อิมามโคมัยนี (รฎ) “บิดาแห่งจิตวิญญาณ”

2500

งานสัมมนาวิชาการ วาระครบ 26 ปี การอสัญกรรมของอิมามโคมัยนี (รฎ.)

อิมามโคมัยนี (รฎ)”บิดาแห่งจิตวิญญาณ” ผู้สร้างพลังการตื่นตัวและเอกภาพของโลก

วันอาทิตย์ที่ 7 มิถุนายน 2558

ณ ห้องประชุมสปอร์ตแอนด์สปา รามคำแหง 190/1 กรุงเทพฯ
♔♔♔♔♔♔♔♔♔♔♔♔♔♔♔♔

♔ أَعُوْذُ بِاللهِ مِنَ الشَّيْطَانِ الرَّجِيْمِ ♔

♔♔ بسم الله الرحمن الرحيم ♔♔

♔♔ اللهم صل على محمد وال محمد♔♔

♔ الْحَمْدُ لِلَّهِ♔

 

ขอชูโกรในเนี๊ยะมัต เตาฟีกและฮีดายะฮ์ ต่อพวกเราที่มีโอกาสได้ร่วมรำลึกในวาระพิเศษถึงมหาบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ เบื้องต้นเราได้ฟังวิทยากรหลายท่านบรรยายมาตลอดทั้งวัน จะเห็นได้ว่ามีข้อสรุปร่วมกันประการหนึ่ง คือ เรากำลังพูดกันถึงมหาบุรุษท่านหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์

ซึ่งหากพิจารณาจากมุมมองของมุสลิม คงกล่าวได้ว่า ยกเว้นบรรดาศาสดาแล้ว ถือว่าท่านอิมามโคมัยนี(รฎ.) เป็นมหาบุรุษที่ไม่อาจนำมหาบุรุษใดในโลกนี้มาเปรียบเทียบได้อีกแล้ว

นี่คือ หัวใจหรือประเด็นสำคัญที่เกี่ยวข้องกับอิมามโคมัยนี (รฎ.) เราไม่ได้มองท่านเพียงในมุมเป็นหนึ่งในนักปฏิวัติท่ามกลางนักปฏิวัติทั้งหลาย เพราะนักปฏิวัติในประวัติศาสตร์โลกนี้นั้นมีมากมาย บางคนถูกสรรเสริญในยุคสมัยหนึ่งแล้วจึงค่อยๆถูกลืมเลือนหรือบางคนอาจกลับถูกก่นด่า สาปแช่ง จากคนรุ่นหลัง

