‘เมาลิดุนบี’ ร่วมกันรำลึกและสรรเสริญศาสดาแห่งมนุษยชาติ ตอนที่ 1
ปาฐกถาโดย ฮุจญตุลอิสลาม ซัยยิด สุไลมาน ฮูซัยนี
ในคืนวันประสูติของท่านศาสดามุฮัมมัด(ศ็อลฯ)
8 มกราคม 2558 = คํ่าคืนที่ 17 รอบีอุลเอาวัล 1437
♔•●✺ اللهم صل علی محمد وآل محمد وعجل فرجهم ✺●•♔
การสร้างความแตกแยกในหมู่ประชาชาติอิสลาม คือ แผนการร้ายของศัตรู ขบวนการทำลายท่านศาสดามีขึ้นในยุคทุกสมัย หากเอกภาพระหว่างชีอะห์กับซุนนียังไม่เกิดขึ้น ท่านอิมามมะฮ์ดี(อ)ก็จะยังไม่ปรากฏตัว
ท่านอิมามโคมัยนี(รฎ) ผู้ประกาศสัปดาห์เอกภาพ
เนื่องในวาระครบรอบวันประสูติของท่านศาสดามุฮัมมัด(ศ็อลฯ) และท่านอิมามญะอ์ฟัร อัศศอดิก(อ) ท่านฮุจญตุลอิสลาม ซัยยิด สุไลมาน ฮูซัยนี ได้กล่าวปาฐกถาถึงความประเสริฐของค่ำคืนเมาลิด ณ. มัสยิดรูฮุลลอฮ์ ว่า คืนประสูติของท่านศาสดามุฮัมมัด(ซล)เป็นค่ำคืนแห่งบารอกัต ค่ำคืนที่ยิ่งใหญ่ ค่ำคืนแห่งความเมตตา และค่ำคืนที่รอฮ์มัตได้ถูกประทานลงมาให้กับโลกทั้งผอง
ท่านฮุจญตุลอิสลาม ซัยยิด สุไลมาน ฮูซัยนี ถือว่า เดือนเมาลิดุนบี เป็นเดือนแห่งการถือกำเนิดของบรมศาสดา ที่จะนำมาซึ่งความเมตตาทุกประเภทให้กับมวลมนุษยชาติ พร้อมกับกล่าวย้ำว่า มุฮัมมัด(ศ็อลฯ)เป็นศาสดาที่ได้ถูกสัญญาเอาไว้ ตั้งแต่ยังไม่ได้สร้างสรรพสิ่งและโลกทั้งผอง ทุกศาสนิกชนรอคอยการปรากฏตัวของท่าน ถูกทำนายเอาไว้ในทุกๆศาสนาที่มีรากฐานเดิมที่เป็นศาสนาที่ถูกประทานมาจากฟากฟ้า และหลังจากการปรากฏของศาสดาท่านนี้แล้ว ทุกแนวคิด ทุกอุดมการณ์ และทุกลัทธิก็จะต้องล่มสลายและยอมรับในหลักคำสอนของท่านศาสดามุฮัมมัด(ศ็อลฯ)
ท่านฮุจญตุลอิสลาม ซัยยิด สุไลมาน ฮูซัยนี ได้ชี้ถึงความสำคัญของวันประสูติของท่านอิมามญะอ์ฟัร อัศศอดิก (อ) ซึ่งเป็นหนึ่งในอิมามผู้สืบทอดเจตนารมณ์และทายาทของท่านศาสดามุฮัมมัด(ศ็อลฯ) ทั้งทางด้านความรู้และวัฒนธรรม
ท่านอิมามญะอ์ฟัร(อ)เป็นที่ถูกยอมรับของพี่น้องชาวอะห์ลิซซุนนะฮ์ ท่านเป็นอาจารย์ของอิมามทั้ง 4 มัศฮับ ทั้งทางตรงและทางอ้อม โดยเฉพาะอิมามมาลิก กับ อิมามฮานาฟี ที่ได้เรียนรู้โดยตรงกับท่านอิมามญะอ์ฟัร(อ)
ท่านกล่าวเสริมว่า บรรดาอิมามแห่งสี่มัศฮับอะห์ลิซซุนนะฮ์ ได้ประกาศถึงบุคลิกภาพอันยิ่งใหญ่ของท่านอิมามศอดิก(อ) โดยที่อิมามฮานาฟี ซึ่งเป็นปฐมอิมามของพี่น้องชาวอะห์ลิซซุนนะฮ์ กล่าวว่า
“ถ้าไม่ใช่เพราะ 2 ปีที่ฉันได้เรียนกับญะอ์ฟัร อัศศอดิกแล้ว นุอ์มาน (ฉัน) ก็จะต้องพบกับความพินาศในเรื่องของความรู้อย่างแน่นอน ”
