ก่อน ก็เพื่อจะอธิบายให้เห็นว่า ‘ตัฟซีร’ ขั้นสูงสุด ที่ครบถ้วน ตามกระบวนความ คืออะไร ?
ตรงนี้ไชฏอนจะไม่อยู่เฉย จะไม่นั่งอยู่เฉยๆ บางพฤติกรรม บางความชั่วของมนุษย์ ตามภาษาของ อาเล็มอูลามาอฺ มัน(อิบลิส)แค่กระดิกนิ้ว เราก็วิ่งเข้าหามันแล้ว อันนี้เราก็เอาอากัปกริยาที่ อาเล็มอุลามาอฺเอามาแสดง แต่บางเรื่องราวมัน(อิบลิส)ก็กระโดดมาเลย ตัวมันเองเข้าขวาง โดยไม่ได้ใช้เสียงหรือใช้สัญลักษณ์ใดๆเลย
บางครั้ง เราจะเห็นบางคนที่คิดที่จะบริจาค แต่คิดแล้วคิดอีก คิดจนสัปสน คิดไปต่างๆนานาว่า เราจะถูกเอาเปรียบหรือเปล่า?
ความในใจจะพร่ำพรู ทำไม…ต้องเป็นเราคนเดียว
ทำไม… ต้องเป็นเราทุกครั้งเลย
ที่เรายกตัวอย่าง การบริจาค เพราะมันมาขวางทางอย่างแน่นอน ซึ่งถ้าเราไม่เข้มแข็งอย่างแท้จริงแล้ว เราไม่สามารถที่เข้าสู่ซิรอฏอลมุสตะกีมได้
สรุปเบื้องต้น คือ การทำสิ่งที่ถูกต้อง คือการเข้าสู่ซิรอฏอลมุสตะกีม
ฉะนั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายครับพี่น้อง!!!
ดังนั้น ทุกคนต้องกลับไปตรวจสอบตัวเองว่า ซิรอฏอลมุสตะกีมของแต่ละคนนั้นคืออะไร ?
ทุกเรื่องนะพี่น้อง !!! ต้องตรวจทุกเรื่อง แม้นแต่เรื่องอัคลากในครอบครัว อาทิ
– กรณีภรรยาที่ไม่ฏออัตต่อสามี
เมื่อเริ่มสำนึกผิด นึกอยากจะเป็นภรรยาที่ดี ซึ่งการเป็นภรรยาที่ดีในทัศนะของ อัลลอฮ์(ซบ.) ก็คือ สตรีที่ฏออัตต่อสามี เมื่อคิดที่จะทำ สามีพูดอะไรผิดหูเมื่อไหร่ ก็ไม่เอาแล้ว ไม่ทำแล้ว มักจะเกิดอาการ ไม่ได้!! ไม่ยอม!! ลักษณะอย่างนี้ถือว่า ไม่ได้เข้าซิรอฏอลมุสตะกีม
– กรณีสามีที่ไม่รับผิดชอบภรรยา
เมื่อเกิดความสำนึกละอายต่อความชั่ว มีความเกรงกลัวต่อบาป เกิดอยากจะเป็นสามีที่ดีต่อภรรยา การคิดอย่างนี้ คือการที่เราจะเข้าสู่ซิรอฏอลมุสตะกีม
การเปลี่ยนแปลงอันนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย สามีที่มีอำนาจ การที่จะพูดดีต่อภรรยานั้นยากเหลือเกิน
ใครว่าไม่จริงยกมือ !!!
และภรรยาก็เหมือนกัน การที่จะฏออัตต่อสามีก็ยากเช่นกัน
ใครว่าไม่จริงยกมือ !!!