ตัวอย่าง

เหมาเจอตุง ในช่วงแรกเมื่อปฏิวัติสำเร็จเป็นมหาบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ของโลก แต่เมื่อวันเวลาผ่านไป ผู้คนเริ่มลืมเลือน ความเข้มข้นค่อยๆจืดจางและกลายเป็นคำสาปแช่ง ทำให้สิ่งที่เหมาเจอตุงนำมา กำลังถูกส่งคืน
อีกตัวอย่าง เช่น เชกูว่าร่า จากลาตินอเมริกา เคยเฟื่องฟูในยุคสมัยหนึ่ง วันนี้เราเห็นอยู่ท้ายรถสิบล้อเสียแล้ว หรือท่าน มหาตมะ คานธี แม้จะยิ่งใหญ่ซักเพียงใด ซึ่งผลงานของท่านก็ยิ่งใหญ่ แต่เมื่อกาลเวลาผ่านไป ก็ถูกลืมเลือนเช่นกัน
บรรดานักปฏิวัติในโลกนี้ไม่ว่าจะเป็นการปฏิวัติรูปลักษณะใด มีเนื้อหาและเป้าหมายเช่นไร สุดท้ายก็จะถูกลืมเลือน กลายเป็นเรื่องราวบนหน้ากระดาษของวิชาประวัติศาสตร์ในเวลาต่อมา
พิจารณาประเด็นตามหัวข้อในการเสวนากันครั้งนี้ คือ อิมามโคมัยนี(รฎ)ในสถานภาพ “บิดาแห่งจิตวิญญาณ” ถือเป็นเรื่องสำคัญมาก คงจะกล่าวโดยละเอียดไม่ได้ ด้วยเวลาเพียงน้อยนิด
เบื้องต้น ขอยกสัก 2 ฮะดิษเพื่อเราจะได้รู้จักท่านอีมามโคมัยนี(รฎ.)ในอีกมุมมองหนึ่ง ซึ่งเราอาจรู้กันมาบ้างแต่ก็ยังไม่มีการนำเสนออย่างสมบูรณ์ เพราะค่อนข้างจะท้าทายต่อการรับรู้ของสังคม แม้นบรรดาอาเล็มอุลามาอฺทุกท่านรู้ดี แต่ไม่ใคร่ต้องการพูดในรายละเอียดให้ชัดเจนมากนัก ซึ่งมีเหตุผลหลายๆประการด้วยกัน
ในข้อเท็จจริงเราเคยมีอะเล็มอุลามาอฺ ที่ยิ่งใหญ่หลายท่าน แต่เมื่อรวมความยิ่งใหญ่ของอะเล็มอุลามาอฺที่มีอยู่ในโลกนี้แล้ว ไม่มีใครยิ่งใหญ่เท่ากับท่านอิมามโคมัยนี (รฎ) เป็นคำพูดที่เราท่านอาจเคยได้ยิน โดยเฉพาะ นักเรียนศาสนาทุกคนที่อยู่ในการประชุมเมื่อวานนี้

untitled-0229

ท่านอายาตุลลอฮฺ อัคตารี ได้บรรยายพิเศษ ท่านได้พูดอย่างหนักแน่น ว่า…

“ นอกจาก ( (أنبياء أولى العزم))’อัมบียาอฺอุลิลอัซมี’ แล้ว ไม่มีใครมาเปรียบเทียบกับอิมามโคมัยนี (รฎ) ได้ ”

บรรดาอาเล็มอุลามาอฺพูดประโยคนี้ เพื่อให้มุสลิมและโลกทั้งผองได้รู้จักว่า โคมัยนี คือใคร

kkk

โคมัยนี คือ ใคร ?

ข้อเท็จจริง ( (أنبياء أولى العزم)) “อัมบียาอฺอูลิลอัศมี” เรามีเพียง 5 ท่านเท่านั้น หมายถึง ท่านนบีนุฮฺ(อ) ท่านอิบรอฮีม(อ) ท่านนบีมูซา(อ) ท่านนบีอีซา(อ) และท่านนบีมูฮำหมัด(ศ็อล)

การที่ท่านย้ำว่า “นอกจากอัมบียาอฺ 5 ท่านแล้ว อิมามโคมัยนี(รฎ.)ไม่ได้เล็กไปกว่าผู้ใด ท่านไม่ได้เล็กไปกว่าศาสดาหนึ่งศาสดาใด ทั้งๆที่ท่านนั้นไม่ใช่ศาสดา”
มีข้อพิสูจน์ในประเด็นนี้มากมาย และเป็นเหตุผลหนึ่งว่า ทำไมการรำลึกนี้ นับวันจะยิ่งใหญ่และเป็นนิรันดร์ เพราะนี่คือภารกิจการปฏิวัติของอุลามาอฺ ไม่ใช่การปฏิวัติของนักเคลื่อนไหวทางการเมืองหรือสังคมที่มีเป้าประสงค์อย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้น แต่เป็นการต่อสู้อย่างเข้มข้นทุกด้าน ซึ่งแม้แต่คำว่า “ปฏิวัติ” ยังถือว่าด้อยไปสำหรับการต่อสู้ของบุคลากรในลักษณะนี้
ถึงเราจะมองอิมามโคมัยนี(รฎ) คือ อุลามาอฺคนหนึ่ง แต่ไม่ใช่แบบทั่วไป เพราะอุลามาอฺมีมากมายแต่ท่านเป็นอุลามาอฺพิเศษ เป็นผู้ที่อยู่ในสถานภาพสูงส่ง เป็นดั่งเช่นที่บรรดาศาสดาพูดถึง
โดยเฉพาะท่านนบีมูฮัมหมัด(ศ็อลฯ)ของเราได้กล่าวไว้เกี่ยวกับอุลามาอฺ​ ซึ่งมีฮะดิษอยู่มากมาย แต่ขอนำเสนอเพียงสองฮะดิษเท่านั้น เพื่อที่เราจะได้รู้จักท่านอิมามโคมัยนี(รฎ)ในสถานภาพอันสูงส่ง

