🎈นิซฟูชะอฺบาน 2020 Part 7 วันคล้ายวันประสูติ อิมามมะฮ์ดี (อ) “มหาบุรุษที่โลกรอคอย”
8/4/2563 (ค่ำ 15 ชะอฺบาน 1441) บรรยายพิเศษโดย ฮุจญตุลอิสลามวัลมุสลิมีน ซัยยิด สุไลมาน ฮูซัยนี
🔴 COVID-19 : พลิกมุมคิด วิกฤติหรือโอกาส
ไวรัสโคโรน่า 2019 (COVID-19) เป็นสื่อหนึ่งของอัลลอฮ(ซบ)ในการบำราบ “บรรดามุสตักบิรีน” (บรรดาผู้กดขี่ ผู้อหังการ) ตอนนี้จบแล้ว
ดั่งตัวอย่าง ประเทศอิตาลีที่เคยรุ่งเรือง ที่เคยยิ่งใหญ่มาก่อนประเทศอื่นในทวีปยุโรป ผมรับรองว่า หลังจากวิกฤติไวรัสโคโรน่า 2019 (COVID-19) แน่นอน อิตาลี คือ ประเทศหนึ่งที่เห็นชัดว่า จะไม่เป็นประเทศมหาอำนาจอีกต่อไป และตามมาด้วยบรรดามหาอำนาจอีกหลายๆประเทศก็จะหมดอำนาจลง
หากเป็นเมื่อก่อน อาจนึกภาพไม่ออกว่า เมื่ออิมามมะฮดี(อ)ปรากฏ การต่อสู้แบบธรรมชาติกับบรรดาซาตาน บรรดาทรราชผู้มีอำนาจกดขี่ (มุสตักบิรีน) จะจบไปได้อย่างไร
ทว่าเมื่อวิกฤติไวรัสโคโรน่านี้มาเยือน ผมจึงมองเห็นว่า นอกจากมันไม่ได้เลวร้ายไปทุกอย่างแล้ว มันกลับทำให้เห็นเป็นโอกาส จึงรู้สึกสบายใจ
สมมติว่า ไวรัสโคโรน่านี้ คือ อาวุธหนึ่งที่มาปราบบรรดาชาติผู้กดขี่ทั้งหลาย แต่ก็ไม่มีใครยืนยันว่า ไวรัสโคโรน่านี้ คือ อาวุธที่ร้ายแรงที่สุดของอัลลอฮ (ซบ.) เพราะหากมองโคโรน่าเป็นเกมส์ อาจเป็นเพียงอาวุธเล็กๆชิ้นหนึ่งก็เป็นได้ และถ้าวันใดเจอที่แรงกว่านี้ อะไรจะเกิดขึ้น
อย่างไรก็ตาม ก่อนจะเกิดวิกฤติไวรัสโคโรน่านี้ อิหร่านก็กล้ายิงขีปนาวุธใส่อเมริกาแล้ว (ไม่ขอลงรายละเอียด) ทว่าตอนที่ยังไม่ง่อยเปลี้ยเสียขา เรายังไม่รู้ว่าวิกฤตินี้จะจบอย่างไร แต่เมื่อวันนี้มาถึง เราก็เริ่มมองออกแล้วว่า อำนาจการต่อรองนั้น มันจะไม่ได้เปรียบกันมากมายอีกต่อไป
บริบทนี้ชี้ให้เห็นว่า หากยืนหยัด ดำเนินชีวิตด้วยความศรัทธอย่างแท้จริง ฝ่ายธรรมะก็สามารถต่อกรกับฝ่ายมารได้ และนี่คือความหมายที่ว่า แม้แต่การมองวิกฤตการณ์ ในยามนี้ เราก็ต้องมองอย่างมีมะรีฟัต เพราะการมีมะรีฟัตที่แท้จริง จะนำไปสู่การเกี่ยวข้องกับอิมามประจำยุคสมัยของเรา
ดังนั้น ด้วยกับสถานการณ์จากวิกฤติโคโรน่า จึงทำให้เราสามารถมองเห็นได้ว่า เป็นเรื่องที่ไม่ยาก ที่อิมามจะปรากฏตัว มาต่อสู้กับอำนาจของบรรดามารทั้งหลาย
นี่ก็คือ การดำเนินชีวิตแบบมีมะรีฟัต
🔴 ชีอะฮ์ที่แท้จริงของบรรดาอิมาม
อีกตัวอย่างหนึ่ง ซึ่งก็เป็นตัวอย่างประจำยุคของเรา หลายคนคงได้ยินว่า ในยุคสมัยก่อน มีคนถามท่านอิมามญะฟัร อัซศอดิก (อ) ท่านอิมามซัยนุลอาบีดีน(อ) ท่านอิมามมูซา อัลกาซิม(อ) และอิมามท่านอื่นๆ ว่า ทำไมท่านไม่ลุกขึ้นสู้กับฏอฆูต ทั้งๆที่มีลูกน้องเป็นหมื่น เป็นแสน เป็นล้านคน
