อัดลฺอิลาฮี (ตอนที่ 15)
♡ ความยุติธรรมของพระผู้เป็นเจ้า ♡
♡ ความรัก คือ ฮิกมะฮ์ ♡
ถึงแม้ว่ามนุษย์ไม่ประสบความสำเร็จ แต่ให้รู้ไว้เถิดว่ามันมีผลดีสำหรับเขา บางครั้งเขาอาจจะไม่รู้ในตอนนั้น แต่พึงรู้ไว้ เนื่องจากเขาเป็นคนดี เป็นคนที่พระองค์ทรงรัก พระองค์จึงปกป้องอัลกุรอานได้กล่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้
ในซูเราะฮ์ บากอเราะฮ์ โองการที่ 216
وَعَسَى أَنْ تَكْرَهُوا شَيْئًا وَهُوَ خَيْرٌ لَكُمْ وَعَسَى أَنْ تُحِبُّوا شَيْئًا وَهُوَ شَرٌّ لَكُمْ وَاللَّهُ يَعْلَمُ وَأَنْتُمْ لَا تَعْلَمُونَ
“และบางครั้งพวกเจ้าอาจจะไม่ชอบสิ่งใดสิ่งหนึ่งในขณะที่สิ่งนั้นมันดีสำหรับพวกเจ้าและบางครั้งพวกเจ้าอาจจะรักสิ่งใดสิ่งหนึ่งในขณะที่สิ่งนั้นมันไม่ดีสำหรับเจ้า และอัลลอฮ์นั้นทรงรู้ดียิ่งและพวกเจ้านั้นไม่รู้”
คำอธิบาย : จากโองการดังกล่าว บ่งบอกว่า มีสิ่งที่ดีมากมายที่มนุษย์ชอบ มนุษย์ต้องการ มนุษย์ปรารถนามันในขณะที่เขาไม่รู้ว่าสิ่งนั้นไม่ดีสำหรับเขา มีโทษสำหรับเขา หลายสิ่งหลายอย่างในชีวิต มนุษย์เรียกร้องที่จะได้มาซึ่งสิ่งที่รักสิ่งที่ชอบ ในขณะที่สิ่งนั้นมันไม่ดีสำหรับเขา ทว่ามนุษย์ไม่ได้พิจารณาเลยว่ามันดีหรือไม่ดีสำหรับเขา
ปิดท้ายของโองการนี้ว่า “เจ้าไม่รู้และพระองค์นั้นทรงรอบรู้” ถ้าชีวิตเราไม่ประสบความสำเร็จเรื่องใดเรื่องหนึ่ง อย่าได้เสียใจ อย่าได้หมดหวัง อย่าได้กล่าวหาว่าพระองค์ไม่ยุติธรรม
ดังนั้น หากมนุษย์รู้ตัวว่า เขาเป็นคนดีเป็นผู้ศรัทธาแล้ว จงมั่นใจเถิดว่าพระองค์ทรงรักเขาแล้ว อะไรก็ตามที่เกิดขึ้นกับเขา ทั้งเรื่องที่พึงประสงค์และทั้งเรื่องที่ไม่พึงประสงค์ เมื่อพระองค์ทรงอนุมัติให้เกิดขึ้นกับเขา เมื่อเขารู้ว่าพระองค์รักเขาและเขาก็รักพระองค์ พึงรับรู้ไว้อะไรก็ตามที่มาจากคนรักนั้นต้องเป็นสิ่งที่ดีอย่างแน่นอน
● กลุ่มที่สอง คือ กลุ่มมนุษย์ที่ไม่เข้าใจในเหตุการณ์ทั้งที่พึงประสงค์และไม่พึงประสงค์ เป็นเพราะโดยตัวตนของเขาไม่ใ้ช้สติปัญญาในการใคร่ครวญพินิจพิเคราะห์สถานการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นกับเขาอย่างแท้จริง ด้วยเหตุนี้ เขาจึงคลางแคลงสงสัยในความยุติธรรมของพระผู้เป็นเจ้า
ประเด็นนี้ บางครั้งมนุษย์ยังไม่รู้ว่ามันเป็นสิ่งที่ดี ณ ตอนนั้น บางครั้งอาจจะมารู้ทีหลัง หรือบางครั้งอาจจะไม่รู้เลยก็ได้ ยกตัวอย่างง่ายๆ เราเดินออกจากบ้านจะไปนมาซที่มัสยิด ในระหว่างทางเราถูกรถชนขาหัก หลังจากนั้นเรามารู้ภายหลังว่า วันนั้นหากเราไม่ถูกรถชน เราอาจจะโดนยิงหรือโดนลอบฆ่า เราดีใจ เราจึงขอบคุณพระองค์ที่เพียงขาหักเพราะหากขาไม่หัก อาจจะจะเกิดเหตุการณ์ที่หนักกว่า