ฮะดิษที่ 1

เป็นฮะดิษที่ได้รับการยอมรับอย่างเอกฉันท์ทั้งพี่น้องสายอะห์ลิลซุนนะห์และพี่น้องทางสายชีอะห์อีมามิยะห์ ความว่า ท่านนบีได้กล่าวว่า…

( العلماء ورثة الأنبياء ) (อัลอุลามาอฺวารอซาตุลอัมบียาอฺ)

“อุลามาอฺคือ ทายาทของบรรดานบี”

ผู้ที่มีความรู้สูงสุด ความรู้สูงส่ง ในอิสลาม เรียกว่า ‘อุลามาอฺ’
และ ทำไมถึงใช้คำว่า “อัมบียาอฺ” ซึ่ง อัมบียาอฺเป็นคำหูพจน์ หากจะแปลว่า ทายาทของทุกๆศาสดาก็ไม่ผิด แต่เวลาไม่อำนวยที่จะอธิบายโดยละเอียด จึงขอทำความเข้าใจพอสังเขปก่อน
อุลามาอฺ ณ ที่นี้ มิได้หมายถึง “บรรดานบี หรือ รอซูล” แต่เป็นบุคคลที่มีความรู้ในเรื่องของคำสั่งสอนของบรรดาศาสดาหนึ่งๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอุลามาอฺในอุมมัตของท่านนบีมูฮำหมัด(ศ็อลฯ) ยังมีสถานะเป็น…

( ورثة الأنبياء ) “ วารอซาตุลอัมบียาอฺ ”

แม้จะมีการถกเถียงกันในเชิงวิชาการอยู่บ้างในความหมายฮะดิษที่ยอมรับกันโดยเอกฉันท์ แต่มีความพยายามที่จะอธิบายบิดเบือนหรือให้ข้อจำกัด เช่น บางคนบอกว่า เป็นทายาทของความรู้เท่านั้นไม่รวมเรื่องอื่นๆ ซึ่งในตัวฮะดิษไม่ได้ระบุยืนยันว่า เป็นความรู้เพียงประการเดียว แต่ในทัศนะของอาเล็มอุลามาอฺอีกกลุ่มหนึ่ง โดยเฉพาะในสายชีอะห์อิมามิยะห์อธิบายว่า เป็นทายาทในทุกๆเรื่อง หมายความว่า ศาสดามีภารกิจใด อุลามาอฺที่เป็น( ورثة الأنبياء ) “วารอซาตุลอัมบียาอฺ” ก็มีภารกิจเช่นนั้น

ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ในแต่ละยุคสมัย หากในยุคสมัยที่ตนดำรงอยู่สถานการณ์เรียกร้องให้ปฏิบัติภารกิจใด เขาก็มีหน้าที่ในการปฏิบัติเช่นนั้น เขาก็คือ ทายาทอย่างเป็นทางการ

เราจะเห็นได้ว่า ภายหลังจากการปฏิวัติของท่านอิมามโคมัยนี (รฏ) ประสบความสำเร็จ อาเล็มอุลามาอฺเรียกท่านว่า…