ท่าน ฮุจญตุลอิสลาม ซัยยิด สุไลมาน ฮูซัยนี กล่าวชี้ถึง ความชาญฉลาดของท่านอิมามโคมัยนี (รฎ) ที่ทรงเห็นความสำคัญของเอกภาพระหว่างพี่น้องมุสลิมว่า แม้นว่าในริวายะห์ที่เกี่ยวข้องกับวันประสูติของท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ็อลฯ) ระหว่างพี่น้องชีอะห์และซุนนีจะมีความแตกต่างกัน คือ ทัศนะของพี่น้องอะห์ลิลซุนนะห์ ท่านศาสดาถือกำเนิดในวันที่ 12 รอบิอุลเอาวัล ส่วนในสายธารแห่งอิมามมียะฮ์ ถือ กำเนิดในวันที่ 17 รอบิอุลเอาวัล แต่หลังจากการปฏิวัติอิสลามและสถาปนารัฐอิสลามในประเทศอิหร่านประสบความสำเร็จ ท่านอิมามโคมัยนี(รฎ)ก็ได้มีคำสั่งประกาศเจตนารมณ์อันยิ่งใหญ่ ด้วยการรวม 2 ริวายัตแห่งความขัดแย้ง ประกาศให้วันที่ 12-17 คือสัปดาห์แห่งเอกภาพระหว่างมวลมุสลิม
ท่าน ฮุจญตุลอิสลาม ซัยยิด สุไลมาน กล่าวย้ำว่า การประกาศสัปดาห์เอกภาพโดยท่านอิมามโคมัยนี(รฎ) เป็นความคิดที่ท้าทายเป็นอย่างมาก ทั้งฝ่ายชีอะฮ์ในเบื้องต้นก็มีกระแสต่อต้านพอสมควร โดยเฉพาะฝ่ายซุนนะฮ์ ที่คิดว่า มันเป็นสองเส้นขนานที่ไม่มีวันได้พบกัน !!!
ท่านฮุจญตุลอิสลาม ซัยยิด สุไลมาน ฮูซัยนี ได้ชี้ถึง ความพยายามของลัทธิแปลกปลอมในอิสลาม โดยเฉพาะลัทธิวะฮาบี ที่ต่อต้านการจัดงานเมาลิดุนบี ว่า เป็นระยะเวลา 200 กว่าปี ที่ลัทธิแปลกปลอมในอิสลาม ต้องการทำลายท่านศาสดามุฮัมมัด(ศ็อลฯ) โดยเฉพาะการจัดงานเมาลิดอันเป็นสัญลักษณ์หนึ่งแห่งการรำลึกถึงท่านศาสดา เพื่อให้ชื่อของท่านนบีมุฮัมมัด(ศ็อลฯ)นั้นหายไปจากหน้าประวัติศาสตร์ หรือพยายามที่จะ เอาชื่อของท่านนบีมุฮัมมัด(ศ็อลฯ)นั้นออกจากศาสนาให้สำเร็จให้ได้
ท่านฮุจญตุลอิสลาม ซัยยิด สุไลมาน ฮูซัยนี กล่าวย้ำถึงขบวนการทำลายท่านนบี(ศ็อลฯ) ว่า แนวคิดของอิสลามที่บนีอุมัยยะฮ์ได้สร้างขึ้นมานั้น ต้องการที่จะทำลายสิ่งเหล่านี้
มีหลักฐานในประวัติศาสตร์มากมายที่ได้ถูกบันทึกโดยอาลิมอุลามาอ์ ของพี่น้องชาวอะลิซซุนนะฮ์ บันทึกเอาไว้ว่า…
“วันหนึ่งเมื่อมุอาวียะฮ์บุตรของอบูซุฟยาน นั่งอยู่ในวังเขียวของเขา และได้ยินเสียง อะซาน ดังมาจากหออะซาน
เมื่อถึงประโยค “ขอปฏิญาณว่ามุฮัมมัดนั้นเป็นศาสนทูตของอัลลอฮ์(ซบ)”
มุอาวียะฮ์รำพึงขึ้นมา โดยอุทานว่า “ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่ฉันยังทำไม่สำเร็จ”
สาวกคนหนึ่งถามว่า หมายความว่าอย่างไร ?
