คุฏบะฮ์อีดฟิตร์ ฮ.ศ.1435′ ตอนที่ 3
โดย ฮุจญตุลอิสลาม ซัยยิดสุไลมาน ฮูซัยนี
♔•●✺ اللهم صل علی محمد وآل محمد وعجل فرجهم ✺●•♔
الله أكبر.. الله أكبر.. لا إله إلاّ الله الله أكبر ولله الحمد الْحَمْدُ للهِ عَلى ما هَدانا ●•♔
✺●•♔ وَلَهُ الشُّكْرُ على ما اَوْلانا
♔•●✺ اللهم صل علی محمد وآل محمد وعجل فرجهم ✺●•♔
<<< ” รัฐบาลที่เปี่ยมสมบูรณ์ด้วยปรัชญาทั้งหมดของพระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน รัฐบาลที่เปี่ยมอย่างสมบูรณ์ด้วยพระประสงค์ต่างๆของอัลลอฮฺ(ซบ.) มีรัฐบาลเดียวเท่านั้น คือ รัฐบาลของท่านอิมามมะฮ์ดี(อ) ” >>>
“รัฐบาลที่ยิ่งใหญ่ รัฐบาลอันทรงเกียรตินี้ เป็นรัฐบาลที่พระองค์ได้ทรงสัญญาไว้กับมวลมนุษยชาติ เป็นรัฐบาลที่มีแต่ความยุติธรรม เป็นรัฐบาลที่ไม่มีการกดขี่ เป็นรัฐบาลที่คนยากจน คนทุกยาก คนถูกทอดทิ้ง คนถูกกดขี่ได้รับการดูแลได้รับการเทิดเกียรติ “دَوْلَةٍ كَرِيمَةٍ” “
ท่านอิมามบาเก็ร(อ.)อิมามคนที่ 5 เริ่มประกาศความหวังแห่งรัฐบาลแบบนี้ เริ่มสร้างความหวังให้กับรัฐบาลแบบนี้ให้กับประชาชาติในยุคนั้น และแนวคิดความเชื่อความหวังก็ต้องสร้างให้เกิดขึ้นมาในวันอีดด้วย
اَللّهُمَّ إنّا نَرغَبُ إلِیكَ فِی دُولَهٍ كَریمَهٍ تُعِزُّ بِهَا الإسلامَ وَ اَهلَه وَ تُذِلُّ بِهَا النِّفاقَ وَ اَهلَه وَ تَجعَلُنَا فِیها مِمَّنْ تَنتَصِرُ لِدینِكَ وَ لا تَستَبدِلْ بِنَا غِیرَنا
วันอีด คือ สิ่งนี้ วันอีด คือสิ่งที่มนุษย์จะต้องคิดถึงสิ่งนี้ “دَوْلَةٍ كَرِيمَةٍ”
หลังจากนั้นทำการอธิบาย “دَوْلَةٍ كَرِيمَةٍ”รัฐบาลที่ “การีม”ที่ทรงเกียรติที่สุด ตั้งแต่เคยมีรัฐบาลมาในโลกนี้
ดังนั้น หนึ่งในนิยามของ”รัฐบาลการีมะฮ์” คือ “تُعِزُّ بِها الاِسْلامَ وَأَهْلَهُ”
เมื่อรัฐบาลนี้เกิดขึ้น จึงเป็นวันที่ “الاِسْلامَ وَأَهْلَهُ” หมายถึง อิสลามและพลพรรคของอิสลามจะเป็นประชาชาติที่มีเกียรติที่สุด
ดังนั้น อีกหนึ่งในนิยามความหมายของ “دَوْلَةٍ كَرِيمَةٍ” รัฐบาลที่อิสลามและพลพรรคของอิสลาม “وَأَهْلَهُ” คือ อะฮฺละฮฺอิสลาม “تُعِزُّ بِها الاِسْلامَ وَأَهْلَهُ”
รัฐบาลนี้จะทำ รัฐบาลนี้จะนำเกียรติกลับมาให้กับอิสลามและมวลมุสลิม “وَتُذِلُّ بِها النِّفاقَ وَأَهْلَهُ ”
