อีดฆอดีรกุม (อีดวีลายัต)วันประกาศผู้สืบทอดอำนาจ
บรรยายโดยฮุจญตุลอิสลามวัลมุสลีมีน ซัยยิดสุไลมาน ฮูซัยนี
นะฮ์ญุลบะลาเฆาะฮ์ ธรรมะโวหารอิมามอะลี (อ)
ในนะฮ์ญุลบะลาเฆาะฮฺ ท่านอิมามอะลี (อ)กล่าวว่า ถ้ามนุษย์ทั้งโลกสูญูด… ภักดีต่ออัลลอฮฺ (ซบ) หมายความว่าทั้งอาลัมไม่มีใครฝ่าฝืนคำสั่งของอัลลอฮฺ (ซบ) ไม่ได้ทำให้อัลลอฮฺ (ซบ) สูงส่งขึ้น แม้แต่เพียงนิดเดียว หรือหากทั้งหมดรวมตัวกันกบฏต่ออัลลอฮฺ (ซบ) ทั้งมนุษย์ทั้งโลก ทั้งมนุษย์ และญิน กบฏต่ออัลลอฮฺ (ซบ) ไม่เคารพ ไม่ภักดี ไม่เชื่อฟัง ไม่ปฏิบัติอะไร ก็ไม่ได้ทำให้ความเป็น อัลลอฮฺ (ซบ) ต่ำลงมาแม้แต่เพียงเศษเสี้ยวธุลี
อิมามอะลี (อ) กล่าวว่า ในตอนที่สร้างสรรพสิ่งทั้งหมดนั้น มันไม่ได้มีความจำเป็นต่อพระองค์เลย บางครั้งมนุษย์หรือสิ่งอื่นๆ ถ้าทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดขึ้นมาเพราะมีความจำเป็นต่อสิ่งนั้น ความจำเป็นในมุมไหนก็แล้วแต่ แต่ในขณะที่ อัลลอฮฺ (ซบ) สร้างสรรพสิ่งนั้น พระองค์ทรงเพียงพอ ไม่ได้มีความจำเป็น
ดังนั้น มนุษย์ทั้งโลกจะเคารพภักดี หรือมนุษย์ทั้งโลกจะทรยศต่อพระองค์ พระองค์ก็ไม่มีการเปลี่ยนแปลง ไม่มีการสั่นคลอน ไม่มีการสั่นไหว ไม่ได้ลดตำแหน่งและไม่ได้เพิ่มตำแหน่งของพระองค์ พระองค์ทรงสูงส่งและยิ่งใหญ่อยู่เหมือนเดิม เราต้องทำความเข้าใจให้ดีเสียก่อน เดี๋ยวจะเผลอตัวคิดว่าเรามีบุญคุณต่ออัลลอฮฺ (ซบ) อาทิ ถ้าเรานมาซ เราปฏิบัติศาสนา เราบริจาค เราพลีชีพ กลายเป็นบุญคุณหรือไม่ ? ไม่เลย!!! อัลลอฮฺ (ซบ) ไม่ได้มีความจำเป็นในสิ่งต่างๆเหล่านี้ของเรา สิ่งต่างๆเหล่านี้ที่เราทำทั้งหมดเพื่อตัวของเราเอง
ศาสนาที่บริสุทธิ์จะต้องคงอยู่จวบถึงวันกิยามัต
มนุษย์จะนับถือ ไม่นับถือ ไม่ได้มีความ หมายใดๆ คนจะนับถือมาก คนจะนับถือน้อยไม่มีความหมายใดๆ สำหรับ อัลลอฮฺ(ซบ) ศาสนาของคนส่วนมาก ศาสนาของคนส่วนน้อย เราตั้งขึ้นมาเอง สำหรับ อัลลอฮฺ(ซบ)ไม่มี……!!!