“อิบรอฮีม อิบรอฮิมี่” หมายถึง ทายาทของท่านนบีอิบรอฮีม ผู้มาปราบเจว็ด
ภารกิจของท่าน คือ ภารกิจเดียวกับท่านนบีอิบรอฮีม (อ.) คือ ปราบบรรดาเจว็ด
ขอให้ทำความเข้าใจเพิ่มเติมว่า อิมามโคมัยนี(รฎ)ทำการปฏิวัติทุกด้าน มิใช่เพียงแค่ปฏิวัติสังคม ในเชิงการปลดแอกสังคมอิหร่านให้พ้นจากการปกครองของชาร์เท่านั้น โดยเฉพาะวิถีในการดำเนินชีวิตของมนุษย์ แม้แต่การทำอิบาดัตในทุกเรื่อง เช่น ปฏิวัติการทำฮัจญ์

“ ปฏิวัติการทำฮัจญ์ ”

ท่านได้เรียกร้องไปสู่การทำฮัจญ์แบบท่านนบีอิบรอฮีม(อ) ภายหลังจากนั้นจึงถูกเรียกว่า “ฮัจญ์อิบรอฮีมี” เท่ากับท่านได้ทำภารกิจ หน้าที่ของศาสดาองค์หนึ่ง

อาเล็มอุลามาอฺบางท่านกล่าวว่า ท่าน คือ มูซาแห่งยุคสมัย เพราะท่านมาล้มฟิรอูน ณ วันนั้น “ ชาร์ปาเลวี ” เปรียบเหมือน “ฟิรอูน”แห่งยุคสมัย และยังมีภารกิจอื่นๆอีกมากมายที่เป็นภารกิจเดียวกับบรรดาศาสดาต่างๆ

ดังนั้น คำว่า (( العلماء ورثة الأنبياء )) “อัลอุลามาอฺวารอซาตุลอัมบียาอฺ” อูลามาอฺคือ ทายาทของบรรดาอัมบียาอฺ

สำหรับสายธารชีอะห์อิมามิยะห์ มิได้ให้คำจำกัดความ เรื่องของ “ความรู้” ว่า คือ อัล-กีตาบ หรือตำรา หรือ สอนวิชาการอัลกุรอาน มิใช่มีเพียงเท่านี้ แต่มาทำทุกภารกิจที่บรรดาศาสดาได้ทำไว้ และเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำไมท่านนบี จึงใช้คำว่า “อัมบียาอฺ” เป็นคำพหูพจน์ และยังมีอีกหลายเรื่องราว ที่สามารถนำมาอธิบายเปรียบเทียบ เพื่อให้เข้าใจประเด็น ที่นำเสนอว่า ท่านอิมามโคมัยนี(รฏ) นั้น ไม่ได้ด้อยกว่าอัมบียาอฺจำนวนหนึ่ง
ซึ่งเป็นมุมมองทางจิตวิญญาณ เราไม่ได้มองท่านในด้านรัฐศาสตร์หรือนักปฏิวัติสังคม การเมืองการปกครอง เพียงด้านเดียว

อิมามโคมัยนี(รฎ)นำมาซึ่งการปฏิวัติเปลี่ยนทุกสิ่งทุกอย่าง

เมื่อเรารู้ว่า ท่านเป็นทายาทของบรรดาอัมบิยาอฺ ภารกิจของท่าน บางครั้งผลสำเร็จนั้น จึงสูงกว่า บรรดานบีบางองค์
นอกเหนือจากฮะดิษที่ท่านนบีได้กล่าวว่า….
อุลามาอฺ คือ ทายาทของบรรดานบีทั้งหลาย ควรต้องแปลว่า “ทั้งหลาย” เพราะเป็นคำพหูพจน์ ท่านนบีของเราได้กล่าวฮะดิษอีกบทหนึ่ง ที่ยิ่งใหญ่ และมีในสายรายงานทั้งซุนนี่และซีอะห์เช่นกัน