และรัฐบาลนี้แหละที่จะทำให้ความกลับกลอก มุนาฟิกและพลพรรคของมุนาฟิกนั้นอัปยศอดสู โลกที่ผ่านมาหลังจากรอซูลลุลลอฮฺ(ศ็อล) โลกตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้เป็นโลกที่
“بِها النِّفاقَ وَأَهْلَهُ” กลับกลายเป็นความกลับกลอกและพวกกลับกลอกกลายเป็นผู้มีเกียรติยศและมีศักดิ์ศรี หมายถึง ในสายตาของมนุษย์ทั่วๆไป มุสลิมและมวลมุสลิม บรรดามวลมุสลิมนั้นถูกทำให้ต้อยต่ำ ถูกทำให้อัปยศ ถูกทำสิ่งต่างๆอย่างมากมาย
แต่เมื่อถึงวันหนึ่ง วันที่ “دَوْلَةٍ كَرِيمَةٍ” รัฐบาลที่อิสลามและพลพรรคของอิสลาม “وَأَهْلَهُ” คือ อะฮฺละฮฺอิสลาม “تُعِزُّ بِها الاِسْلامَ وَأَهْلَهُ”
รัฐบาลนี้จะทำ รัฐบาลนี้จะนำเกียรติกลับมาให้กับอิสลามและมวลมุสลิม “وَتُذِلُّ بِها النِّفاقَ وَأَهْلَهُ ”
ฉะนั้น จะต้องสร้างจิตวิญญาณอันนี้ให้เกิดกับมวลมนุษย์ และการปลุกจิตสำนึกนี้ จึงเป็นความหวังของท่านอิมามบาเก็ร(อ.)
ถามว่า…ในวันอีดุลฟิตร์ บอกถึง”ความหวัง”เพียงอย่างเดียวหรือไม่?
ดุอาอฺท่อนต่อไป หลังจากประโยคนี้ท่านอิมามบาเก็ร(อ.)ก็ได้กล่าวไว้ ว่า….
“وَتَجْعَلُنا” ขอให้พระองค์ทรงทำให้เรานั้น “ مِمَّنْ تَنتَصِرُ لِدینِكَ”
ในวันอีดนี้ ในวันอีดุลฟิตร์นี้ ขอให้พระองค์ทรงทำให้เรานั้น เป็นบุคคลที่นำชัยสู่ศาสนาของพระองค์
ขอให้เราเป็นบุคคลที่ทำให้ศาสนาของพระองค์มีชัย
แน่นอนรายละเอียดของดุอาอฺมีมากมาย แต่อย่างน้อยที่สุดในดุอาอฺบทนี้ต้องการจะบอกว่า อิสลามจะมีชัยได้ด้วยมือของเรา มนุษย์ไม่มีสิทธิที่จะรอคอยให้พระองค์อัลลอฮฺ(ซบ)ช่วยเหลือเพียงอย่างเดียว
“ تَجعَلُنَا فِیها مِمَّنْ تَنتَصِرُ لِدینِكَ ” “ทำให้เรากลายเป็นผู้ช่วยเหลือศาสนาของพระองค์”
ถ้าจะแปลให้ถูกต้องสมบูรณ์ ก็คือ “เป็นผู้ที่ทำให้ศาสนาของพระองค์มีชัย “
สิ่งหนึ่งที่มนุษย์จะต้องคิด ว่า ทำไม จิตวิญญาณอันนี้จึงถูกปลุกจิตสำนึกให้เกิดขึ้นในเดือนรอมฎอน
ถ้าเราเข้าใจในบทดุอาอฺและเข้าใจปรัชญาและเป้าหมายต่างๆของเดือนรอมฎอน ก็จะรู้ว่า…
ศาสนาของอัลลอฮ(ซบ)ต้องการ การช่วยเหลือครับพี่น้อง
อาเล็มอุลามาอฺทั้งหมดยืนยัน ว่า…ศาสนาของอัลลอฮฺ(ซบ)ต้องการ การช่วยเหลือ และคนที่มีเกียรติเท่านั้นที่จะได้เป็นผู้ช่วยเหลือศาสนาของพระองค์ เราตามวิธีของอัลลอฮฺ(ซบ)นั้น เราจะต้องช่วยเหลือศาสนาของพระองค์ก่อน เราจะต้องช่วยเหลืออัลลอฮฺ(ซบ)ก่อน