ดังนั้น การกระทำสิ่งที่ถูกต้อง คือ การจะเข้าสู่ซิรอฏอลมุสตะกีม มันไม่ใช่เรื่องง่าย เหตุผลของมันมีมากมาย แต่เหตุผลที่เราจะคุยนั้นคือ ‘ไชฏอน’มันนั่งขวางอยู่ เราต้องข้ามมันไปให้ได้ก่อน
จริงๆแล้ว ยังมีตัวที่น่ากลัวมากกว่านี้ ที่อาเล็มอุลามาอฺ ระดับหนึ่งบอกว่า มันไม่ได้มีตัวเดียว แต่พออิบลิสเข้าไปแล้ว มันมีอีกตัวหนึ่ง ซึ่งใหญ่กว่าตัวแรก มันจะขวางอยู่ในซีรอฏอลมุสตะกีม อันนี้น่ากลัวเป็นอย่างมาก เข้ามาแล้ว เดินมาครึ่งทางแล้วแต่มันขวางอีก เข้าถูกทางแล้ว ถูกถีบออกอีกครั้งหนึ่ง หลุดโค้ง ตกข้างทาง ตกข้างซ้าย ตกข้างขวา
ถ้าพูดเรื่องไชฏอน ผมขอบอก พูดสิบปีก็ไม่จบ………
พวกเราลองฟังดู…ว่า จริงหรือไม่จริง
เบื้องต้น การนมาซ ก็คือ การเข้าสู่ซิรอฏอลมุสตะกีม
มัน(อิบลิส)ทำอย่างไร…ให้การนมาซนี้ ออกจากซิรอฏอลมุสตะกีม ?
คำตอบก็คือ การ โอ้อวด อย่าคิดว่า เรานมาซแล้วมันจะยอมแพ้แล้ว มันเข้าไปทำศึกสงครามกับเราในนนมาซอีก
ถ้ามันทำได้ ก็จะทำให้นมาซนี้ เป็นนมาซของผู้โอ้อวด และมันทำให้ผู้นมาซนั้น กลายเป็นผู้ตะกับบุร แต่อาจไม่ได้ตะกับบุรโดยตรง แต่ก็เข้าไปด้วยความลำพองใจ เมื่อมองคนอื่นไม่นมาซ จะมีความปลาบปลื้มในอิบาดัตของตนเอง
ความลำพองใจ คือ อยู่นอกเส้นทาง ก็นรก เข้าสู่เส้นทางแล้วก็ยังไม่หลุดพ้นนรก ศัตรูตัวนี้นั้นร้ายที่สุด มันไม่ได้เป็นคู่ชกที่จะเอาชนะได้ง่าย ๆนะครับพี่น้อง !!!
لَأَقْعُدَنَّ لَهُمْ صِرَاطَكَ الْمُسْتَقِيمَ
ได้บอกไปแล้วว่า ความหมายอันที่หนึ่ง ซึ่งน่ากลัว อย่าได้ดูเบา
คือ มันขวางไว้ไม่ให้เข้า อย่าคิดไปว่า มันเข้าไปแล้ว มันจะไม่ยุ่งกับเรา ขอบอกว่า มันนั่งอยู่ในซิรอฏฺ และไม่ได้บอกว่า นั่งอยู่บนปากทางด้วย ถ้านั่งอยู่ปากทาง มันก็จะบอกว่า มันจะนั่งอยู่ข้างนอก
แต่นี่มันบอกว่า มันนั่งอยู่ในซิรอฏ คือ ถ้าอธิบายตามความหมายที่สอง จะเป็นความหมายที่สมบูรณ์กว่า ผมไม่ได้บอกว่าอันไหนผิด อันไหนถูกต้อง แต่จะบอกว่าสมบูรณ์กว่าจริงๆ คือ ตราบใดที่ยังไม่ถึงจุดหมายปลายทางในการเดินบน ‘ซิรอฏอลมุสตะกีม’นั้น มนุษย์ไม่มีสิทธิ์มั่นใจอะไรได้เลย
มนุษย์ทุกคนแม้นแต่นบี ซึ่งจริงๆแล้วนบีหลุดพ้นแล้ว แต่นบีต้องการสอนพวกเรา ดุอาอฺบทหนึ่งของรอซูลุลลอฮ์(ศ็อลฯ)
(ربي لاتكلني الى نفسي طرفة عين )
“โอ้พระผู้อภิบาลของฉัน อย่าทิ้งฉันไว้ด้วยตัวฉันเอง แม้แต่เพียงกระพริบตาเดียว)
กระพริบตาเดียว ยังไม่ใช่วินาที วินาทีเดียวมนุษย์สามารถกระพริบตาได้สามสี่ครั้ง อย่าทิ้งฉันไว้กับตัวของฉันเอง แม้แต่เพียงกระพริบตาเดียว แม้แต่เพียงเศษเสี้ยวของวินาทีเดียว เพราะถ้าอัลลอฮ์ทิ้งใครกับตัวเองโดยที่พระองค์ไม่ชี้นำ พระองค์ไม่ดูแล พระองค์ปล่อยเมื่อไหร่ เขาจะเป็นเหยื่อของมารทันที เป็นเหยื่อของซาตานทันที
ทำไม ? เพราะแม้แต่อยู่ใน ‘ซิรอฏอลมุสตะกีม’แล้ว มันก็ไม่ยอม แต่ ‘ซิรอฏอลมุสตะกีม’ของมนุษย์แต่ละคน แต่ละชั้นอาจจะแตกต่างกันไป
จนกระทั่ง ศอฮาบะฮ์ ถามว่า ซิรอฏอลมุสตะกีม คืออะไร?