ฮะดิษที่ 2

ท่านนบีได้กล่าวไว้ว่า….(( العلما في امتي افضل من الانبيأ بني اسرائيل))
“อัลอุลามา ฟีอุมมาตี อัฟฎอลุมิน อัมบียาอฺ บนีอิสรออีล))

ขอให้สังเกตและจดจำว่า ฮาดิษบทแรกข้างต้น กล่าวเพียง “อูลามาอฺ เป็นทายาทของบรรดานบี” เพื่อให้เราทำความเข้าใจและชี้ให้เห็นว่า

– วันหนึ่งเจ้าจะได้พบเจอกับอาเล็มอุลามาอฺแบบนี้
การสูญเสียนบี(ศ็อลฯ)เป็นการสูญเสียที่เราได้รับผลทดแทนที่ยิ่งใหญ่เช่นกัน ถึงแม้นนบีได้จากไปแล้ว แต่ทายาทของท่านนั้น…. (( العلما في امتي افضل من الانبيأ بني اسرائيل))
“อัลอุลามาฟีอุมมาตีอัฟดอลุมอัมบียาอฺ บนีอิสรออีล”

ความว่า “อูลามาอฺที่มาจากอุมมัตฉันนั้น ประเสริฐกว่านบีแห่งบนีอิสรออีล”

อุลามาอฺในอุมมัตของฉัน เฉพาะนบีมูฮัมหมัด(ศ็อลฯ) มิใช่อูลามาอฺทุกยุคทุกสมัยแล้ว

untitled-0181

อะไร คือ ความยิ่งใหญ่ของอิมามโคมัยนี(รฎ)

ท่านนบีมูฮัมหมัด(ศ็อลฯ)กล่าวว่า อุลามาอฺในอุมมัตของฉัน หมายถึง อุมมัตของท่านนบีมูฮัมหมัด(ศ็อลฯ)เท่านั้น ไม่รวมอุมมัตของศาสดาท่านอื่น มีความประเสริฐกว่าอัมบียาอฺแห่งบนีอิสรออีล

หากในเชิงวิชาการ เรียกว่า เป็น “มุตลัก”

แน่นอนหากบรรดากลุ่มพวก ตักฟีรี รับรู้ คงมีงานในการต่อต้านให้ทำอีกมาก เพราะทัศนะที่มาจากความต้อยต่ำทางสติปัญญาและวิชาการนั้น ไม่สามารถจะเข้าใจ เรื่องต่างๆเหล่านี้ได้ แต่จำต้องนำเสนอ เพื่อความกระจ่าง
หากเราพินิจพิเคราะห์ว่า คำว่า ประเสริฐกว่านบีจากบนีอีสรออีล ประเด็นนี้ นบีจากบนีอิสรออีลมีใครบ้าง ?

คำตอบ มีเพียงสองท่าน คือ

นบีอีซา(อ)และนบีมูซา(อ) ท่านเป็นนบีที่มาจากบนีอิสรออีลและเป็น ( اولو العزم )“อุลิลอัศมฺ”
ตามฮะดิษ นบีของเรากล่าวว่า ในอุมมัตองฉันนั้น มีอุลามาอฺ จะแปลว่า คนหนึ่งหรือกลุ่มหนึ่งนั้น มีความประเสริฐ(อัฟฎอล)กว่าอัมบียาอฺแห่งบนีอิสรออีล
หลักการเหตุผล ที่พยายามอธิบายว่า ทำไม อุลามาอฺบางท่านเรียกท่านว่า “อิบรอฮีมผู้มาล้มเจว็ดหรือ มูซาผู้มาล้มฟิรอูน”

นี่คือ สถานภาพของท่านอิมามโคมัยนี (รฏ)

หากตั้งคำถามต่อว่า รู้ได้อย่างไรว่า อุลามาอฺ ในฮะดิษนี้ คือ อิมามโคมัยนี(รฎ)

คำตอบ คือ รู้จากคำบอกกล่าวของท่านนบี นั้นเอง ว่า มีอุลามาอฺคนหนึ่งหรือกลุ่มหนึ่งจะปฏิบัติเช่นนี้

ถ้าเราไม่มอบให้ท่านอิมามโคมัยนี(รฎ) เราจะมอบให้ใคร?