ان تنصروا الله ینصرکم “ อินตันศุรุลลอฮ ยันศุรกุม ”” ถ้าเจ้าช่วยอัลลอฮฺ อัลลอฮฺจะช่วยเจ้า แต่เจ้าต้องก้าวมาข้างหน้าก่อน
ดังนั้น มนุษย์ต้องลุกขึ้นต่อสู้ในหนทางของอัลลอฮฺก่อน มนุษย์ต้องนำชัยมาสู่ศาสนาของพระองค์ก่อน สำเร็จผลจะเป็นอย่างไรนั้นอัลลอฮฺ(ซบ.)เป็นผู้กำหนด พระองค์เป็นผู้ช่วยเหลือ
“มนุษย์ต้องก้าวมาข้างหน้า” อธิบายง่ายๆก็คือ ศาสนาของพระองค์ต้องการ การช่วยเหลือ ศาสนาของพระองค์ต้องการผู้ช่วยเหลือ
โดยเฉพาะในวันนี้ มีการทำลายอิสลามจากศัตรูภายนอก มีการทำลายอิสลามจากศัตรูภายในทุกรูปแบบ ฟิตนะห์ต่างๆทุกรูปแบบในการทำลายล้างอิสลามนั้นได้เกิดขึ้นครบหมด
ซึ่งดูได้จากทุกวิธีการในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในกาซ่า ศัตรูจากภายนอก ศัตรูหมายเลขหนึ่งของศาสนา คือ ยาฮูด อิสราอีลกำลังเข่นฆ่าพี่น้องมุสลิม และศัตรูจากภายนอกนี้กำลังทำลายมวลพี่น้องมุสลิม เข่นฆ่าพี่น้องมุสลิมในสภาพที่โหดเหี้ยมที่สุด ในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติต่อหน้ามวลมุสลิมนับพันล้านคน ไม่มีใครสามารถที่จะแก้ไขให้เสร็จสิ้นและสมบูรณ์เพราะมวลมุสลิมในวันนี้นั้น ไม่มีเกียรติและศักดิ์ศรีอย่างเพียงพอ ส่วนจำนวนคนที่มีเกียรติก็ไม่เพียงพอที่จะปกป้องรักษา
แน่นอน !!! การปกป้องศาสนาของอัลลอฮฺ(ซบ) เป็นการปกป้องด้วยวิธีการทางธรรมชาติ แต่เหล่าผู้กลับกลอกเหล่ามุนาฟิกในมวลมุสลิม ต่างก็เปิดเผยตัวเองอย่างชัดแจ้งทุกรูปแบบ
อีกทั้งผู้นำโลกอิสลาม ผู้นำประเทศมุสลิมอยู่ข้างศัตรูของศาสนาอย่างชัดแจ้ง ทั้งฝ่ายศาสนาทั้งฝ่ายปกครองวันนี้มีพร้อม ความกลับกลอกในศาสนาได้เกิดขึ้นอย่างชัดแจ้ง
ผู้ที่เป็นผู้นำมุสลิมในแผ่นดินอาหรับวางเฉย เข้าข้างศัตรู เข้าข้าง ยาฮูดี นัสรอนี อย่างเปิดเผย ฝ่ายศาสนาวันนี้ก็ไม่เกรงกลัวอะไรแล้ว บ้างก็ออกมาฟัตวาต่างๆ ที่สนับสนุนการกระทำของอิสราเอล
ตรงนี้ คือ ความหมายอันหนึ่งที่ว่า ณ วันนี้มวลมุสลิมถูกทำให้อัปยศและอดสูที่สุด ปราศจากการทำตามหน้าที่พร้อมกันตามจำนวนที่กำหนดตามที่อัลลอฮฺ(ซบ.)ทรงประสงค์