ดังนั้น การที่มนุษย์ได้ในสิ่งที่พึงประสงค์และไม่ได้ในสิ่งที่พึงประสงค์ คือ จะได้หรือไม่ได้สิ่งใดนั้น มีฮิกมะฮ์มีเหตุผลอยู่ ส่วนคนที่ไม่ได้เป็นคนดีนั้น อาจจะอยู่นอกประเด็นนี้ ซึ่งบางอย่างมาจากพฤติกรรมการกระทำของมนุษย์เอง
☆ ตัวอย่าง : มนุษย์ที่เสพยาหรือมียาเสพติดครอบครอง เมื่อถูกจับได้ แน่นอนว่า เขาต้องติดคุก เขาจะโทษพระองค์ไม่ได้ เพราะมาจากพฤติกรรมการกระทำของมนุษย์เอง
ฮิกมะฮ์อีกตัวอย่างหนึ่ง ในอัลกุรอานได้กล่าวถึงเรื่องราวของท่านศาสดายูซุฟ (อ) ก่อนที่ท่านจะเป็นศาสดาอย่างเป็นทางการ จะเห็นได้ว่า วิถีการดำเนินชีวิตของท่าน จะต้องผ่านการฝึกอบรบ ผ่านการขัดเกลาจิตวิญญาณ ซึ่งมีอยู่ขั้นตอนหนึ่งต้องไปฝึกในคุก
ห้วงเวลาที่ท่านศาสดายูซุฟ(อ)ถูกจับคุมขังอยู่ในคุก การอยู่ในคุก ได้สร้างวิทยปัญญาได้อย่างมากมายให้กับท่าน เช่น ท่านได้มีเวลาขัดเกลา ได้ทำอิบาดัตอย่างสมบูรณ์ โดยไม่ได้ถูกรบกวนจากบรรดาสาวๆของเมืองอิยิปต์
ความมีรูปร่างหน้าตาดีของยูซุฟ ได้เป็นที่ร่ำลือกันไปทั่วทั้งเมือง ผู้คนพูดถึงเขาว่าเป็นผู้ชายที่รูปร่างหน้าตาดีที่สุด ที่พวกเขาเคยเห็นกันมา และได้เขียนบทกวีเกี่ยวกับเขา ด้วยกับความเป็นชายชาตรีและหล่อเหลาดุจเทพบุตร แสดงให้เห็นถึงความสะอาดบริสุทธิ์ภายในจิตใจ จนสะท้อนออกมาให้เห็นบนใบหน้าของเขา ยิ่งทำให้ใบหน้าของเขา สวยงามมากยิ่งขึ้น ผู้คนจากแดนไกลได้มายังเมืองนี้ เพื่อที่จะได้ยลโฉมของเขา เมื่อได้ยลโฉมถึงขั้นว่า ไม่มีใครสามารถระงับความรู้สึกลึกๆภายในใจของตัวเองได้ จึงเป็นเหตุทำให้บรรดาผู้หญิงมารบกวนท่าน แต่ไม่มีสั กครั้งที่เขาจะแสดงความทะนงตนหรือมีความหยิ่งยโส เขายังเป็นคนถ่อมคนและสุภาพเสมอ ซึ่งความหล่อเหลาของท่านศาสดายูซุฟนั้น มีในอัลกุรอาน ในซูเราะฮ์ ยูซุฟ โองการที่ 31 ความว่า
“فَلَمَّا رَأَيْنَهُ أَكْبَرْنَهُ وَقَطَّعْنَ أَيْدِيَهُنَّ وَقُلْنَ حَاشَ لِلَّهِ مَا هَٰذَا بَشَرًا إِنْ هَٰذَا إِلَّا مَلَكٌ كَرِيمٌ”
“เมื่อพวกนางได้เห็นท่านศาสดายูซุฟก็ให้การสรรเสริญและเฉือนมือของพวกนาง และเขากล่าวว่าเป็นไปไม่ได้ นี่ไม่ใช่มนุษย์แน่ มิใช่อื่นใดแน่นอกจากมะลักผู้ทรงเกียรติ”