มีอุลามาอฺคนไหนอีกไหม ที่จะเหมาะสมที่จะรับตำแหน่งนี้ ถ้าไม่ใช่อิมามโคมัยนี(รฎ)

ข้อเท็จจริงมีรายละเอียดอีกมากมายที่ยืนยันโดยอาเล็มชั้นสูง แม้แต่บรรดามัรญิอฺก็บอกว่า ท่านอีมามโคมัยนี(รฎ)เป็นมหาบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ ผู้มาตามลายแทง ตามคำพยากรณ์

หากถามต่ออีกว่า สถานภาพของอุลามาอฺแบบนี้จะหมดไปไหม? หมายถึงไม่มีแล้ว จนถึงวันกียามัต

คำตอบ คือ ไม่ เพราะในสถานภาพเดียวกันนี้ ผู้เป็นทายาทแห่งศาสดา ผู้ยิ่งใหญ่กว่าศาสดาแห่งบนีอิสรออีลจำนวนหนึ่งนั้น ภายหลังการจากไปของท่านอีมามโคมัยนี(รฎ) ตำแหน่งนี้ก็ถูกมอบต่อให้กับท่านอิมามคาเมเนอีย์

untitled-0225
คำถาม ถ้ามีเวลาอีก 5 นาทีโลกจะแตก อยากจะพูดอะไรที่เกี่ยวกับหัวข้อดังกล่าวนี้??

คำตอบ เมื่อท่าน คือ ตัวแทนอันแท้จริง ชอบธรรมและสมบูรณ์ของบรรดาศาสดา

เราจะเห็นได้ว่า ภารกิจของท่านอิมามโคมัยนี(รฎ)หรืออิมาม คาเมนีอีย์ ผู้นำคนต่อมานั้น ไม่ได้ต่างอะไรกับภารกิจของบรรดาศาสดา

โดยศาสดาทุกองค์มีภารกิจหลักที่สำคัญตามที่อัลกุรอานยืนยันว่า ศาสดาแต่ละองค์มีภารกิจหลักและภารกิจรอง

ในด้านภารกิจหลักนั้นไม่แตกต่างกัน แต่ภารกิจรองอาจแตกต่างกันบ้าง อัลกุรอานยืนยันประเด็นนี้ว่า

ولقد بعثنا في كل امة رسولا

(วาลาก๊อด บาอัสนา ฟี กุลลีอุมมาติน รอซูลา)

และฉันได้ส่งไปยังทุกๆประชาชาติ คือ รอซูล คือ ศาสดา
(ในซูเราะห์ นะหฺล โองการ 36)

เป็นการยืนยันให้รับรู้เบื้องต้นว่า แท้จริงแล้วทุกกลุ่มชนของมนุษยชาตินั้น อัลลอฮ (ซบ)ได้ทรงส่งศาสดาไปยังพวกเขาทั้งหมดแล้ว

ต่อจากนั้นอัลลอฮ(ซบ)จึงแจ้งว่า สาส์นของทุกๆศาสดา คือ

(( أَنِ اعْبُدُوا اللَّهَ وَاجْتَنِبُوا الطَّاغُوتَ ۖ))

((อาเนี๊ยะบุดุลลอฮฺ วัจญฺตานีบุตฏอฆูต ))
ภารกิจที่เหมือนกันทั้งหมดของทุกๆศาสดาคือ นำมนุษย์เข้าสู่การภักดีต่ออัลลอฮ(ซบ)คือ เรียกร้องมนุษย์สู่อัลลอฮ(ซบ)เท่านั้น และ

