รัตติกาลแห่งอานุภาพ (ตอนที่ 1)

169

“หากต้นไม้ทั้งหมดเป็นปากกา ทะเลทั้งหลายเป็นน้ำหมึก มนุษย์และญินทั้งหมดเป็นตำราและบัญชีบันทึก ก็ไม่อาจพรรณนาถึงเกียรติยศต่างๆ ของท่านอะลี อิบนี อบี ฏอลิบ(อ) ได้หมด”


 

ค่ำคืนนี้ เป็นค่ำคืนที่ยิ่งใหญ่ ค่ำคืนที่ประเสริฐ ค่ำคืนหนึ่งที่ประเสริฐกว่าหนึ่งพันเดือน ค่ำคืนที่พระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน ซึ่งเป็นคัมภีร์สุดท้ายแห่งมวลมนุษยชาติ ได้ถูกประทานลงมา คัมภีร์ที่ไม่มี ความคลางแคลงสงสัยใดๆ คัมภีร์ที่ถูกประทานลงมาเพื่อค้นหาความเร้นลับและสร้างความศรัทธามั่น ค่ำคืนที่อัรรูฮ์ ถูกประทานลงมา ค่ำคืนที่กิจการต่างๆของมนุษยชาติจะถูกกำหนด ซึ่งหากมนุษย์ได้พบกับสิ่งเหล่านี้แล้ว ชีวิตเขาจะมีแต่ความสันติที่เป็นนิรันดร์ ค่ำคืนที่ถูกกำหนดควบคู่กับการไว้อาลัย ไว้ทุกข์ นับตั้งแต่ดาบแห่งความชั่วร้ายและอัปยศ ได้ฟันไปที่มัคลูคที่ประเสริฐที่สุด นับตั้งแต่ค่ำคืนนั้น ถึงวันนี้ นับเป็นพันปี ลัยละตุลก็อดร์อันสว่างไสว ควบคู่กับอาภรณ์สีดำเพื่อการไว้ทุกข์ ไว้อาลัย สำหรับบุคคลที่พบกับลัยละตุลก็อดร์ที่แท้จริงนั้น เขาจะสวมใส่อาภรณ์แห่งการไว้ทุกข์ ไว้อาลัยมาตลอดนับพันๆปี

บริบทแห่งลัยละตุลก็อดร์ได้เปลี่ยนแปลงไป นับตั้งแต่ดาบอันอัปยศ ได้ฟันลงบนศีรษะของ อะมีรุลมุอฺมินีน อะลี อิบนิ อบีฏอลิบ(อ) มัคลูคที่ควรค่าต่อการค้นหาความจริง มัคลูคที่เป็นฮากีกัต (แก่นแท้) ของการสร้างทุกสรรพสิ่ง มัคลูคที่เป็นผู้รู้ความลับ และเป้าหมายของพระผู้สร้าง และเป็นหนึ่งในมัคลูคที่เปี่ยมไปด้วยความสมบูรณ์

จงถามฉันมาเถิด

อะลี อิบนิ อบีฏอลิบ(อ) คือใคร ? ทำไมทุกความยิ่งใหญ่จึงถูกรวมไว้ที่ท่าน ? ในค่ำคืนนี้ ท่านอะลี อิบนิ อาบีฏอลิบ(อ) กำลังนอนอยู่บนเตียงๆหนึ่งในเมืองกูฟะฮ์ บางครั้งท่านก็หลับลงไปเพราะพิษของบาดแผล บางครั้งท่านก็ตื่นขึ้นมาด้วยกับเสียงร่ำไห้ระงมของผู้คน ขณะเดียวกันมีบุคคลจำนวนมาก มาเยี่ยมอาการของท่าน หนึ่งในนั้นคือ เศาะ ศออะฮ์ บิน ซูฮาน ซึ่งเป็นที่มาของฮะดิษหนึ่ง ที่น่าศึกษาและควรแก่การทำความเข้าใจเป็น อย่างยิ่ง

เศาะ ศออะฮฺ บิน ซูฮาน ได้เฝ้าอาการป่วยของท่านอิมามอะลี(อ) อยู่ข้างเตียง เมื่อท่าน อิมาม ตื่นขึ้นมา ได้กล่าวว่า

سلونى قبل ان تفقدوني

“ จงถามฉันมาเถิด ก่อนที่จะไม่มีฉันให้ถาม ”