ดังนั้น เจ้าต้องทำก่อน พระองค์จึงจะประทานผลมา มนุษย์ไม่เคลื่อนไหว อัลลอฮฺจะไม่ประทานผล ไม่มีใครมีสิทธิ์ที่จะนิ่งดูดาย ทุกคนจะต้องมีหน้าที่ในการรับผิดชอบช่วยเหลือเรื่องราวต่างๆในศาสนา
โดยเฉพาะฟิตนะห์ที่กำลังเกิดในรูปแบบต่างๆทั้งหมด เพราะถ้าเราไม่ทำสิ่งนี้ ถ้าเราไม่รับผิดชอบสิ่งนี้
ซึ่งตอนสุดท้ายของดุอาอฺ ท่านอิมามบาเก็ร(อ.) ออกมา “นมาซอีด “และอ่านให้ทุกคนได้ฟังให้ทุกคนได้รับรู้ว่า
“ وَ لا تَستَبدِلْ بِنَا غِیرَن”
ยาอัลลอฮฺ อย่าได้เปลี่ยนคนอื่นมาแทนเราเลย
ยาอัลลอฮฺ อย่าได้เปลี่ยนคนอื่นกลุ่มประชาชาติอื่นมาแทนเราเลย
ความหมายว่าอย่างนั้น แน่นอนในความหมายนั้นยังมีรายละเอียดอีกเยอะ แต่มีสิ่งหนึ่งในประโยคสุดท้ายของดุอาอฺบทนี้บอกว่า อัลลอฮฺ(ซบ)ไม่แคร์มนุษย์หน้าไหน พระองค์รอเพื่อจะพิสูจน์ หากมนุษย์ไม่เอา ไม่ปฏิบัติตาม ไม่ยอมรับ อัลลอฮฺก็จะเปลี่ยนประชาชาติใหม่ อัลลอฮฺก็จะเปลี่ยนคนใหม่
ซึ่งบางครั้งไม่ได้หมายความว่า เปลี่ยนประชาชาติหรือเปลี่ยนคน
คนในที่นี้ หมายถึง อัลลอฮ(ซบ)ได้ฮิดายัตเขามาถึงจุดหนึ่งแล้ว แต่เมื่อมาถึงจุดนั้นเขาไม่พร้อมที่จะรับใช้ศาสนา เขาไม่พร้อมที่จะรับใช้พระองค์ด้วยศักยภาพที่เขามีอยู่
การรับใช้ศาสนา ไม่ได้แปลว่า มนุษย์ต้องจับดาบขึ้นมาทุกคน ไม่ได้แปลว่า ต้องพลีชีพทุกคน
การรับใช้ศาสนา ทำได้หลายรูปแบบ คนที่รวยจะต้องใช้ทรัพย์สินเงินทองของเขาในการปกป้องศาสนาของพระองค์ ส่วนคนที่มีความรู้จะต้องใช้ความรู้ของเขาในการปกป้องศาสนาของพระองค์ คนที่มีศักยภาพอื่นๆก็ต้องใช้ศักยภาพอื่นๆที่เขามีอยู่ในการปกป้องศาสนาของพระองค์
ถ้าพวกเจ้าไม่ทำ อัลลอฮฺ(ซบ)บอก พระองค์จะเปลี่ยนประชาชาติใหม่ ซึ่งไม่ได้เปลี่ยนวันนี้ แต่การเปลี่ยนประชาชาติใหม่ของอัลลอฮฺนั้น พระองค์จะเปลี่ยนบุคคลใหม่เพราะเรามีมาก เราพบมาก ก็อย่างที่กล่าวข้างต้น ว่า ..
“อัลลอฮ(ซบ)ได้ฮิดายัตเขามาถึงจุดหนึ่งแล้ว แต่เมื่อมาถึงจุดนั้นเขาไม่พร้อมที่จะรับใช้ศาสนา พระองค์จะเปลี่ยนประชาชาติใหม่ ”
ถ้าเราย้อนไป กล่าวเป็นรายบุคคลในอดีต เรามีคนจำนวนหนึ่งที่อยู่แนวหน้าอยู่แถวหน้า วันนี้เขาได้ไปอยู่แถวหลัง อย่างนั้น คือ ดีที่สุดสำหรับเขาแล้ว เพราะบางคนอาจจะล้าหลัง บางคนอาจพลิกไปเป็นสิ่งอื่น อาจจะพลิกไปเป็นศัตรูกับศาสนาก็มี นี่คือ ความหมายว่า”เขาถูกเปลี่ยน”