( واجتنبوا الطاغوت ) )”วัจญฺตานีบุตฏอฆูต” คือ นำมนุษย์ออกห่างจากฏอฆูต หากอธิบายคงต้องใช้เวลาพอสมควร …..
ดังนั้น ขอสรุปสั้นๆว่า บรรดาบุคคลากรเหล่านี้ ไม่มีเหนียตหรือเจตนารมณ์อื่นใดในการเชิญชวนมนุษย์ หากบรรดาศาสดามีเจตนารมณ์เช่นใด บรรดาอาเล็มอุลามาอฺ เหล่านี้ก็มีเจตนารมณ์เช่นนั้น เป็นสิ่งเดียวกัน ไม่ได้หวังในสิ่งตอบแทน ไม่ว่าจะเป็น อำนาจในการปกครอง หรือยศถาบรรดาศักดิ์
อิมามโคมัยนี (รฎ) สามารถกระชากกษัตริย์ชาร์กระเด็นออกจากบัลลังค์ยูงทอง ฉะนั้นท่านควรจะต้องได้นั่งบนบัลลังค์หงษ์ทองหรืออื่นๆที่ยิ่งใหญ่กว่า แต่ท่านไมได้แยแสต่อสิ่งเหล่านั้นเลย ท่านกลับไปอยู่บ้านที่มีความกว้างเพียงน้อยนิด บนเนื้อที่เพียง 120 ตารางเมตร

ท่านอิมามโคมัยนี(รฎ)เป็นผู้นำปฏิวัติที่ยึดบรรลังค์ยูงทองออกมาได้ กลับใช้ชีวิตอยู่ในบ้านที่มีความกว้างยาวทั้งหมดรวมทั้งรั้วเบ็ดเสร็จแล้วไม่เกิน 120 ตารางเมตร ถ้าใครเคยไปบ้านอิมามโคมัยนี(รฎ)แล้ว จะต้องหลั่งน้ำตาในความสมถะของผู้ยิ่งใหญ่ระดับนี้
นี่คือ คุณลักษณะของศาสดา

 

บั่นปลายชีวิตท่านนบีมูฮัมหมัด (ศ็อลฯ)

 

ท่านนบีมูฮัมหมัด (ศ็อลฯ) ในบั่นปลายชีวิต รีวายัตทั้งฝ่ายซุนนี่และชีอะฮ์บันทึกกันมา มีข้าวสารเหลือเพียงหยิบมือ กินบนเสื่ออินทผาลัม ทั้งๆที่อาณาจักรอิสลามในวันนั้นครอบคลุมถึงเยเมน อียิปต์ และกำลังขยายไปถึงประเทศที่ยิ่งใหญ่ แต่ผู้ที่เป็นเจ้าอาณาจักรนั้น กลับนอนบนเสื่ออินทผาลัม มีบ้านเพียงหลังเล็กๆ
เพราะเหตุอะไร ?
เพราะเป็นการปฏิวัติของอัมบียาอฺ มิได้ปรารถนาสิ่งใด…มุ่งหวังเพียงอัลลอฮ(ซบ)

ทุกนบี(( “لا اسالكم عليه اجر” (ลาอัสอาลูกุมอลัยอิจรอ)) รางวัลใดก็ไม่ขอ บรรดานบีไม่ต้องการรางวัลจากมนุษย์

อิมามโคมัยนี(รฎ) ก็เช่นเดียวกัน ท่านเรียกร้องมนุษย์ไปสู่พระเจ้าไม่ได้เรียกร้องมนุษย์ไปสู่ตนเอง