เมื่อ เศาะ ศออะฮ์ ได้ยินเช่นนี้ นับเป็นโอกาสที่ยิ่งใหญ่ จึงเข้าไปใกล้ท่านอิมามอะลี(อ) พร้อมกับกล่าวว่า เมื่อท่านอนุญาตให้ถาม แม้ว่าท่านอยู่ในสภาพเช่นนี้ ฉันก็ขออนุญาตที่จะถามท่าน สิ่งแรกได้ถามว่า ระหว่างท่านกับอาดัม(อ) ใครสูงส่งกว่ากัน? เบื้องต้นท่านอิมามได้พูดว่า เจ้าไม่รู้หรอกหรือว่า มนุษย์ไม่ควรอวดตัวเอง แต่เมื่อเจ้า ได้ยืนยันในคำถามเดิมฉันก็จะตอบให้กับเจ้า ว่า ฉันประเสริฐกว่าอาดัม(อ) เมื่อท่านอิมาม(อ) บอกว่าฉันประเสริฐกว่า เศาะศออะฮ์ บิน ซูฮาน ก็ได้ถามว่า ท่านประเสริฐกว่าอย่างไร?? ท่านอิมาม(อ) กล่าวว่า นบีอาดัม (อ) ได้สัญญากับอัลลอฮฺ (ซบ) ว่าจะไม่เข้าใกล้ต้นไม้หนึ่งหลังจากที่อัลลอฮฺ(ซบ) ได้อนุมัติ นิอฺมัตต่างๆในสรวงสวรรค์ และอาดัม(อ) ก็ได้รับสัญญาอันนั้นแต่เขาทำไม่ได้ …!!!

ต้นไม้ที่ต้องห้าม

เกี่ยวกับต้นไม้ที่อัลลอฮฺ(ซบ) ได้วางพันธะสัญญากับอาดัมนั้น บรรดาอุลามาอฺ ได้ให้ทัศนะที่แตกต่างกัน บางทัศนะ กล่าวว่า ต้นไม้อันนั้นคือ “ข้าวสาลี” แต่บางอุลามาอฺ บอกว่าเป็นเพียงสัญลักษณ์ คือ “สัญลักษณ์แห่งความสุขสบาย” สัญลักษณ์ของการใช้ประโยชน์จากดุนยาจนเกินไป สัญลักษณ์ของการมีความสุขในดุนยาเกินความพอใจของพระองค์ ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นต้นไม้อะไร มันก็เป็นการนำเสนอในเชิงสัญลักษณ์ ว่า ท่านนบีอาดัม (อ) ไม่สามารถที่จะปฏิบัติตามสัญญาต่ออัลลอฮฺ(ซบ) ได้ แต่ท่านอิมามอะลี(อ) ได้บอกว่า ฉันได้ปฏิบัติแทน อาดัม(อ) โดยที่ฉันไม่ได้รับสัญญาจาก อัลลอฮฺ(ซบ)

หมายความว่า ตลอดชีวิตของท่านอิมาม(อ) ท่านไม่เคยเข้าใกล้ความสุขแห่งดุนยาที่เกินความจำเป็น แน่นอนในรายละเอียดนั้น มันไม่ได้เป็นสิ่งที่ง่ายสำหรับมนุษย์ ที่จะปฏิบัติและเข้าใจสิ่งต่างๆเหล่านี้ เมื่อรู้ว่า อัลลอฮฺ(ซบ) มีพระประสงค์ที่จะเห็นมนุษย์คนหนึ่งในโลกนี้ปฏิเสธความสุขที่เกินความจำเป็น ท่านอิมาม(อ) ได้เสนอตัวที่จะปฏิบัติตามพระประสงค์ ของอัลลอฮฺ(ซบ) ในสิ่งที่อาดัม(อ) ไม่สามารถปฏิบัติได้

ดุนยาไม่เคยมีค่าอันใดต่อมหาบุรุษผู้นี้ มีตัวอย่างมากมาย ในชีวิตของท่าน ไม่ว่าชีวิตในยุคสมัยที่อยู่เคียงข้างกับท่าน รอซูลุลลอฮฺ(ซล) หรือชีวิตที่ใช้ร่วมกับท่านหญิงฟาฏิมะฮฺ อัซซะฮฺรอ(ซ) หรือชีวิตในช่วงที่ท่านดำรงตำแหน่งคอลีฟะฮฺ ที่ได้ปฏิบัติในสิ่งที่นบีอาดัม (อ)ทำไม่ได้ นั้นคือเหตุผลหนึ่งที่ท่านไปถึงมะกอม (ตำแหน่งสถานะภาพ) อันยิ่งใหญ่ที่สุด ที่ไม่มีใครรู้ได้ว่าอิมามอะลี (อ) นั้นอยู่ในมะกอม (สถานะภาพ) ใด เว้นแต่รอซูลุลลอฮฺ(ซล) และอัลลอฮฺ(ซบ) เท่านั้น