วันหนึ่งอัลลอฮฺ(ซบ.)เอาเขาอยู่แถวหน้าเป็นชนชั้นแนวหน้า เป็นกลุ่มชนที่ปกป้องดีนของพระองค์ แต่เมื่อเขาไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่ของเขาอย่างดีอย่างสมบูรณ์เยี่ยงการเป็นมุสลิมแท้จริง เยี่ยงบุคคลที่มีสำนึกรับผิดชอบในศาสนาของพระองค์อย่างแท้จริงแล้ว อัลลอฮ(ซบ.)ก็จะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ อัลลอฮ(ซบ.)ไม่เคยแคร์ใคร ศาสนานี้สามารถรักษาได้ด้วยคนใหม่ๆที่อัลลอฮ(ซบ.)สับเปลี่ยนด้วยบุคคลที่มีจิตวิญญาณสำนึกรับผิดชอบในศาสนาของพระองค์อย่างแท้จริงเสมอ
ซึ่ง มนุษย์เรามีมาก มีทุกสนาม มีทุกเวที มีตั้งแต่ระดับสูงจนถึงระดับล่างสุดของมวลมนุษย์ และที่ผ่านมาถูกเปลี่ยนแปลงเป็นจำนวนมาก และ สามารถยกตัวอย่างให้พี่น้องได้ดูอย่างชัดแจ้ง ว่า
ในการปฏิวัติอิสลามแห่งอิหร่าน มีอยาตุลลอฮฺจำนวนหนึ่งอยู่ในแนวหน้าของการปฏิวัติ อยู่ในแนวหน้าของการปฏิวัติที่เป็นสานุศิษย์ผู้ใกล้ชิดกับอิมามโคมัยนี(ร.ฎ.) แต่วันเวลาผ่านไป อยาตุลลอฮฺเหล่านั้น บางคนกลายเป็นผู้ต่อต้านการปฏิวัติเพราะตำแหน่ง เพราะอะไรต่อมิอะไร เพราะนัฟซู และเพราะสิ่งต่างๆ ฯลฯ
เมื่อเขากลายเป็นผู้ต่อต้าน เมื่อนัฟซูและสิ่งต่างๆครอบงำเขา จึงเป็นที่มาของความหมาย เขาไม่ถูกเลือกแล้ว เขาถูกเปลี่ยนแล้ว
อัลลอฮ(ซบ.)เปลี่ยนแล้ว ทั้งๆที่เขาเคาะประตูสวรรค์แล้ว ประตูยังไม่ทันเปิด แต่ตัวเขาหันหลังกลับให้กับประตูสวรรค์
นี่คือ สิ่งที่จะต้องทำความเข้าใจ มีคนจำนวนมากได้รับเตาฟีกให้มายืนแถวหน้า เมื่อมิได้ทำหน้าที่ของตัวเองก็อยู่แถวหลัง เรามีจำนวนมาก นั่นคือระดับสูงสุด
ระดับเบอร์ 2 ของการปฏิวัติก็มีในการปฏิวัติอิสลามของท่านอิมามโคมัยนี(ร.ฎ.)เช่นกัน ผมจะยกตัวอย่างให้พี่น้องเข้าใจ และพวกเราก็เป็นไปได้
มีคนจำนวนหนึ่งของพวกเราเมื่อก่อน เป็นชีอะห์กับการปฏิวัติของท่านอิมามโคมัยนี(ร.ฎ.) รับชีอะห์เพราะว่าเทิดหลงใหลกับการปฏิวัติของท่านอิมามโคมัยนี(ร.ฎ.) พอเป็นไปสักพักหนึ่งเริ่มจะไม่เอาอิมามโคมัยนี(ร.ฎ.)แล้ว พอไปสักพักหนึ่งเริ่มจะไม่ค่อยศรัทธาในระบบวิลายาตุลฟะกีย์แล้ว พอไปสักพักหนึ่งเริ่มจืดจางแล้ว เริ่มมีก็ได้ ไม่มีก็ได้แล้ว