กลับกันการปฏิวัติของชนกลุ่มอื่นเรียกหาเพื่อตนเอง เพื่อพรรคของตัวเอง ไม่ว่าคอมมิวนิสต์ สังคมนิยม ระบบหรือระบอบต่างๆ เช่น กลุ่มแดง/เขียว/เหลือง/ขาว/ดำ/น้ำเงิน ทั้งหมดล้วนแต่เพื่อดึงเข้าหาตัวเอง
ฉะนั้น ก่อนจะสิ้นโลก เมื่อการปฏิวัติประสบความสำเร็จ ท่านมีความเป็นห่วงว่า ผู้คนจะมา ( توجه) ‘ตะวัจจุฮ’ ยังท่าน จะมองมาที่ท่าน ด้วยความเข้มแข็งของท่าน คำพูดของอิมามหลังการปฏิวัติ จะเปลี่ยนไปเป็นคนละคน จากความเร่าร้อนทั้งหมด กลายเป็นคำเรียกร้องที่ปรารถนาจะนำมนุษย์ไปสู่พระเจ้า ทุกๆครั้งท่านจะพูดกับประชาชน จะส่งท้ายว่า… รู้ไว้น่ะ เราไม่มีอะไร

“มอฮิชชีม วะดัรฮีช ฮัสตีม” บอกให้มนุษย์รู้ว่า เราไม่มีอะไรเลยและอยู่ในไม่มีอะไร เราทุกคนกลับไปสู่พระองค์ ถ้ามี คือ “มีพระองค์เท่านั้น”

ดังนั้น สาส์นที่สำคัญ คือ อิมามโคมัยนี(รฎ)ปฏิวัติเพื่อให้มนุษย์กลับไปหาอัลลอฮ(ซบ)เป็นบ่าวที่ดี มีอูบูดียัตและภักดีต่อพระองค์และไม่ภักดีผู้ใดหรือสิ่งใด

นั่นคือ ภารกิจของบรรดานบี อาเนี๊ยะบูดุลลอฮ (( أَنِ اعْبُدُوا اللَّهَ))

ภารกิจของอิมามโคมัยนี(รฎ) คือ (( أَنِ اعْبُدُوا اللَّهَ)) อาเนี๊ยะบูดุลลอฮฺ ปฏิบัติภารกิจหลักก่อน โดยนำมนุษย์ให้รู้จักพระเจ้า กราบกราน นอบน้อม และ มอบตนต่อพระองค์

หากมนุษย์เป็นเช่นนี้แล้ว ( واجتنبوا الطاغوت ) ) “วัจญฺตานีบุตฏอฆูต” ก็จะไม่กลัวสิ่งใดในโลกนี้ นอกจากพระเจ้า เหมือนเช่นที่ท่านเป็นอยู่ และได้ปลูกฝังชาวอิหร่านให้เป็นเช่นนี้
ดังนั้น อะไรก็ตาม ไม่ว่าเราจะปฏิวัติ หรือปฏิรูป เราต้องรู้ความหมายทั้งหมดที่เราทำ เพื่อเราจะกลับไปหาพระเจ้า ทุกคนมีหน้าที่ของตนเอง ฮะดิษและอัลกุรอานอธิบายไว้สมบูรณ์ครบถ้วน คือ ทำให้มนุษย์กลับไปยังพระเจ้า

เมื่อคนถามท่านอิมามโคมัยนี(รฎ)ปฏิวัติทำไม?

ท่าน ตอบว่า ปฏิวัติเพื่อให้มนุษย์จะได้นมาซกันง่ายขึ้น เพื่อสตรีของเราจะได้คลุมฮิญาบกันสะดวกขึ้น ท่านสร้างบรรยากาศให้มนุษย์มีโอกาสไปพบพระเจ้าตั้งแต่อยู่ในโลกนี้
♔•●✺ اللهم صل علی محمد وآل محمد وعجل فرجهم ✺●•♔
♔♔♔♔♔♔♔♔♔♔♔♔♔♔♔♔

ถอดความโดย ฟารีฮัน บินตี บิลาล

ค้นคว้าอาหรับโดย มูฮัมหมัด เบเฮสตี้

ภาพประกอบบทความโดย Yusuf Ali Towang

untitled-0078untitled-0091untitled-0069untitled-0072untitled-0123
♔♔♔♔♔♔♔♔♔♔♔♔♔♔♔♔