เขาตอบว่า “ฉันยังไม่สามารถเอาชื่อนี้ออกจากเสียงอะซานได้สำเร็จ”
ท่านฮุจญตุลอิสลาม ซัยยิด สุไลมาน ฮูซัยนี ได้ชี้ถึงลัทธิที่สานต่ออุดมการณ์ของมุอาวียะห์ ว่า วะฮาบี ซาลาฟี ตักฟีรี มีกระบวนการที่แยบยลเป็นอย่างมาก โดยกล่าวหามุสลิมที่ไม่เห็นด้วยกับตนว่าเป็นกาฟิร ซึ่งเป็นข้อกล่าวหาที่น่าตกใจยิ่ง เช่น การจัดงานเมาลิดุนบีเป็นบิดอะฮ์ และเป็นกาฟิร โดยจะใช้ตรรกะวิบัติทั้งหมดในการที่จะต่อต้านอิสลามอันบริสุทธิ์ ต่อต้านอิสลามของท่านนบีมูฮัมมัด(ศ็อลฯ)
ซึ่งการทำความเข้าใจในเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะรากฐานของคนเหล่านี้มาจากอิสลามแห่ง บนีอุมัยยะฮ์ที่ได้สร้างขึ้นมา
ท่านฮุจญตุลอิสลาม ซัยยิด สุไลมาน ฮูซัยนี กล่าวเสริมว่า ในวันนั้น มุอาวียะฮ์ทำได้แค่อุทานขึ้นมา เมื่อได้ยินชื่อของท่านนบียังอยู่ในอะซาน แต่วันนี้เมื่อวะฮาบีได้ปกครองแผ่นดินฮิญาซหรือประเทศซาอุดิอาระเบียแล้ว คนที่อะซานแล้วทำการศอลาวาต ถูกสั่งให้ตัดคอแล้ว
เราจะต่อสู้กับลัทธินี้อย่างไร ?
ท่านได้ชี้ถึงแนวทางในการต่อสู้ ว่า ตราบใดที่ยังยอมรับอิสลามของบนีอุมัยยะฮ์ และยอมรับว่ามุอาวียะฮ์บุตรของอบูซุฟยาน คือ อะมีรุลมุอ์มินีน มันก็หมดสิทธิ์ที่จะแก้ไขปัญหานี้ได้ เพราะอิสลามที่บนีอุมัยยะฮ์ได้สร้างมานั้น คือ อิสลามที่ลดบทบาทของท่านนบีมูฮัมมัด(ศ็อลฯ)
ท่านฮุจญตุลอิสลาม ซัยยิด สุไลมาน ฮูซัยนี ได้ชี้ถึงแบบฉบับของอิมามญะอ์ฟัร อัศศอดิก(อ) ในการให้เกียรติและเคารพชื่อของท่านนบีมุฮัมมัด(ศ็อลฯ) ว่า ทุกครั้งที่ชื่อของท่านนบีมูฮัมมัด(ศ็อลฯ) ถูกเอ่ยขึ้น สีหน้าของท่านจะเปลี่ยนไป เพราะตระหนักถึงความยิ่งใหญ่ของศาสดาองค์นี้
บางริวายัตได้กล่าวว่า บางครั้งท่านจะเอามือของท่านตั้งบนศีรษะ แล้วก็ก้มลงคารวะ เมื่อได้ยินชื่อของท่านนบีมุฮัมมัด(ศ็อลฯ) แล้วก็พูดว่า….