👉🏻 ท่านอิมามญะฟัร อัซศอดิก (อ) ท่านอิมามซัยนุลอาบีดีน(อ) ท่านอิมามมูซา อัลกาซิม(อ) รวมทั้งบรรดาอิมามทั้งหลาย ได้สำแดงและกล่าวว่า “ไม่ต้องมีเป็นหมื่น เป็นแสน เป็นล้านหรอก สำหรับฉันมีชีอะฮ์ที่แท้จริงเพียง 7-8 คน ฉันก็จะยึดโลกนี้ให้พวกเจ้าได้ดู
นี่คือ สิ่งที่อิมามทุกคนพูดในอดีต
แน่นอน มีบันทึกในรายงานว่า อิมามญะฟัร อัซศอดิก (อ) ท่านอิมามซัยนุลอาบีดีน(อ) ท่านอิมามมูซา อัลกาซิม(อ) เคยพูด ซึ่งเมื่อก่อน เราเคยอ่านรายงานที่อิมามพูดว่า ถ้าฉันมีชีอะฮ์แค่ 7 คน (บางท่านบอก 8 บางท่านบอก 9 คน ) ฉันจะยึดโลกให้เจ้าได้ดู
🔶 สาระศึกษา
หากเราพิจารณาคำพูดของอิมาม จะเห็นได้ว่า มีชีอะฮ์ที่แท้จริง 8 คน ยิ่งอิมามเน้นว่า มีชีอะฮ์ที่แท้จริง 7 – 8 คน ก็สามารถยึดโลกนี้ได้
ทว่าจริงๆแล้ว เราก็รู้ว่า การเป็นชีอะฮ์ที่แท้จริง ไม่ได้เป็นกันง่ายๆเพราะยุคสมัยในอดีต วันนั้นยังไม่มีคำตอบ แต่เราก็มองหา ครั้นเมื่อเริ่มมีวิวัฒนาการจากการมองหาไปเรื่อยๆ เราเห็น อิมามโคมัยนี(รฎ.) ปรากฏตัว ถึงกระนั้นก็ยังไม่รู้และยังไม่สามารถอธิบายได้ แต่เราก็ยังมองหาไปเรื่อยๆ จนได้เห็น อยาตุลลอฮซัยยิดอาลี คาเมเนอี ปรากฏตัว และต่อมา เราเห็น ซัยยิดฮาซัน นัศรุลลอฮ ก็เริ่มปรากฏตัวขึ้นมา
🔶 ข้อสังเกตุ
หลังจากการปรากฏตัวของนักต่อสู้ ท่านที่ 1 อิมามโคมัยนี(รฎ.) ท่านที่ 2 อยาตุลลอฮซัยยิดอาลี คาเมเนอี ท่านที่ 3 ซัยยิดฮาซัน นัศรุลลอฮ ฮิสบุลลอฮ์
ต่อมา เราเห็นบรรดานักสู้เริ่มทยอยกันมา ท่านที่ 4 นายพลกอซิม สุไลมานี, ท่านที่ 5 ซัยยิดอับดุลมาลิก (ฮูซีแห่งเยเมน ) , ท่านที่ 6 นักต่อสู้ในอิรัก อยาตุลลอฮซิสตานี ผู้นำในอิรัก ซึ่งท่าน คือ ผู้สถาปนากองทัพฮาชดฺชาบี(Hashd Shaabi) แห่งอิรัก และ ท่านที่ 7 อิมาดมุฆนียะฮ์
จะเห็นได้ว่า การปรากฏของนักต่อสู้ เพียง 7 ท่านนี้ ก็สามารถป่วนโลกแห่งซาตานได้ ซึ่งถ้าชีอะฮ์ที่แท้จริง มาครบ 8 ท่าน แน่นอนสามารถยึดโลกได้ทันที
บทสรุป บริบทข้างต้น คือ การมองสถานการณ์อย่างมีมะรีฟัต ทว่าทั้งนี้ต้องทำความเข้าใจด้วยว่า การเป็นชีอะฮ์ที่แท้จริงนั้น ไม่ได้เจาะจงไปยังผู้หนึ่งผู้ใด เพราะอิมามหลายท่าน บอกไม่เหมือนกัน แต่เป็นการชี้ให้เห็นในภาพรวม บางอิมามบอก 7 ท่าน บางอิมามบอก 8 ท่าน บางอิมามพูด 5
ดังนั้น การจะเป็นบุคคลใดที่อยู่ใน 7- 8 คน ที่อิมามพูดถึงนั้น เราก็จะต้องมาพิจารณากันเองว่า นักต่อสู้ในยุคของเราหรือในยุคปัจจุบัน ใครบ้างที่ควรจะได้รับตำแหน่งชีอะฮ์ที่แท้จริง ตามนัยยะที่บรรดาอิมามหมายถึง