สมัยของท่านนบีนุฮ์ (อ ) อัลลอฮฺ (ซบ) ปล่อยเวลาหลายร้อยปี อัลลอฮฺ(ซบ)ไม่ได้สนใจ บางยุคบางสมัยมีคนนับถือศาสนาของอัลลอฮฺ (ซบ) แค่ 8 คน และปล่อยให้เป็นอย่างนั้นเป็นเวลาหลายร้อยปี และแล้วอัลลอฮฺ (ซบ)ก็ทำลายล้างครั้งหนึ่ง ดังนั้นเมื่อระบอบนี้ถูกสถาปนา ระบอบอิมามัตถูกนำมาทดแทนระบอบนะบูวัต ระบอบอิมามัตเป็นระบอบเดียวที่จะเป็นหลักประกันว่า ศาสนานี้ยังคงอยู่ และแน่นอน ถ้าศาสนาบริสุทธิ์ยังคงอยู่ ความยิ่งใหญ่ของมันก็ยังคงอยู่
ดังนั้น ท่านนบีมูฮัมมัด(ศ็อลฯ)ถึงได้มอบอำนาจของท่านไปสู่อีกระบบหนึ่ง มอบอำนาจของท่านก็คือ มอบวิลายัตของท่าน ไปยังโครงสร้างใหม่ที่อัลลอฮฺ (ซบ) ได้สถาปนาขึ้นมา เพื่อที่จะเป็นหลักประกันว่า ศาสนาอันบริสุทธิ์นี้จะต้องคงอยู่ถึงวันกิยามัต และตัวแทนที่รับมอบคนแรกในระบบอันนี้ก็คือ อะลี อิบนิ อาบีฏอลิบ ท่านอิมามอะลี (อ) คือผู้รับมอบอำนาจนี้ ผู้รับมอบวิลายัตนี้ อำนาจแห่งการปกครอง อำนาจที่จะต้องมาจากพระเจ้า
ทำไมจะต้องเป็นอำนาจที่มาจากพระเจ้า ?? นี่คือเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่เราจะต้องศึกษา เราจะต้องทำความเข้าใจ….คือเราจะต้องรู้จักศาสนาของเราก่อน
- ประการแรก อิสลามคือศาสนาสำหรับมวลมนุษยชาติ เมื่อเราบอกว่าสำหรับมวลมนุษยชาติก็คือ อิสลามสำหรับจีน สำหรับแขก สำหรับไทย สำหรับฝรั่งเศส สำหรับแอฟริกา สำหรับมวลชนทุกชนชั้น ทุกเผ่าพันธุ์ ทุกภาษา
- ประการที่สอง ศาสนานี้ไม่ได้เป็นศาสนาที่เป็นแต่เพียงเรื่องของประเพณี แต่ศาสนานี้มาพร้อมกับคำสั่งสอนที่สมบูรณ์ทุกอย่างสำหรับทุกคน ศาสนาที่มีระบบการเมืองการปกครองของตัวเอง มีคำสั่งสอนจากพระผู้เป็นเจ้า ศาสนาที่มีระบบเศรษฐกิจเป็นของตัวเอง มีคำสั่งสอนจากพระผู้เป็นเจ้า ศาสนาที่มีวัฒนธรรมเป็นของตัวเอง และมีคำสั่งสอนที่ละเอียดทุกเรื่อง
