นิลธวัชแห่งคูรอซาน
ปาถกฐาโดยฮุจญตุลอิสลามวัลมุสลีมีน ซัยยิด สุไลมาน ฮูซัยนี
มวลการสรรเสริญเป็นสิทธิแห่งเอกองค์อัลลอฮฺ (ซ.บ.) ขอสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณในเนียะมัตและเตาฟีกฺของค่ำคืนวันอันพิสุทธิ์ประเสริฐ มีสายรายงานเป็นจำนวนมากว่าอัลลอฮฺ (ซ.บ.) ได้ทรงประทานความโปรดปรานแก่บรรดาผู้ศรัทธาและมวลมนุษยชาติ แต่ละคนจะได้รับความโปรดปรานแตกต่างกันออกไป ผู้ศรัทธาจะได้รับความโปรดปรานนั้นในรูปแบบหนึ่ง ส่วนมวลมนุษยชาติโดยรวมก็จะได้รับความโปรดปรานอีกแบบหนึ่ง
ความพิสุทธิ์ประเสริฐในค่ำคืนนี้ได้ถูกรายงานในยุคของศาสดาและบรรดาอะอิมมะฮฺก่อนป็นเวลานับศตวรรษแต่ค่ำคืนอันพิสุทธิ์ประเสริฐจริงๆ นั้น เกิดขึ้นหลังจากปีฮิจเราะฮฺ ที่ 250 อันเป็นปีที่กำเนิดของมหาบุรุษที่ถูกสัญญา …..ถูกรอคอย ความสมบูรณ์ของนิสฟูชะอฺบานจึงบังเกิดขึ้นนับแต่นั้น!!!
อิสลามแห่งอบูซุฟยานที่กำลังครอบงำมุสลิมส่วนหนึ่งในโลกอยู่ขณะนี้ มวลมุสลิมจำนวนมากต้องติดอยู่ในกับดักของอิสลามอบูซุฟยาน และอิสลามของบนีอุมัยยะฮฺ โดยเฉพาะอิสลามของบนีอุมัยยะฮฺ เป็นแนวคิดที่วิตถารผิดเพี้ยน…… และบิดเบือนข้อเท็จจริงอันประเสริฐพิสุทธิ์ของอิสลามออกไปเป็นอย่างมากเสียจนต้องนำมาพูดคุยกันในโอกาสอื่นๆ ต่อไป ท่านทั้งหลายต้องพยายามศึกษาค้นคว้าถึงสัจธรรมของอิสลามให้ถูกต้องถ่องแท้ให้ได้
ส่วนในค่ำคืนอันประเสริฐพิสุทธิ์นี้ท่านจะได้เข้าใจถึงความสำคัญในเวลาอันจำกัด แต่ว่าก็คงจะเป็นศิริมงคลแก่ท่านที่ได้เสียสละด้วยความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าจากการเดินทาง ด้วยหนทางที่ยาวไกลมารวมตัวกัน ณ ที่นี้ ขอให้ท่านจงได้รับความโปรดปรานจากเอกองค์อัลลอฮฺ (ซ.บ.) โดยทั่วกัน
พันธะสัญญาของพระองค์ที่มีต่อมวลมนุษย์ชาติ
ในพระมหาคัมภีร์อัลกุรอานเป็นปฏิสัมพันธ์ระหว่างเอกองค์อัลลอฮฺ (ซ.บ.) กับมนุษยชาติ พระองค์ทรงสัญญากับมนุษย์ไว้หลายบริบทแตกต่างกันออกไป คงไม่มีเวลาพอที่จะแจกแจงทุกเรื่องราวให้จบในคราวเดียวได้ทั้งหมด แต่มีเรื่องราวหนึ่งที่อัลลอฮฺ (ซ.บ.) ได้ทรงสัญญาไว้กับมนุษยชาติ อันเป็นสัญญาที่ยิ่งใหญ่เกรียงไกรที่สุดเรื่องหนึ่ง โดยทรงประทานสัญญานั้นในซูเราะฮฺ อัล เกาะศอศ โองการที่ 5 พระองค์ทรงตรัสว่า
وَنُرِيدُ أَن نَّمُنَّ عَلَى ٱلَّذِينَ ٱسۡتُضۡعِفُواْ فِى ٱلۡأَرۡضِ وَنَجۡعَلَهُمۡ أَٮِٕمَّةً۬ وَنَجۡعَلَهُمُ ٱلۡوَٲرِثِينَ
ความว่า “และเราได้ประสงค์ที่จะทำให้ความโปรดปรานแก่บรรดาผู้ที่ถูกกดขี่บนหน้าแผ่นดิน โดยทำให้พวกเขาเป็นผู้นำทั้งหลาย(บรรดาอิมาม) และทำให้พกเขาเป็นทายาทผู้สืบทอดมรดก”
พระองค์ทรงมีพระประสงค์ที่จะทรงประทานความเมตตา โดยขอแปลอย่างง่ายๆ ให้ได้เข้าใจว่าพระองค์ทรงมีพระประสงค์ต้องการที่จะประทานเนียะมัตที่ยิ่งใหญ่
คำว่า “มินนัต หรือ อันนะมุนนะ” คือ ความโปรดปรานที่ยิ่งใหญ่ พระองค์ทรงสัญญาว่าจะประทานเนียะมัตที่ยิ่งใหญ่นี้ ใครจะเป็นผู้รับความโปรดปรานนั้น???
คำว่า “อัลละซีนะ” คือ บุคคลที่ อัลละซีนัซตุฎ อิฟู ฟิลอัรฎฺ คือคนที่ถูกกดขี่ในโลกนี้ บุคคลใดก็ตามที่เป็นผู้ถูกกดขี่เขาคือผู้ที่อยู่ในสัญญานี้ ผู้ถูกกดขี่ถือเป็นชนชั้นต่ำของทุกสังคมในโลกนี้ ภาษาอาหรับในภาษาพระมหาคัมภีร์ อัลกุรอานเรียกว่า “พวกมุสตัฎอาฟีน” คือ ผู้ที่ถูกทำให้อ่อนแอ….. ผู้ถูกกดขี่…… หรือถ้าจะพูดให้เข้ากับกาลสมัยในสังคมไทยวันนี้ก็คือ อัลลอฮฺ (ซ.บ.) ทรงสัญญากับพวกไพร่ พวกที่สังคมมองว่าเขาเป็นพวกชั้นต่ำ แต่ถ้าแปลในภาษาว่า มุสตัฎอาฟีน เขาคือผู้ที่อ่อนแอถูกกดขี่จากชนชั้นสูงที่เป็นผู้กดขี่(ฏอฆูต) มุสตัฎอาฟีนจึงน่าจะเป็นชนชั้นที่สังคมไทยเรียกว่าพวกไพร่…… พวกรากหญ้าที่สิทธิของเขาถูกละเมิด…… สังคมมองไม่เห็นคุณงามความดีของเขา….. ไม่เห็นถึงบทบาทความสำคัญของเขาใดๆ ทั้งสิ้น
มุสตัฎอาฟีน จะเป็นทายาทบนพื้นแผ่นดินนี้
อ่านต่อในฉบับ