ท่านนบีกล่าวตอบให้กับระดับสาวก ว่า คือ การนมาซ คือ การถือศีลอด ฯลฯ
จนศอฮาบะฮ์ชั้นใน ชั้นใน ชั้นในเข้ามาอีก ค่อยๆถามกันมาว่า
ซิรอฏอลมุสตะกีม ที่ไชฏอนมันขวางไม่ให้ไปถึง คืออะไร ?
สุดท้ายแล้ว ท่านรอศูลลุลลอฮ์(ศ็อลฯ) ก็กล่าวตอบว่า…
وهو علي ابن ابي طالب
ซิรอฏอลมุสตะกีม คือ อาลี บิน อาบีฏอลิบ
เมื่อ ได้รับคำตอบนี้ เข้าใจเลยพี่น้อง!!!
ถึงแม้นว่า พูดทั้งหมดไม่ได้ ว่า ไชฏอนมันทำถึงขนาดไหน?
– คนบางคน ไชฏอนขวางไม่ให้นมาซ มันขวางไม่ได้
– คนบางคน มันขวางไม่ให้คลุมฮิญาบ มันขวางไม่ได้
– คนบางคน มันขวางไม่ให้อ่านกรุอาน มันขวางไม่ได้
– คนบางคน มันขวางไม่ให้นมาซตะฮัจญุด มันขวางไม่ได้ หลายๆอย่างมันขวางไม่ได้
แต่มันสามารถ ‘ขวาง’คนต่างๆเหล่านี้อย่าไปให้ถึงวิลายัตของ อะลี บิน อะบีฏอลิบ ได้
หมายถึง “มันขวางอย่าให้ไปถึงวิลายัตของอะลี บิน อะบีฏอลิบ”
คำว่า ‘อาลี’ในที่นี้ หมายความว่า แนวทางแห่งอะลุลบัยต์
ผมกำลังจะอธิบายว่า แม้แต่คนนมาซ คนถือบวช คนละหมาดตะฮัจญุด คนทำความดีทุกสิ่งทุกอย่างแล้ว ก็ยังไม่ใช่ ‘ซิรอฏอลมุสตะกีม’ สิ่งต่างๆเหล่านี้อาจจะหลุดโค้งไป เพราะเขาไม่สามารถไปถึง ซึ่งความประสงค์อันยิ่งใหญ่ของอัลลอฮ์ (ซบ.)
นี่คือ อีกหนึ่งในความหมาย ซึ่งอันนี้เราไม่ได้ตัฟซีรกรุอาน เพราะถ้าจะตัฟซีรจริงๆต้องไปในแนวที่บ่งบอก คือ วันปรากฏตัวของท่านอิมามมะฮ์ดี(อ) ต้องเอาฮะดิษ เอากรุอานมาอธิบายทันทีว่า นั่นคือ การตัฟซีรจริงๆ
‘ซิรอฏอมุสตะกีม’หนึ่งในความหมายที่สมบูรณ์ของมัน คือ…
“แนวทางแห่งอะลี อิบนี อาบีฏอลิบ”
ซึ่งอันนี้ จะผ่านยากมาก มันจะไปยาวกว่านั้น ถ้าไม่ยอมรับวีลายัตของท่านอิมาม อาลีอิบนี อาบีฏอลิบ มันยังไม่ทิ้งง่ายๆ บางคนได้เป็นชีอะฮ์แล้ว แต่ยังไม่เข้าใจในตัวแทนของวีลายัต
ถ้ายอมรับวิลายัตท่านอิมามอาลีอิบนี อาบีฏอลิบ มันก็ยังไม่ปล่อยครับพี่น้อง !!!