ในช่วงที่ท่านดำรงตำแหน่งคอลิฟะฮฺ มีรายงานมากมายบันทึกว่า ท่านจะมีถุงๆหนึ่งผูกติดตัวอยู่เสมอ ได้มีการตีความต่างๆนานา อาจเป็นถุงเพชร ถุงทอง จึงมีการพยายามที่จะพิสูจน์ว่าในถุงนั้นมันมีอะไรกันแน่ และเมื่อพิสูจน์ ก็ได้พบว่าในถุงนั้นมีขนมปัง หรือโรตี ทำมาจากข้าวบาร์เลย์ที่มันแข็งเกินที่จะกินได้ในภาวะปกติ เมื่อท่านจะรับประทาน ก็ได้แช่น้ำเอาไว้เพื่อให้นิ่มแล้วจึงรับประทาน สิ่งนี้เพื่อที่จะพิสูจน์ให้แก่อัลลอฮฺ (ซบ) ว่า สิ่งที่พระองค์ประสงค์ พระองค์ก็จะได้เห็นและมนุษย์คนนั้นคือ อะลี อิบนิ อบีฏอลิบ

ตลอดชีวิตของท่าน อาหารของท่านจะมีเพียงสองอย่าง คือ นมกับขนมปัง หรือขนมปังกับเกลือ หรือขนมปังจิ้มกับน้ำส้มหมักเท่านั้น แต่ในขณะเดียวกันท่านมีความพร้อมที่จะบริจาคทุกสิ่งทุกอย่าง

มีเหตุการณ์หนึ่ง ในภาวะที่เกิดความแร้นแค้น ท่านได้นำเสื้อเกราะของท่านไปจำนำ เพื่อไปซื้ออาหารให้คนในครอบครัวของท่าน ท่านไม่ได้กลับมา ที่บ้านหลายวัน เมื่อท่านกลับมาที่บ้านก็ได้ขออาหารจากท่านหญิงฟาฏิมะฮฺ อัซซะฮรอ (ซ) ท่านหญิงจึงบอกว่า ท่านไม่รู้ดอกหรือว่าบ้านหลังนี้ไม่ได้ปรุงอาหารมาหลายวันแล้ว ท่านอิมาม ตกใจเป็นอย่างมาก จึงได้ออกไปเอา เสื้อเกราะของท่านไปจำนำ เมื่อได้เงินมาจำนวนหนึ่งในระหว่างทางได้พบกับท่านมิกดาด หนึ่งในอัครสาวกของ ท่านรอซูลุลลอฮฺ(ซล) ซึ่งนั่งกอดเข่าอยู่ข้างๆทาง ด้วยความโศกเศร้า ท่านอิมาม (อ) ก็ได้ถามว่าเกิดอะไรขึ้นหรือ? และเมื่อทราบแล้วว่า ไม่มีทรัพย์สินเงินทองในการซื้ออาหาร ท่านอิมามอะลี(อ) ก็ได้บริจาคเงินทั้งหมดที่ได้มาจากการจำนำให้แก่มิกดาด แล้วท่านก็กลับบ้านมือเปล่า เมื่อแจ้งให้ท่านหญิงฟาฏิมะฮฺ(ซ) ทราบท่านหญิงก็ดีใจเป็นอย่างมาก

เรื่องในลักษณะเช่นนี้นั้น เกิดขึ้นตลอดในชีวิตของอะลี อิบนิ อบีฏอลิบ (อ) ไม่ว่าท่านจะอยู่ในตำแหน่งใด


………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

“วันนี้ ข้าประสบความสำเร็จแล้ว โอ้พระผู้อภิบาลแห่งกะอบะฮฺ”

ปาฐกถา เนื่องในวันคล้ายคืนชะฮาดัตของท่านอิมามอะลี(อ) ณ มัสยิด รูฮุลลอฮฺ นครศรีธรรมราช

(บรรยายโดย ฮุจญตุลอิสลามวัลมุสลีมีน ซัยยิด สุไลมาน ฮูซัยนี)……………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

ติดตามอ่านต่อ รัตติกาลแห่งอานุภาพ(ตอนที่ 2)