คำว่า ถูกเปลี่ยนจึงเกิดขึ้น เขาถูกเปลี่ยนแล้ว วันหนึ่งอัลลอฮฺ(ซบ.)เชิญให้มาอยู่แล้วในระดับต้นๆ แต่อีกวันหนึ่งเขาได้ถูกเปลี่ยนไปแล้วเพราะคุณภาพของเขาไม่มี หรือเขามีคุณภาพ แต่คุณภาพอยู่ได้ไม่นาน
ฉะนั้น วันอีด คือ วันรำลึกถึงสิ่งต่างๆเหล่านี้ ไม่ใช่ว่ามนุษย์คนใดไปอยู่ในตำแหน่งที่สูงสุดแล้วเขาไม่สามารถที่จะกลับลงมาต่ำสุด เหตุผลก็คือ เขาไม่ได้ทำหน้าที่ทางศาสนาของเขาอย่างแท้จริง
ดังนั้น ทุกคนมีหน้าที่รับผิดชอบในเรื่องศาสนาของพระองค์ตามศักยภาพของตัวเอง
ศาสนานี้นั้นไม่มีเฉพาะภาคอิบาดัตเพียงภาคเดียว ศาสนานี้นั้นนับถือทุกอย่าง ศาสนานี้นั้นปฎิบัติทุกอย่าง
ถ้าจะดูถึงความแตกต่าง ระหว่างอิมามอาลี(อ)กับมูอาวียะห์ (ล.น.) ก็แตกต่างทุกอย่าง
ท่านอิมามอะลี(อ.)จะหยุดนมาซทันที เมื่อมีคนมาหาปรึกษาเรื่องทุกข์ร้อนต่างๆทุกประเภท ปัญหายากจน ปัญหาการเมืองปัญหาอะห์กาม เมื่อคนใกล้ชิดบอกว่า มีคนมาหา…
เมื่อมีคนมาปั๊บ อิมามอาลี(อ.)จะหยุดนมาซในทันทีและเข้ามาดูปัญหาของ”อูมุรมุสลิม” ปัญหาต่างของพี่น้องมุสลิม
อิมามอาลี(อ)จะถามทันที ว่า ท่านมีปัญหาอะไร?? ท่านมีปัญหาอะไร?? ให้ช่วยอะไร??
กลับกัน เมื่อกล่าวถึงมูอาวียะห์ ทุกครั้งที่มีคนไปหามูอาวียะห์ ข้าราชบริพารจะบอกว่าท่านอามีรกำลังนมาซอยู่ค่อยมาใหม่
เห็นภาพแล้วยัง???? นี่คือ นมาซของมูนาฟิกกับนมาซของอิมามแห่ง”มุตตากีน”แตกต่างกัน
มูนาฟิกบางครั้ง เอานมาซเพื่อจะปิดกั้นไม่ต้องทำความดีอื่น
มูนาฟิกบางครั้ง เอาการอ่านอัลกุรอานเพื่อที่จะปิดกั้นการทำความดีอื่นๆ
มูนาฟิกอาจจะเอาอิบาดัตเปลือกนอกทั้งหมดมาประกอบเพื่อจะปิดบังอื่นๆ แต่ผู้ศรัทธาที่แท้จริงทิ้งนมาซเพื่อจะมาแก้ไขปัญหาของมวลมุสลิม
เดือนรอมฎอนจึงเป็นเดือนที่สร้างจิตวิญญาณอันนี้
ดังนั้น ใครที่ไม่มีจิตวิญญาณอันนี้ จงรู้เลยว่าเขายังไม่ได้รับรางวัลอย่างเต็มที่ในเดือนรอมฎอน ถ้าจิตวิญญาณอันนี้ยังไม่เกิด ไม่มีความรู้สึกรับผิดชอบในเรื่องราวต่างๆของศาสนาแล้ว รอมฎอนนี้อาจจะได้ยังไม่ถึงครึ่ง แต่ถ้าทั้งจิตวิญญาณส่วนนี้เกิด จิตวิญญาณส่วนภาคปฏิบัติของตัวเองก็เกิด
ฉะนั้น บุคคลที่ได้รับรางวัลอันยิ่งใหญ่ในเดือนรอมฎอน เขาคู่ควรที่จะตะโกนว่า……..