สมมุติถ้าเรายกตัวอย่าง พูดถึงเรื่องวัฒนธรรม ศาสนาที่มีวัฒนธรรมของตัวเองที่สมบูรณ์ มีรายละเอียดทุกเรื่อง ผู้ชายควรแต่งตัวอย่างไร?? ผู้หญิงควรแต่งตัวอย่างไร?? แม้แต่เรื่องอย่าใช้น้ำหอม เมื่อใดผู้หญิงใช้น้ำหอมได้?? เมื่อใดผู้หญิงใช้น้ำหอมไม่ได้?? เมื่อใดที่ผู้หญิงทาลิปสติกออกจากบ้านได้?? เมื่อใดที่ผู้หญิงทาลิปสติกออกจากบ้านไม่ได้?? เมื่อใดที่ผู้หญิงแต่งตัวให้หน้าแดงได้?? อยู่ตรงไหนได้?? ตรงไหนไม่ได้?? เมื่อใดที่ผู้หญิงจะแต่งตัวให้รัดๆ เย้ายวนได้?? เมื่อใดไม่ได้?? ที่ไหนได้?? ที่ไหนไม่ได้?? นี่เพียงยกตัวอย่าง อิสลามคือศาสนาที่ร่ำรวยในทุกเรื่อง แม้แต่เรื่องเสื้อผ้าของมวลมนุษย์ ผู้ชายไม่ควรแต่งกายแบบไหน?? ผู้หญิงไม่ควรแต่งกายแบบไหน?? ผู้ชายไม่ควรใส่เสื้อสีอะไร?? ผู้หญิงไม่ควรใส่เสื้อสีอะไร?? มีในคำสั่งสอนของศาสนา มันไม่ได้อยู่ในอัลกุรอานทั้งหมด อยู่ในคำสั่งสอนของศาสดา อยู่ในคำสั่งสอนของนบี ถ้าเราเข้าสู่รายละเอียด ในเรื่องเศรษฐกิจก็เช่นนี้ นักเรียนศาสนาจะรู้ เมื่อไรไปตลาดได้?? เมื่อไรไม่ควรไปตลาด?? ควรไปตลาดตอนไหน?? เมื่อจะซื้อขายกันแล้ว ผู้ขายอย่าบอกราคาให้เกินไป ผู้ซื้อก็อย่าต่อรองแบบเลยเถิด มีคำสั่งสอนอย่าง การเมือง การปกครอง มีทุกอย่างที่ละเอียดทั้งหมด และเป็นหน้าที่ของทุกคนที่จะต้องปฏิบัติ นี่คือจะต้องรู้จักศาสนาก่อน
คำถามก็คือว่าศาสนาที่สมบูรณ์ทุกเรื่อง อีกเรื่องหนึ่ง เมื่อไรสามีภรรยาจะนอนกันได้?? คืนไหนไม่ควรที่จะนอน?? คืนไหนที่เป็นฮะราม?? คืนไหนที่เป็นมักรุฮ์?? คืนไหนที่เป็นมุสตะฮับ?? ศาสนานี้สอนหมด แม้แต่เรื่องเล็กๆ คือทุกเรื่องครบถ้วนสำหรับมวลมนุษยชาติทุกคน นี่คือสิ่งที่ศาสนาที่ท่านนบีมุฮัมมัด(ศ็อลฯ)นำมา ทุกเรื่องในชีวิต บางอย่างมีในอัลกุรอาน บางอย่างท่านนบีเป็นผู้สาธยาย ในอัลกุรอานมีบอก ในบางครั้ง อย่าเดินกระทืบเท้า สมัยก่อนถ้ามีกำไลเท้าอยู่ ซึ่งเป็นไปในแต่ละยุค ความเสื่อมโทรมในด้านวัฒนธรรมจะมีไปตามยุค ตามสมัย ยุคหนึ่งก็กระทืบเท้า มีกำไลเท้า ยุคนี้ก็อาจจะมีอะไรก็อีกแบบหนึ่ง บางอย่างในกุรอานก็มีอยู่มาก สอนทุกสิ่งทุกอย่าง ถามว่าอิสลามแบบนี้ในยุคของท่านนบีมุฮัมมัด(ศ็อลฯ)นั้นยังมีอยู่ ยังปฏิบัติอยู่ไหม??…ยังปฏิบัติอยู่ ยังดำรงอยู่ ยังคงอยู่ เมื่อท่านนบีมุฮัมมัด (ศ็อลฯ) ต้องจากโลกนี้ไป หมดภารกิจหมดเวลาที่จะอยู่ในโลกนี้ อิสลามแบบนี้ยังต้องคงอยู่ไหม??