มูฮัมมัด…….. มูฮัมมัด……. มูฮัมมัด
และนั่นเป็นที่มาของการก้มโค้งคารวะ เมื่อเราเอ่ยชื่อท่านศาสดามุฮัมมัด(ศ็อลฯ)และบรรดาอิมาม (อ)
ท่านฮุจญตุลอิสลาม ซัยยิดสุไลมาน ฮูซัยนี ตั้งคำถามว่า แบบอย่างเหล่านี้เกิดขึ้นเมื่อไหร่ ?
เกิดขึ้นเมื่อท่านนบีมุฮัมมัด(ศ็อลฯ)ยังมีชีวิตอยู่หรือ ?
แน่นอนคำตอบคือ เมื่อท่านนบีมูฮัมมัด(ศ็อลฯ)ได้จากโลกนี้ไปนับเป็นศตวรรษแล้ว โดยมีท่านอิมามญะอ์ฟัร ศอดิก(อ)เป็นผู้แสดงแบบฉบับอันนี้ !!!
ท่าน ฮุจญตุลอิสลาม ซัยยิด สุไลมาน ฮูซัยนี กล่าวเสริมว่า ในประวัติศาสตร์มีการบันทึกอย่างเป็นเอกฉันท์ เมื่อ ‘มุฮัมมัด บิน อับดุลวะฮาบ’ มีอำนาจและราชวงศ์ซะอูดได้สถาปนารัฐโจรทะเลทรายขึ้นมาในแผ่นดินของท่านนบีแล้ว
‘มุฮัมมัด บิน อับดุลวะฮาบ’ ได้เอาไม้เท้าของมันไปยืนที่หลุมศพของท่านนบี แล้วทิ่มไปที่หลุมศพ อีกทั้งมีการห้ามปรามคนไม่ให้ไปซิยารัตด้วย
ท่านกล่าวย้ำว่า ลัทธิวะฮาบี ถือว่า การซิยารัตเป็นการตั้งภาคี (ชีริก) พร้อมกับย้อนถามบรรดาพี่น้องมุสลิมที่มาเยี่ยมเยียน ว่า มาทำอะไร ?
มาซิยารัตทำไม? มุฮัมมัดได้เสียชีวิตไปแล้ว ไม้เท้าที่อยู่ในมือของฉันยังมีประโยชน์เสียยิ่งกว่ามุฮัมมัดที่เสียชีวิตแล้วเสียอีก !!!
ท่านฮุจญตุลอิสลาม ซัยยิด สุไลมาน ฮูซัยนี ชี้ถึงการต่อสู้ของสองแนวคิด ในการสนับสนุนและต่อต้านเมาลิดุนบี ว่า แนวคิดลัทธิวะฮาบี ถือว่า ท่านนบีเสมือนบุรุษไปรษณีย์ ที่นำสาส์นแล้ว ก็ได้จากโลกนี้ไป แต่อีกแนวคิดหนึ่ง เชื่อว่า ท่านนบีมุฮัมมัด(ศ็อลฯ)ยังคงอยู่ กล่าวคือ แม้นว่าร่างของท่านจะถูกฝังและจากโลกนี้ไปแล้วก็ตามที แต่ความยิ่งใหญ่ของท่านยังคงอยู่นิรันดร์ การรำลึกถึงท่าน การพึ่งพายังท่านต้องคงอยู่ และนี่คือ ที่มาของการตะวัซซุล
♔•●✺ اللهم صل علی محمد وآل محمد وعجل فرجهم ✺●•♔
(โปรดติดตามตอนที่ 2 เป็นตอนต่อไป)
%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%
ถอดความโดย ญะอฺฟัร บิน สุไลมาน
เรียบเรียงโดย เชคอิบรอฮีม อาแว
ภาพประกอบโดย มูฮัมหมัดฮูซัยนี บิน ซัมซูดีน
%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%