♔•●✺ الله أكبر. الله أكبر. لا إله إلاّ الله الله أكبر ولله الحمد الْحَمْدُ للهِ عَلى ما هَدانا ●•♔
คนที่จะบอกว่า “الْحَمْدُ للهِ عَلى ما هَدانا” ขอบคุณพระองค์ที่ได้ฮิดายัตเรา
เราได้รับคำตอบในวันนี้ เราจึงบอกว่า “الْحَمْدُ للهِ عَلى ما هَدانا وَلَهُ الشُّكْرُ”
อีกครั้งขอบคุณอีกครั้งหนึ่ง “على ما اَوْلانا” ที่พระองค์ทรงทำให้เรานั้นอยู่แถวหน้า
แปลง่ายๆ “เอาลา” คือทำให้เราสูงกว่า ดีกว่า เหนือกว่า ถูกเลือกก่อน
ดังนั้น ตักบีรอันนี้ เป็นตักบีรสำหรับคนที่พบแล้วว่า เขาได้อะไรในเดือนรอมฎอน
ซึ่ง อินชาอัลลอฮฺ ตอนแรกก็ตั้งใจจะพูดสักเล็กน้อยนะครับ ก็เรื่องมันพาไป
อินชาอัลลอฮฺ ด้วยบารอกัตแห่งอีดอันยิ่งใหญ่…………
ขอให้พวกเราทุกๆคนได้เก็บรักษาอามั้ลความดีต่างๆของพวกเรา ไม่ว่าจะมีมากหรือมีน้อยสักขนาดไหนที่เราได้ตักตวงมาในเดือนรอมฎอน
ยาอัลลอฮฺขอให้อามั้ลต่างๆเหล่านั้นอยู่กับพวกเราตลอดทั้งชีวิตในโลกนี้และติดตามพวกเราไปชีวิตในโลกหน้าด้วยเถิด
ยาอัลลอฮฺ ด้วยบารอกัตแห่งเดือนรอมฎอน
ด้วยบารอกัตแห่งวันที่พระองค์ได้ทรงกำหนดให้เป็นวันอีดของมวลมุสลิมนั้น
ยาอัลลอฮฺ ปัญหาต่างๆที่กำลังเกิดขึ้นกับประชาชาติอิสลาม ฟิตนะห์ต่างๆที่กำลังเกิดขึ้นกับประชาชาติอิสลาม ทั้งปัญหาของพี่น้องของเราในปาเลสไตน์ ในกาซ่า ในเลบานอน ในพม่า ในแคชเมียร์ มวลมุสลิมที่ได้รับความทุกข์ยากในรูปแบบต่างๆ ยาอัลลอฮฺขอพระองค์ทรงปลดเปลื้องความทุกข์ยากต่างๆเหล่านี้ให้พวกเราด้วยเถิด ยาอัลลอฮฺ
ยาอัลลอฮฺ ด้วยบารอกัตแห่งอีดรอมฎอน ยาอัลลอฮฺขอให้เราทุกๆคนดำเนินชีวิตในโลกนี้ เป็นผู้ที่รำลึกถึงชะตากรรมของพี่น้องมุสลิมด้วยเถิด ยาอัลลอฮฺ
ยาอัลลอฮฺ อีดที่แท้จริงอีดที่ยิ่งใหญ่ คือ การกลับมาของตัวแทนสุดท้ายของพระองค์ บุคคลที่พระองค์ได้ทรงสัญญาว่า“دَوْلَةٍ كَرِيمَةٍ” จะเกิดขึ้น ด้วยบารอกัตแห่งวันอีดขอพระองค์ทรงเร่งการปรากฏนั้นด้วยเถิด ยาอัลลอฮฺ
ยาอัลลอฮฺ ในขณะที่ยังไม่ปรากฏเกราะป้องกันที่สำคัญ สำหรับอุมมัตอิสลามทั้งมวล ทั้งซุนนี ทั้งชีอะห์ ก็คือสาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่านและการชี้นำของท่านอิมามคามาเนอี ขอพระองค์ทรงปกป้องสองสิ่งนี้ ให้อยู่คู่กับอุมมัตอิสลามจนถึงวันที่อิมามมะห์ดี(อ)ปรากฎด้วยเถิด ยาอัลลอฮฺ
♔•●✺ اللهم صل علی محمد وآل محمد وعجل فرجهم ✺●•♔
♔•●✺ اللهم صل علی محمد وآل محمد وعجل فرجهم ✺●•♔
♔•●✺ اللهم صل علی محمد وآل محمد وعجل فرجهم ✺●•♔
♔♔♔♔♔♔♔♔♔♔♔♔♔♔♔♔
ถอดบทความโดย ซัยหนับ บินตี นาบาวี และ ฮาซานะฮ์ บินตี อับดุลฆอนี
คุฏบะฮ์อีดฟิตร์ ฮ.ศ.1435′ โดย ฮุจญตุลอิสลาม ซัยยิดสุไลมาน ฮูซัยนี
เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2557
ณ มัสยิดรูฮุลลอฮ์ จ.นครศรีธรรมราช
♔♔♔♔♔♔♔♔♔♔♔♔♔♔♔♔