แน่นอน มุสลิมทุกคนก็ต้องบอกว่ายังคงอยู่ การต่อสู้ของมวลมุสลิมทั้งโลกตั้งแต่สมัยนั้นจนกระทั่งสมัยนี้ ก็เพื่อที่จะนำกลับอิสลามอันนี้กลับมาอีกครั้งหนึ่ง อิสลามที่เอากฎของศาสนามาบังคับใช้ อาเล็มอุลามาอฺไม่ว่าจะเป็นมัซฮับไหน ชีอะฮ์ ซุนนี ต้องต่อสู้เพื่อสิ่งนี้ แสดงว่าเรายอมรับว่าอิสลามอันนี้ต้องคงอยู่ ต้องดำรงอยู่ตลอดไป หมดยุคของท่านนบีมุฮัมมัด (ศ็อลฯ) แล้ว ก็ยังคงต้องดำรงอยู่ต่อไป อิสลามที่สมบูรณ์แบบสำหรับมวลมนุษยชาติทุกคน หลังจากยุคของท่านนบีมุฮัมมัด (ศ็อลฯ) ผู้นำนั้น พระผู้เป็นเจ้าต้องเป็นผู้กำหนด ผู้นำแบบนี้ต้องจากพระผู้เป็นเจ้าเท่านั้น มนุษย์ไม่มีสิทธิ์ ไม่มีความสามารถที่เพียงพอ ที่จะมาเลือกผู้นำขึ้นมา และทำให้คนทั้งโลกยอมรับ นี่คือสาส์นแห่งวันนี้ สาส์นแห่งฆอดีร
อิสลามฉบับสมบูรณ์ที่สอนทุกสิ่งทุกอย่าง ถ้านำเอาไปปฏิบัติใช้ ปัญหาของมนุษยชาติจะได้รับการแก้ไขปัญหาแห่งชนชั้นจะถูกทำลาย เศรษฐกิจที่เอารัดเอาเปรียบจะถูกทำลาย เศรษฐกิจที่กดขี่จะถูกทำลาย วัฒนธรรมที่เลวทรามจะถูกทำลาย สิ่งที่ไม่ดีงามต่างๆจะถูกทำลาย คำสั่งสอนอันนี้มีแล้ว แต่ขาดอะไร??…ขาดผู้กำกับดูแล ว่าทุกสิ่งทุกอย่างจะต้องตรงตามนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างจะต้องตรงตามที่อัลลอฮฺ (ซบ) ประทานลงมา ทุกสิ่งทุกอย่างจะต้องตรงไปตามที่ท่านนบีได้ทำการสาธยาย ได้สั่งสอน มันจะต้องมีผู้กำกับดูแลไม่ให้มันออกนอกเส้นทาง แม้แต่เพียงคืบเดียวจะต้องกำกับดูแล
ถามว่า การที่จะแสวงหาบุคคลที่มีความสามารถขนาดนี้นั้นอยู่ในความสามารถของมนุษย์ไหม?? แน่นอนไม่มีมนุษย์คนไหน…ลองเราดูมนุษย์ แค่ให้เลือก อบต ก็จะฆ่ากันตายแล้ว ไม่ได้ทำอะไรเลย ดูคูน้ำนั้น ไม่กี่คู ที่อยู่ในหมู่บ้าน ดูถนนนั่น ไม่กี่สายที่อยู่ในหมู่บ้าน พวกหนึ่งได้ อีกพวกหนึ่งไม่ได้ ก็ไม่ยอมรับ แค่เป็น อบต เป็นสมาชิก อบต. ไม่ต้องไกลไปกว่านั้น ยังจะให้ถูกใจมนุษย์ทุกคนยังไม่ได้ ถ้าให้มนุษย์เลือกกันเอง นั้นก็คือเหตุผล เราก็จะรู้ว่าทำไมพระเจ้าเข้ามายุ่งทุกเรื่อง….เหตุผลที่เข้ามายุ่งทุกเรื่อง ก็เพราะมนุษย์อีกนั้นแหละ มนุษย์จะได้ไม่ต้องทะเลาะกัน มนุษย์จะได้ไม่ต้องแตกแยกกัน มนุษย์จะได้เป็นหนึ่งเดียวกัน มนุษย์จะได้มีพลัง มีอำนาจ อัลลอฮฺ (ซบ) ต้องเข้ามาช่วย เพราะพวกมนุษย์ ไม่มีความสามารถที่จะทำสิ่งนี้ ไม่ใช่ว่าอัลลอฮฺ(ซบ)ปฏิเสธประชาธิปไตย ไม่ใช่!!! ประชาธิปไตยมีขอบเขตของมัน ในบางสิ่งบางอย่างประชาธิปไตยทำไม่ได้ ประชาธิปไตยทำให้คนเป็นหนึ่งเดียวกันไม่ได้ มั่นใจได้เลย ที่ทะเลาะกันทั้งโลกเพราะประชาธิปไตยนั้นแหละ เป้าหมายของพระเจ้าคือ ทำให้มนุษย์เป็นหนึ่งเดียวกัน ไม่ใช่ว่าแค่เป็นหนึ่งเดียวกันแบบการเมือง ไม่ใช่!! ทำให้มนุษย์เป็นพี่น้องกัน มนุษย์ที่ต่างสายเลือด ต่างมารดา ต่างเผ่าพันธุ์ ต่างภาษา ทำให้มันเป็นหนึ่งเดียวกัน ประชาธิปไตยก็ ทำไม่ได้!!!