คำอธิบาย : การฝึกอบรบของพระองค์มีมากมายหลายวิธี บางครั้งมนุษย์อาจจะไม่ชอบแต่มันคือสูตรสำเร็จ ถ้าไม่ผ่านวิธีนี้อาจจะไม่ประสบความสำเร็จ การติดคุกของท่านศาสดายูซุฟนั้น เป็นคุกระดับเดลต้า(คุกที่ต้องการความมั่นคงสูงสุด ส่วนมากจะมีระดับนายทหาร พวกก่ออาชญากรรมต่างๆ) แต่ทว่าอะไรเกิดขึ้นหลังจากท่านนบียูซุฟ(อ)อยู่ในคุก ด้วยกับอัคลากที่สวยงาม ท่านได้เปลี่ยนพวกเขาทั้งหมดให้เป็นผู้ศรัทธา ท่านสอนให้พวกเขาเป็นมนุษย์ขึ้นมา จากคนที่เคยดุดันที่หลงในตำแหน่ง คนระดับนั้นทั้งหมด เมื่อเป็นผู้ศรัทธาอะไรจะเกิดขึ้น คนที่เป็นนายทหาร เป็นนักการเมือง แม้แต่กษัตริย์ก็ได้บอกศาสดายูซุฟ(อ)ว่านับแต่นี้เป็นตันไป เจ้าได้รับการแต่งตั้งให้เป็นคนสนิทของเรา และเราจะมอบความไว้วางใจให้เจ้าดูแลแผ่นดินของเราอย่างเต็มที่
ด้วยเหตุนี้เองที่อัลลอฮฺ(ซบ)ได้ทรงทำให้ศาสดายูซุฟมีอำนาจในแผ่นดิน ท่านมีสิทธิ์ทุกอย่างเต็มที่ที่จะเป็นเจ้าของสิ่งใดก็ได้ที่ท่านต้องการในแผ่นดินอียิปต์
เห็นได้ว่า คนเหล่านั้นได้กลายเป็นกองกำลังที่สำคัญในการช่วยเหลือท่านศาสดายูซุฟ เพราะเมื่อท่านศาสดายูซุฟออกจากคุก ภารกิจแรก คือ มีอำนาจได้ดูแลแผ่นดินอิยิปต์เต็มที่ เบื้องต้นท่านดำรงไว้ซึ่งศาสนาอิสลามด้วยวิชาการความรู้ตามท่านนบีอิบรอฮีม(อ)ผู้เป็นปู่ เมื่อวันเวลาการบริหารงานแผ่นดินได้ผ่านไป เริ่มมีกลุ่มที่ต่อต้าน จะลอบสังหารท่าน จากเรื่องราวนี้จะเห็นได้ว่า การติดคุกของท่านศาสดายูซุฟ(อ)นั้นมีฮิกมะฮ์ มีเหตุผลอย่างมากมาย
หากพิจารณา การส่งไปติดคุก นัยยะ คือ การส่งไปปฏิวัติ ถือภารกิจหนึ่งที่สำคัญ บ่งชี้ว่า การอยู่ในคุกทำให้มนุษย์เข้าใจอะไรอย่างมากมาย ซึ่งแน่นอนการอยู่ในคุกนั้นเป็นสิ่งที่ไม่มีใครต้องการ เพราะเป็นเรื่องที่ใม่มีใครพึงประสงค์ แต่หากมนุษย์เป็นผู้ที่พระองค์ทรงรักแล้วไซร้ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับเขา สิ่งนั้นมันเป็นสิ่งที่ดีสำหรับเขา เพราะหน้าที่ของเขา คือ หาเหตุผลให้เจอ เมื่อเขาหาเจอเมื่อไหร่ แน่นอนว่า เขาจะเข้าใจในบริบทความยุติธรรมของพระผู้เป็นเจ้า ซึ่งในอัลกุรอานได้ระบุให้ใช้สติปัญญาค้นหานั่นเอง
ท่านศาสดามูฮัมมัด(ศ)ได้กล่าวประโยคหนึ่งที่สูงสุดในการยอมรับความยุติธรรมของพระผู้เป็นเจ้า ความว่า
“الخير فيما وقع” (อัลคัยรุฟีมาวะกออ์)
“สิ่งที่ดีที่สุดนั้นคือ สิ่งที่ได้เกิดขึ้นแล้ว”
ดังนั้น อะไรก็ตามที่เกิดขึ้นกับมนุษย์โดยที่สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นไม่ได้มาจากความผิดของเขา ถ้ าเขาไม่ได้ทำผิดอะไร มันเป็นสิ่งที่ดี และมีเหตุผล และมีฮิกมะฮ์อยู่อย่างมากมาย
ติดตามอ่านต่อ อัดลฺอิลาฮี (ตอนที่ 16)