ข้อบ่งชี้ การมองสถานการณ์อย่างมีมะรีฟัตในเรื่องดังกล่าวนั้น ถือว่าเป็นไปได้ เพราะวันนี้เราเห็นแล้วว่า ผลจากปรากฏตัวของมุสลิม 7-8 ท่านนี้ สามารถเขย่าโลกได้ เพราะแม้กระทั่งทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ผู้อหังการ ยังไม่กล้าประกาศสงครามกับอิหร่าน และ ผู้นำอังกฤษ และประเทศมหาอำนาจอีกหลายประเทศอีกเช่นกัน ต่างก็ปวดหัว และวิตกกังวลอย่างหนัก
🌹ท่านอิมาม ซัยยิดอาลี คาเมเนอี : ชี้เป็นนัยว่า การปรากฏตัวของอิมามมะฮ์ดี(อ) ใกล้แล้ว
ล่าสุดในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม อยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้ชี้เป็นนัยๆว่า การปรากฏตัวของอิมามมะฮ์ดี(อ)ในยุคอันใกล้นี้ ใกล้มากแล้ว โดยท่านได้ย้ำว่า การปรากฏตัวของผู้มาโปรดนี้ ใกล้มากแล้ว ใกล้มากแล้ว ใกล้มากแล้ว !!!
ตามที่ทราบกันดีว่า บรรดาสาวกผู้ช่วยเหลือของท่านอิมามมะฮ์ดี (อ)นั้น มีจำนวน 313 คน ดังนั้น เกี่ยวกับเรื่องนี้ แค่เรามีมะรีฟัต เราก็จะรู้ว่า โลกปัจจุบันนี้ เรามีตัวหลักๆใหญ่ๆ จำนวนเพียง 8-9 คน ยังสามารถยิงขีปนาวุธใหญ่ๆ เข้าไปในฐานทัพสหรัฐฯในอิรักได้
จะเห็นได้ว่า หลังจากการประเมินอย่างถูกต้องจากตัวหลักๆของฝ่ายเรา บ่งบอกถึงการยืนหยัดของชีอะฮ์เราในวันนั้นมีผลต่อภูมิภาค แม้แต่ในศูนย์กลางที่อยู่นอกเหนือภูมิภาคในสถานการณ์ ก็มีความสามัคคีกันระหว่างซุนนี-ชีอะฮ์มากที่สุด ด้วยเหตุผลนี้จึงทำให้สหรัฐฯไม่กล้าตอบโต้
หากจะกล่าวโดยสรุป ปัจจุบันนี้มีชีอะฮ์ที่แท้จริงที่สมบูรณ์ เพียง 8-9 คน พลานุภาพเป็นได้ถึงขนาดนี้ แต่ถ้าวันใดที่อิมามมะฮ์ดี(อ)ปรากฏตัว จะมีผู้รอคอยที่เป็นตัวหลักมาช่วย จำนวน 313 คน และจะมีกองทัพของมุชรีกีน เข้าสนธิกำลังมาช่วยอีกประมาณ 20-30 ล้านคน
และด้วยกับบริบทข้างต้น จึงทำให้เรามองเห็นทุกอย่างทะลุปรุโปร่งว่า การสงครามของชาติมหาอำนาจผู้กดขี่นี้ ไม่ได้น่ากลัว สำหรับกองทัพธรรมแต่อย่างใด เพียงแต่เราจะต้องมีมะรีฟัต ต่อเรื่องราวของอิมามประจำยุคสมัยของเราอย่างแท้จริง
ดังนั้น ก่อนที่เราจะเผชิญหน้าและทำการต่อสู้กับผู้กดขี่ จำเป็นจะต้องฝึกการยืนหยัดและความอดทน และเฉพาะผู้ที่ผ่านการทดสอบในขั้นตอนต่างๆ ไปได้ด้วยความภาคภูมิใจเท่านั้นที่สามารถคงอยู่เคียงข้างอิมามประจำยุคของเรา จนถึงบั้นปลายสุดท้ายแห่งชีวิต
โปรดติดตาม Part 8
اللهم صل علی محمد وآل محمد وعجل فرجهم
เรียบเรียงโดย : Wanyamilah S.✍🏻
ถอดบทความโดย อามีนิลลา หะยีซอ