ประชาธิปไตยทำได้ในสิ่งที่ตรงกันข้าม พวกเราต้องทำความเข้าใจ ฆอดีรคุม มีสาส์นอย่างมากมาย หากไม่มีตัวแทนจากพระองค์ ให้มนุษย์ปกครองกันเอง อัลลอฮฺ (ซบ) ก็ไม่ได้สูญเสียอำนาจใดๆ แต่ในการที่พระองค์กำหนดตัวแทนก็เพื่อที่จะช่วยมนุษย์ว่า ถ้าตัวแทนของพระองค์มี วิลายัต มีอำนาจในการปกครอง มีการจัดการดูแลดี โอกาสที่ศาสนาจะถูกทำลาย จะถูกบิดเบือนเหมือนกับศาสนาต่างๆที่เคยผ่านมานั้นมันจะไม่เกิดขึ้น หลังจากที่ท่านนบี(ศ็อลฯ)ประกาศ “من كنت مولاه” แล้ว ประกาศยกตำแหน่งให้กับท่านอิมามอะลี(อ)แล้ว อัลลอฮฺ (ซบ) กล่าวว่าวันนี้ กาเฟรสิ้นหวังแล้ว แสดงว่าก่อนการประกาศอันนี้กาเฟรยังมีหวัง ต้องทำความเข้าใจตรงนี้สักนิดหนึ่ง ไม่ว่าศาสนาจะสมบูรณ์ หรือจะดีสักขนาดไหนก็แล้วแต่ ถ้าเรื่องของผู้นำไม่ชัด กาเฟรยังมีหวัง ผู้ปฏิเสธยังมีหวัง ศัตรูของศาสนาที่ซ่อนอยู่ในศาสนาก็ยังมีหวัง ศาสนาสมบูรณ์แล้วก่อนหน้าท่านนบีประกาศ ถ้าเราไม่เอาเรื่องวิลายัต คือเรื่องอื่นสมบูรณ์แล้วในคำสั่งสอนในทุกสิ่งทุกอย่าง แต่กาเฟรยังมีหวัง แต่เมื่อชี้ชัดแล้วว่าใครคือผู้กำกับดูแล ใครคือผู้มีอำนาจ ใครคือผู้ชี้นำ เมื่อได้ถูกประกาศขึ้นมาในวันนี้ อัลลอฮฺกล่าวว่า (ยะอีซัลละซี นะกาฟารู…)วันนี้กาเฟรสิ้นหวังแล้วในการที่จะบิดเบือนศาสนา เพราะผู้พิทักษ์ได้ถูกแต่งตั้งโดยตรงจากอัลลอฮฺ(ซบ) เพียงแต่ถ่ายทอดคำสั่งไปยังท่านนบีมุฮัมมัด(ศ็อลฯ) ท่านนบีทำหน้าที่เพียงถ่ายทอดคำสั่งของอัลลอฮฺ(ซบ) กาเฟรสิ้นหวังแล้ว กาเฟรรู้แล้วว่า หมดโอกาสที่จะบิดเบือนคำสั่งสอนศาสนาได้แล้ว การบิดเบือนศาสนามันมีมากมายหลายรูปแบบ คือถ้าการบิดเบือนศาสนาแบบที่มีหวังก็คือ อย่างที่เกิดขึ้นกับคริสต์ อย่างที่เกิดขึ้นกับยิว ทุกวันนี้ศาสนาที่ถูกบิดเบือนไม่มีใครต่อสู้ ไม่มีใครต่อต้าน บรรดาปุโรหิตบรรดาตัวแทนอันจอมปลอมของศาสนาอยู่อย่างปกติสุข แต่ในอิสลามไม่ อุลามาอฺจอมปลอม ผู้นำจอมปลอม บรรดาฏอฆูตทรราชต่างๆที่เข้ามาในศาสนานี้ถูกต่อต้าน มีการต่อสู้ ถูกต่อต้านมาทุกยุคทุกสมัยจนถึงทุกวันนี้ คือมันไม่ได้ปกครองด้วยความปกติสุข มันไม่ได้บิดเบือนด้วยความสุขสบาย เพราะหลักประกันอันนี้ นั้นอัลลอฮฺ(ซบ)ก็เน้นอีกครั้งหนึ่ง ไม่ต้องกลัวพวกเขาอีกต่อไปหลังจากวันนี้ หลังจากนบีแล้ว วิลายัตยังคงอยู่ อำนาจของอัลลอฮฺ (ซบ) ยังอยู่กับมนุษย์ในโลกนี้ วิลายัตคืออำนาจของอัลลอฮฺ(ซบ)ที่ประทานให้กับมนุษย์คนหนึ่ง กลุ่มหนึ่ง ยังอยู่ ยังมีผู้ที่ถืออำนาจของอัลลอฮฺในโลกนี้อยู่ ไม่ต้องกลัวอีกต่อไป ดังนั้นโองการสุดท้าย จริงๆก็คือ ก็ถูกประทานลงมาในเหตุการณ์อันนี้
((الْيَوْمَ أَكْمَلْتُ لَكُمْ دِينَكُمْ وَأَتْمَمْتُ عَلَيْكُمْ نِعْمَتِي وَرَضِيتُ لَكُمُ الْإسْلامَ دِينًا ))
ความว่า “วันนี้ข้าได้ทำให้ศาสนาของสูเจ้าสมบูรณ์แล้วสำหรับสูเจ้า (ด้วยการแต่งตั้งให้อะลีเป็นผู้ปกครอง เป็นอิมาม และเป็นตัวแทน) และข้าได้ประทานความโปรดปรานของข้าอย่างครบถ้วนแก่สูเจ้า และข้าได้เลือกอิสลามเป็นศาสนาสำหรับสูเจ้า”
วันนี้อัลลอฮฺ (ซบ) กล่าวว่า “ฉันได้ทำให้ศาสนาของเจ้าสมบูรณ์แล้ว เนี๊ยะมัตที่สำคัญ เนี๊ยะมัตที่ยิ่งใหญ่อัลลอฮฺ (ซบ) กล่าวไปหมดแล้ว หลังจากวันนี้ หลังจากวันฆอดีร อัลลอฮฺ (ซบ) บอกว่าเนี๊ยะมัตที่สำคัญที่พวกเจ้าควรจะได้รับนั้นหมดแล้ว (อัตมัมตุ อิตมาม กามอม) ในอาหรับจะรู้หมดว่าเนี๊ยะมัตจบหมดแล้ว ….เนี๊ยะมัตสุดท้ายที่ยิ่งใหญ่ หลังจากเนี๊ยะมัตนี้แล้ว ก็คือ เนี๊ยะมัตแห่งวิลายัต คือหลังจากรอซูล (ศ็อลฯ) แล้ว ไม่มีเนี๊ยะมัตไหนที่จะยิ่งใหญ่เท่ากับเนี๊ยะมัตแห่งวิลายัต ดังนั้น (วาร่อฎีตุ ลากุมุล อิสลามะดีนา) และวันนี้อัลลอฮฺ (ซบ) บอกว่า พึงพอใจที่จะให้อิสลามนั้นเป็น “ดีน”สำหรับพวกเจ้า แต่ถ้าเรื่องวิลายัตยังไม่ชัด เรื่องวิลายัตยังไม่สมบูรณ์ เนี๊ยะมัตอันนี้ยังไม่ชัด เนี๊ยะมัตอันนี้ยังไม่สมบูรณ์ อัลลอฮฺยังไม่พอใจที่จะประกาศให้เป็นศาสนาของมวลมนุษยชาติ นี่คือเรื่องราวของวันนี้ เสี้ยวส่วนหนึ่งของเรื่องราวในวันนี้ สาส์นอันยิ่งใหญ่ของวันนี้
ดังนั้นมนุษย์มีหน้าที่อยู่ 2 อย่างที่สำคัญ