เป็นชีอะห์แล้วก็ไม่พ้น เพราะ ‘ซิรอฏอลมุสตะกีม’ จะต้องเดินต่อไป มันต้องมานั่งขวางต่อในกิจการที่สำคัญ ขั้นตอนต่อไปของการเป็นชีอะห์ เช่น การปฏิวัติ การยอมรับในเรื่องของวิลายะตุลฟะกิฮฺ เราจึงมีชีอะห์กลุ่มหนึ่ง ที่ติดกับดักของการนั่งขวางอันนี้ ซึ่งอยู่ในโองการที่17
ก็คิดว่า ถ้าพี่น้องอยากฟังการอธิบายอย่างสมบูรณ์ คิดว่าค่อยฟังบทเรียนหน้าก็แล้วกัน
ดังนั้น อินชาอัลลอฮ ท่อนที่เหลือของซูเราะห์อัล-อะรอฟ โองการที่16 เราก็เอาไว้เพียงเท่านี้ก่อน
หลังจากนั้น มันก็ได้บอกถึงวิธีการต่างๆของมัน หลังจากการขวางทางแล้ว ฉันก็จะเข้าโจมตี เข้าหาพวกเขา
(( مِنْ بَيْنِ أَيْدِيهِمْ)) โจมตีเขา จากด้านหน้า
(( وَمِنْ خَلْفِهِمْ ))โจมตีเขา จากด้านหลัง(( وَعَنْ أَيْمَانِهِمْ ))โจมตีเขา จากด้านขวา
ซึ่งเป็นคำพหูพจน์ทั้งหมด
((وَعَن شَمَائِلِهِمْ )) และโจมตีเขาจากด้านซ้าย ก็เป็นพหูพจน์
อินชาอัลลอฮ บทเรียนครั้งหน้า จะอธิบายในเนื้อหานี้
ดังนั้น บทสรุปอันนี้มันท้าทายอัลลอฮ(ซบ.) มันจึงบอกกับพระองค์ว่า …
——————
وَلَا تَجِدُ أَكْثَرَهُمْ شَاكِرِينَ
และพระองค์จะพบว่า ส่วนมากของพวกเขานั้น จะไม่ได้เป็นผู้ที่ขอบคุณ
พระองค์จะไม่มีวันได้พบว่า ส่วนมากของพวกเขาเป็นผู้ที่ขอบคุณ (ผู้ที่ชูโกร)
ความหมายตรงกันข้าม ก็คือ พระองค์จะพบว่า ส่วนมากของพวกเขาเป็นผู้เนรคุณต่อพระองค์
นี่แหละ พวกที่พระองค์ยกขึ้นมาเหนือฉัน
นี่แหละ จากการโจมตีครั้งนี้ของฉัน……..
ซึ่งจะโจมตีทางด้านหน้า โจมตีทางด้านหลัง โจมตีทางด้านซ้ายและโจมตีทางด้านขวา ….
อินชาอัลลอฮ บทเรียนครั้งต่อไป ผมจะอธิบายอย่างละเอียด ว่าด้วยเรื่องการถูกโจมตีทั้งด้านหน้า โจมตีทั้งด้านหลัง โจมตีทั้งข้างซ้ายและโจมตีทั้งข้างขวา
มันคืออะไร และมันโจมตีแบบไหน….
♔•●✺ اللهم صل علی محمد وآل محمد وعجل فرجهم ✺●•♔
%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%
ถอดเทปโดย : Solihah zahra binti Solah
เรียบเรียงโดย : เชคอิบรอฮีม อาแว
ภาพประกอบโดย มูฮัมหมัดฮูซัยนี บิน ซัมซูดีน
%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%