1.จะต้องนำพา จะต้องปฏิบัติตามอิสลามอันบริสุทธิ์นี้….จะต้องปฏิบัติตามคำสั่งสอนเหล่านี้ให้ครบถ้วน ให้สมบูรณ์ ตามความสามารถของเขาที่จะปฏิบัติได้
2.จะต้องยึดมั่นในวิลายัต ในอำนาจของการปกครอง…จะต้องเชื่อว่ามีผู้มีอำนาจนี้ จะต้องเชื่อว่าโลกนี้มีบุคคลที่ได้รับอำนาจการปกครองเหนือมนุษย์มาจากอัลลอฮฺ (ซบ)
ดังนั้นสงครามก็เริ่มขึ้น คือสิ้นหวัง ไม่สิ้นหวัง คำว่ามีหวังตอนนั้นคือ หวังในการวางแผนแบบแยบยลหมายความว่า ไม่ให้น้ำขุ่น บิดเบือนไป เปลี่ยนแปลงไป อะไรไป…แต่เมื่อเหตุการณ์ใน ฆอดีรคุมเกิดขึ้น มันจึงต้องยืนยันถึงความเป็นตรงกันข้ามอย่างชัดเจน อย่างชัดแจ้ง คือสิ้นหวังแล้วที่จะเล่นแบบเงียบๆ ที่จะค่อยๆบิดเบือนศาสนา พวกเขาสิ้นหวังในวิธีการอันนั้น แต่พวกเขาก็ยังหวังในวิธีการหักดิบ ในเมื่อรอซูลฯ (ศ็อลฯ) เล่นแบบนั้น เราก็จะต้องเล่นแบบนี้..เมื่อแรงมา เราก็แรงไป ความรุนแรงของพวกเขาต่างๆที่ได้สร้างมาตลอดหน้าประวัติศาสตร์ การทรยศ การบิดเบือน การฉ้อฉล การแย่งชิงตำแหน่ง ก็จะถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ว่านี่คือ อิสลามของฝั่งหนึ่ง และนี่คืออิสลามของอีกฝั่งหนึ่ง ให้ผู้ที่มีสติปัญญาได้เลือกว่า เราจะเอาอิสลามฝั่งไหน?? อิสลามแบบไหน?? ที่ควรจะได้รับการรับเลือก อิสลามแบบไหนที่ควรที่จะเป็นของมนุษยชาติ ดังนั้น เพราะเหตุการณ์ในฆอดีรคุม เหตุการณ์โศกนาฏกรรมต่างๆก็เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นโศกนาฏกรรมในสะกีฟะฮ์ โศกนาฏกรรมกับท่านหญิงฟาฏิมะฮฺ(อ) โศกนาฏกรรมในกัรบาลาอ์ โศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นกับบรรดาอิมาม อิมามะฮ์(อ) โศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นกับบรรดาพี่น้องชีอะฮ์ ตั้งแต่ยุคต้นจนถึงยุคปัจจุบัน ได้ถูกนำเสนอ แสดงแบบ และมุสลิมที่มีสติปัญญาจะเป็นผู้วินิจฉัย เป็นผู้วิจารณ์ และเขาก็จะสรุปว่า อันไหนคือ อิสลามที่บริสุทธิ์ที่แท้จริงที่มาจากอัลลอฮฺ(ซบ)…..
โปรดติดตาม ตอนที่ 3...
اللهم صل علی محمد وآل محمد وعجل فرجهم
เรียบเรียงโดย : Wanyamilah S.